9-technique-for-seo-off-page

9 เทคนิคการทำ Off-Page SEO ให้ติดอันดับ ในยุค AI อัพเดท 2026

Table of Contents

Key Takeaways: สรุปแก่นสำคัญ Off-Page SEO

  • Competitor is your Teacher: อย่าเสียเวลาหาลิงก์แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ไปดูว่าคู่แข่งได้ลิงก์จากไหน แล้วตามไปเอาบ้าง (Reverse Engineering)
  • AI Citation: ยุคนี้ต้องแคร์ว่า AI (ChatGPT, Gemini, Perplexity) รู้จักแบรนด์เราไหม ไม่ใช่แค่อันดับบน Google
  • Quality > Quantity: เลิกหา Backlink ขยะ เน้นลิงก์จากเว็บที่มีความเกี่ยวข้อง (Relevance) และน่าเชื่อถือเท่านั้น
  • Diversification: กระจายความเสี่ยง อย่าพึ่งพาแค่ Backlink อย่างเดียว ต้องมี Brand Mention และ Local SEO ด้วย

เคยไหมครับ? เขียนบทความแทบตาย ปรับ On-Page จนเขียวทุกจุด เนื้อหาก็ดีกว่าคู่แข่งเห็นๆ แต่ทำไมอันดับบน Google ถึงไม่ขยับ หรือขยับก็ไม่ถึงหน้าแรกสักที?

ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดีครับ ตลอด 10 ปีที่ผมคลุกคลีอยู่ในวงการ SEO ให้กับลูกค้าหลายราย ปัญหาคลาสสิกที่ผมเจอบ่อยที่สุดคือ “เราโฟกัสแต่ในบ้านตัวเอง จนลืมสร้างบารมีนอกบ้าน” ครับ

ในยุคที่ Google ฉลาดขึ้นทุกวัน และ AI Search (SGE) เข้ามามีบทบาท การทำ SEO แค่ในเว็บไซต์ (On-Page) เปรียบเสมือนการเปิดร้านอาหารที่อร่อยมากแต่ตั้งอยู่ในซอยลึก ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีคนพูดถึง ย่อมไม่มีใครรู้จักครับ วันนี้ผมและทีมงาน Minimice Group จึงอยากพาคุณเจาะลึก “9 เทคนิคการทำ Off-Page SEO” ที่คัดมาแล้วว่าเวิร์กจริง ตัดสิ่งที่ล้าสมัยออก และเน้นสิ่งที่ Google ให้ค่าจริงๆ ในปี 2025-2026 ครับ

9-technique-for-seo-off-page

1. Competitor Backlink Mining: ขุดสมบัติจากหลังบ้านคู่แข่ง

Competitor Backlink Mining คือ เทคนิคการวิเคราะห์โปรไฟล์ลิงก์ (Backlink Profile) ของเว็บไซต์คู่แข่งที่ติดอันดับหน้าแรก เพื่อดูว่าเขาได้รับลิงก์มาจากเว็บไหนบ้าง แล้วเราก็ติดต่อไปขอลิงก์จากเว็บเหล่านั้นบ้าง

วิธีนี้ผมเรียกว่า “ทางลัดระดับเทพ” ครับ เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาเดาว่าเว็บไหนดี หรือเว็บไหนยอมให้ติดลิงก์ ถ้าคู่แข่งทำได้ แปลว่าประตูบานนั้นเปิดอยู่ครับ

Deep Dive ขั้นตอนการทำจริง:

  1. Identify Competitors: เลือกคู่แข่งที่อยู่อันดับ 1-5 ใน Keyword ที่เราต้องการ
  2. Use Tools: ใช้เครื่องมืออย่าง Ahrefs หรือ Semrush ใส่โดเมนคู่แข่งลงไป เลือกเมนู “Backlinks” หรือ “Referring Domains”
  3. Analyze & Filter: กรองหาเว็บที่มีคุณภาพ (ตัดเว็บพนัน หรือเว็บสแปมออก) ดูว่าเขาได้ลิงก์มายังไง?
    • Guest Post? -> เราติดต่อขอเขียนบ้าง
    • Directory? -> เราไปสมัครบ้าง
    • Review? -> เราส่งสินค้าไปให้เขารีวิวบ้าง

Actionable Tips:

  • Gap Analysis: ใช้ฟีเจอร์ “Link Intersect” ใน Ahrefs เพื่อดูว่า “เว็บไหนที่ลิงก์หาคู่แข่ง 3 เจ้า แต่ไม่ลิงก์หาเรา” เว็บเหล่านั้นคือโอกาสทองที่คุณต้องรีบติดต่อไปครับ
  • จดลิสต์รายชื่อเว็บเป้าหมายลง Excel ไว้ แล้วทยอยติดต่อวันละ 2-3 เว็บ อย่าทำตูมเดียว เดี๋ยว Google ตกใจครับ
ai-visibility-citation

2. AI Visibility & Citation: เตรียมตัวให้ถูกมองเห็นโดย AI Search (ChatGPT/Gemini/Perplexity)

AI Visibility Optimization คือ การทำ Off-Page ในรูปแบบการสร้าง “Digital Citations” หรือการถูกอ้างอิงข้อมูลบนโลกออนไลน์ เพื่อให้เครื่องมือ AI Search (SGE) สามารถดึงข้อมูลแบรนด์เราไปตอบคำถามผู้ใช้งานได้

ในปี 2026 คนเริ่มถาม Google หรือ ChatGPT ว่า “แนะนำบริษัทรับสร้างบ้าน ที่น่าเชื่อถือหน่อย” AI จะไม่ได้ดูแค่ Backlink แต่จะดู “Citation Consistency” หรือความสม่ำเสมอของข้อมูลที่ปรากฏบนแหล่งข้อมูลที่ AI เชื่อถือ

Deep Dive จากประสบการณ์:

ผมทดลองกับแบรนด์ลูกค้าเจ้าหนึ่ง โดยเน้นไปลงข้อมูลบริษัทในเว็บ Yellow Pages, เว็บสมาคมธุรกิจ, และ Wikipedia (ถ้าทำได้) ผลปรากฏว่าเมื่อลองถาม Perplexity เกี่ยวกับบริการนั้น AI เริ่มแนะนำชื่อแบรนด์ลูกค้าเราขึ้นมาเป็น Choice แรกๆ ครับ

Actionable Tips:

  • Structured Citation: ลงทะเบียนธุรกิจในสารบัญเว็บ (Business Directory) ชั้นนำของไทย เช่น ThaiFranchiseCenter, YellowPages โดยต้องระบุ ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร (NAP) ให้ตรงกันทุกตัวอักษร
  • Brand Mention: พยายามให้ชื่อแบรนด์ไปปรากฏในบทความข่าว หรือเว็บที่มี Authority สูงๆ เพื่อให้ AI จับ Entity ของแบรนด์เราได้
  • Check Visibility: ลองใช้ AI อย่าง Gemini หรือ Perplexity (https://www.perplexity.ai/) ถามเกี่ยวกับ Keyword ธุรกิจของคุณ ดูว่ามันอ้างอิงเว็บไหนบ้าง แล้วพยายามเอาแบรนด์เราไปอยู่ในเว็บเหล่านั้น

3. High-Quality Link Building ที่มีตัวตนจริง

Off-Page SEO คือ กระบวนการสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) และความนิยม (Popularity) ให้กับเว็บไซต์ผ่านปัจจัยภายนอก โดยหัวใจหลักคือการได้รับ Backlink จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้กลับมาหาเรา เปรียบเสมือนการได้รับ “เสียงโหวต” จากเพื่อนร่วมวงการ

ค่าคะแนน DA/DR ไม่สำคัญอีกต่อไป

หลายคนยังยึดติดว่าต้องหา Backlink จากเว็บที่มีค่า Domain Authority (DA) หรือ Domain Rating (DR) สูงๆ เท่านั้น ผมขอแย้งจากประสบการณ์ตรงเลยครับว่า “Relevance (ความเกี่ยวข้อง) สำคัญกว่า Power”

สมมติคุณขาย “อะไหล่รถยนต์” การได้ลิงก์จากเว็บ “ชมรมคนรักรถแต่ง” (DA 20) มีค่าทาง SEO และ Business Value สูงกว่าการได้ลิงก์จากเว็บ “ข่าวบันเทิงทั่วไป” (DA 80) มหาศาลครับ เพราะ Google AI ในยุค SGE เข้าใจ Context ว่าเว็บไหนคือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริงๆ

Actionable Tips:

  • Guest Posting: ติดต่อเว็บ Partner ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อขอเขียนบทความให้ความรู้และแลกเครดิตลิงก์
  • Resource Page Link Building: หาหน้าเว็บที่รวบรวมข้อมูล (เช่น “รวมรายชื่อบริษัทรับทำบัญชี”) แล้วขอให้เขาเพิ่มชื่อเราเข้าไป
  • ตรวจสอบ Outbound Link: ลิงก์ที่เราได้มาต้องเป็น Dofollow เป็นหลัก แต่ Nofollow ก็มีประโยชน์ในการสร้าง Natural Profile

4. Broken Link Building เปลี่ยนวิกฤตคนอื่นให้เป็นโอกาสเรา

Broken Link Building คือ เทคนิคการหาลิงก์ที่เสีย (Broken Links – 404 Error) บนเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ แล้วติดต่อไปยังเจ้าของเว็บนั้นเพื่อแจ้งปัญหา พร้อมเสนอลิงก์เนื้อหาของเรา (ที่ใกล้เคียงกัน) ให้เขาใช้แทนที่

เทคนิคนี้ผมเรียกว่า “Win-Win Strategy” ครับ เจ้าของเว็บได้ซ่อมลิงก์เสีย ส่วนเราได้ Backlink คุณภาพ

ขั้นตอนการทำแบบ Deep Dive:

  1. หาเป้าหมาย: ใช้เครื่องมืออย่าง Ahrefs หรือ Check My Links (Extension) สแกนหาลิงก์เสียในเว็บเป้าหมายที่เกี่ยวกับธุรกิจคุณ
  2. เตรียมเนื้อหา: สร้างบทความในเว็บเราที่เนื้อหาดีกว่า หรือทดแทนลิงก์ที่เสียไปได้
  3. Outreach: ส่งอีเมลไปแจ้งเขาอย่างสุภาพ (ดู Template ได้ในหัวข้อ High-Value Asset ด้านล่างครับ)

Actionable Tips:

  • โฟกัสไปที่เว็บสถาบันการศึกษา (.ac.th) หรือหน่วยงานรัฐ (.go.th) จะได้ Trust Score สูงมาก
  • อย่าลืมตรวจสอบว่าเนื้อหาที่เราเสนอไป “สดใหม่” และ “ดีกว่า” ของเดิม
ai-visibility-mention

5. Brand Mentions การพูดถึงเว็บไซต์เราโดยไม่ต้องมี Backlink

Brand Mentions คือ การที่ชื่อแบรนด์ของคุณถูกกล่าวถึงบนเว็บไซต์อื่น หรือ Social Media โดยที่ ไม่มีการใส่ลิงก์ กลับมาหาเว็บไซต์ของคุณ

คุณอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ไม่ใส่ลิงก์แล้วจะได้ผลเหรอ?” คำตอบคือ ได้ครับ Google ระบุในสิทธิบัตรหลายฉบับว่าเขาสามารถ Tracking “Implied Links” หรือการพูดถึงชื่อแบรนด์เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือได้ ยิ่งชื่อแบรนด์คุณไปอยู่คู่กับคำว่า “ดีที่สุด”, “แนะนำ”, หรือ Keyword ธุรกิจคุณ Google จะเริ่มจดจำ Entity ของแบรนด์คุณได้แม่นยำขึ้น

ตัวอย่าง Platform:

ในไทย การถูกพูดถึงใน Pantip หรือ Lemon8 แม้จะไม่มีลิงก์ Dofollow หรือไม่มีลิงก์เลย แต่ถ้ามีการพูดถึงในแง่บวก มีคนเข้ามาคอมเมนต์โต้ตอบ Google จะมองว่าเป็น “Signal” ที่แข็งแรงมากครับ

Actionable Tips:

  • ใช้ Google Alerts ตั้งเตือนเมื่อมีคนพิมพ์ชื่อแบรนด์คุณ
  • ถ้าเจอเว็บไหนพูดถึงเราแต่ไม่ใส่ลิงก์ ลองทักไปขอบคุณและขอให้เขาใส่ Link (Link Reclamation) ดูครับ โอกาสได้ลิงก์สูงมาก

5. Social Signals นั้นสำคัญกับการทำ Off-page กว่าที่คุณคิด

Social Signals คือ ปฏิกิริยาของผู้คนบนโซเชียลมีเดีย (Like, Share, Comment) ที่มีต่อเนื้อหาของคุณ แม้ Google จะบอกว่า Social Signals ไม่ใช่ Ranking Factor โดยตรง แต่มันคือ “ตัวเร่งปฏิกิริยา” (Catalyst) ชั้นดี

ทำไมถึงสำคัญกับ Off Page:

Content ดี > คนแชร์เยอะ > คนเห็นเยอะ (Awareness) > มีโอกาสที่ Blogger/Webmaster จะเห็นแล้วเอาไปเขียนถึง (ได้ Backlink) > อันดับขึ้น

Actionable Tips:

  • อย่าวางลิงก์เฉยๆ บน Facebook Page ให้เขียน Caption ที่สรุปประเด็นสำคัญ (Hook) ให้อ่านรู้เรื่องก่อน แล้วค่อยแปะลิงก์ในคอมเมนต์หรือท้ายโพสต์
  • ใช้ LinkedIn สำหรับธุรกิจ B2B เพื่อเข้าถึง Decision Maker โดยตรง

6. Digital PR ที่แข็งแรงสามารถนำไปสู่ Brand mention ที่ดีได้

Digital PR คือ การใช้กลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ร่วมกับ SEO โดยการสร้างข่าวสาร บทวิจัย หรือเรื่องราวที่น่าสนใจส่งให้กับนักข่าวหรือสำนักข่าวออนไลน์ เพื่อให้เขาเอาไปลงและให้เครดิตกลับมา

Exclusive Strategy: “The Data-Driven PR”

ทาง Minimice Group มักแนะนำให้ลูกค้าทำ “Survey” หรือ “Case Study” เล็กๆ ในอุตสาหกรรมตัวเอง เช่น “สถิติการใช้ครีมกันแดดของคนไทยปี 2024” ข้อมูลพวกนี้สำนักข่าวชอบมากครับ เพราะเอาไปเขียนข่าวง่าย และคุณจะได้ Backlink จากเว็บข่าวใหญ่ๆ (High Authority) ซึ่งหาซื้อไม่ได้ทั่วไป

Actionable Tips:

  • ส่ง Press Release ไปยังสำนักข่าวออนไลน์ (เช่น RYT9, ThaiPR)
  • สร้าง Infographic สรุปข้อมูลยากๆ ให้เข้าใจง่าย เพื่อให้คนอื่นนำไปใช้ประกอบบทความ

7. Forum Posting & Community Engagement ที่ดี และไม่ Hard sell จนเกินไป

Forum Posting คือ การเข้าไปมีส่วนร่วมในเว็บบอร์ดหรือชุมชนออนไลน์ (Community) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เพื่อให้ความรู้และสร้าง Awareness

ในไทย Pantip.com คือเจ้าตลาด แต่คุณต้องระวังให้มาก ห้ามเข้าไปโพสต์ขายของโต้งๆ (Hard Sell) เด็ดขาด เพราะจะโดนลบกระทู้และแบน User ทันที

กลยุทธ์ลับ: “The Helpful Expert”

ให้เข้าไปตอบคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับสินค้า/บริการของคุณ “โดยไม่ขาย” แต่ให้ความรู้เชิงลึกแทน ใส่ Signature หรือชื่อ User เป็นชื่อแบรนด์ ถ้าคำตอบคุณดีจริง คนจะตามหาชื่อคุณใน Google เองครับ นี่คือ Organic Search ที่คุณภาพสูงที่สุด

Actionable Tips:

  • หา Keyword ใน Pantip ผ่าน Google (เช่น site:pantip.com "keyword ของคุณ")
  • ตอบด้วยความจริงใจ และ Empathy ปัญหาของเจ้าของกระทู้

8. Influencer Marketing สร้าง Trust ให้กับแบรนด์ของคุณ

Influencer Marketing ในมุม SEO คือ การให้ Influencer หรือ Blogger รีวิวสินค้าโดยมีการใส่ลิงก์กลับมาที่เว็บ หรือมีการพูดถึงชื่อแบรนด์อย่างชัดเจน

ยุคนี้ Micro-Influencer (ผู้ติดตาม 5k-50k) ให้ผลลัพธ์ดีกว่าดาราใหญ่ๆ ในแง่ของ Engagement และความน่าเชื่อถือในเฉพาะกลุ่ม (Niche)

Actionable Tips:

  • บรีฟ Influencer ให้เขียนรีวิวลงใน Blog หรือ Website ของเขาด้วย (ไม่ใช่แค่ลง Social Media) เพื่อให้เราได้ Backlink ถาวร
  • ขอให้เขาใช้ Anchor Text ที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น “ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Minimice Group” แทนที่จะเป็น Keyword ล้วนๆ

9. Podcast & Video Marketing ที่กระจายตาม Social Media ของคุณ

Video & Podcast SEO คือ การขยายอาณาจักรเนื้อหาไปสู่รูปแบบภาพและเสียง เพราะ Google Search ยุคใหม่แสดงผลวีดีโอ YouTube และ Spotify ในหน้าค้นหาแล้ว

การที่คุณไปออกรายการ Podcast หรือทำช่อง YouTube แล้วใส่ลิงก์เว็บไว้ใน Description คือการทำ Off-Page ที่ช่วยดึง Traffic มหาศาล และเพิ่ม Time on Page เมื่อนำมาฝังในเว็บ

Actionable Tips:

  • ทำ Video Transcription (ถอดเสียงเป็นข้อความ) ลงใน Blog เพื่อให้ Google Index เนื้อหาในวิดีโอได้
  • ใส่ Timestamp ใน YouTube Description เพื่อให้ Google ดึงไปทำ Key Moments

ตารางเปรียบเทียบ: Old School vs. Modern Off-Page SEO (2026)

คุณสมบัติOld School SEO (ยุคเก่า)Modern Off-Page SEO (ยุค AI/SGE)
เป้าหมายหลักจำนวน Backlink (Quantity)คุณภาพและความเกี่ยวข้อง (Quality & Relevance)
ตัววัดผลDA / PA / PR สูงๆTraffic จริง / Engagement / Brand Trust
Anchor Textใช้ Keyword ซ้ำๆ (Exact Match)ธรรมชาติ, หลากหลาย, ชื่อแบรนด์
Contentเขียนสั้นๆ ปั่นบทความ (Spinning)เจาะลึก (Deep Dive), ประสบการณ์จริง (E-E-A-T)
Platformเว็บ Directory, Web 2.0Social Media, Podcasts, Digital PR, Local Listing
การเชื่อมโยงเน้น Link อย่างเดียวเน้น Brand Mentions + Links + User Signals

Exclusive Strategy: “The Reverse-Engineer Matrix”

นี่คือกลยุทธ์ลับที่ Minimice Group ใช้เจาะตลาดที่มีคู่แข่งครองเจ้าตลาดอยู่แล้วครับ

Concept: เราจะไม่เสียเวลาเดาว่าต้องไปลงลิงก์ที่ไหน แต่เราจะ “ลอกการบ้านคนเก่ง แล้วทำให้ดีกว่า”

Step-by-Step:

  1. List Top 3: ลิสต์รายชื่อคู่แข่งอันดับ 1-3 ใน Keyword ที่คุณต้องการ
  2. Intersection Analysis: ใช้เครื่องมือ (Ahrefs/Semrush) หาเว็บที่ Link หาคู่แข่งทั้ง 3 เจ้าพร้อมกัน (Link Intersect)
    • เหตุผล: ถ้าเว็บ A ลิงก์หาคู่แข่งที่ 1, 2 และ 3 แสดงว่าเว็บ A เป็นแหล่งลิงก์ที่มีคุณภาพและหาได้ไม่ยาก (เพราะใครๆ ก็ไปลงได้)
  3. Action: ติดต่อไปยังเว็บเหล่านั้นทันที เพื่อขอลงบทความหรือลงข้อมูลบริษัท
  4. Bonus: ตรวจสอบว่าเว็บเหล่านั้นเป็นแหล่งข้อมูลที่ AI Search (เช่น Perplexity) ดึงมาตอบคำถามหรือไม่ ถ้าใช่ ต้องรีบไปยึดพื้นที่ทันที

ผลลัพธ์คือ คุณจะได้ฐาน Backlink ที่แข็งแรงเท่าเทียมคู่แข่งในเวลาอันสั้น และปิดช่องว่าง (Gap) ทางการแข่งขันได้ทันที

real-seo-case-study

Case Study: ร้านเฟอร์นิเจอร์ท้องถิ่น แซงห้างใหญ่ด้วย Competitor Backlinks & AI Citations

ลูกค้า: ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก (ขอสงวนชื่อจริง) ปัญหา: ยอดขายตก เพราะสู้ห้างใหญ่ที่ยิงโฆษณาหนักๆ ไม่ไหว เว็บไซต์อยู่อันดับหน้า 3 วิธีแก้ของ Minimice Group:

  1. Competitor Spy: เราใช้ Ahrefs ส่องดูว่าคู่แข่งเบอร์ 1 ไปฝากลิงก์ไว้ที่ “เว็บรวมรายชื่อผู้รับเหมา” และ “บล็อกแต่งบ้านชื่อดัง” เราจึงตามไปลงบทความในที่เดียวกัน
  2. AI Citation: เราปรับข้อมูลในหน้า “เกี่ยวกับเรา” และไปอัปเดตข้อมูลใน Business Directory เพื่อให้ AI เข้าใจว่าร้านนี้คือ “ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไม้สักตัวจริง”
  3. Google Maps: อัดรีวิวจากลูกค้าจริง เน้นคีย์เวิร์ด “ไม้สักแท้”

ผลลัพธ์: ภายใน 5 เดือน เว็บไซต์ขึ้นหน้า 1 ในคีย์เวิร์ดหลัก และที่สำคัญคือ ลูกค้าที่มาจาก AI Search (ถาม Chatbot) ระบุชื่อร้านถูกต้องและตรงเข้ามาซื้อทันที

High-Value Asset: แจก Template อีเมลสำหรับขอ Backlink (Outreach Script)

ผมเตรียมสคริปต์ภาษาไทยที่คุณสามารถ Copy ไปปรับใช้ได้เลยครับ รับรองว่าสุภาพและเพิ่มโอกาสตอบรับได้สูง

Subject: ขออนุญาตแนะนำข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับบทความ [ชื่อบทความของเขา] ครับ

สวัสดีครับคุณ [ชื่อเจ้าของเว็บ/บก.],

ผมชื่อ [ชื่อคุณ] จาก [ชื่อบริษัท/เว็บของคุณ] นะครับ ผมได้ติดตามอ่านเว็บของคุณมานาน โดยเฉพาะบทความเรื่อง [หัวข้อบทความของเขา] ที่เขียนได้ละเอียดและเป็นประโยชน์มากครับ

พอดีผมสังเกตเห็นว่าในบทความมีการพูดถึงเรื่อง [หัวข้อที่เกี่ยวข้องกัน] ซึ่งทางทีมผมเพิ่งทำสรุปข้อมูลเจาะลึก/Case Study เรื่องนี้เสร็จพอดี (ตามลิงก์นี้ครับ: [ใส่ลิงก์บทความของคุณ])

ผมคิดว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านของคุณ และช่วยเสริมให้บทความของคุณสมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ หากคุณเห็นว่าเหมาะสม สามารถนำข้อมูลไปอ้างอิงได้เลยนะครับ

ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆ เสมอมาครับ

ด้วยความเคารพ,

[ชื่อของคุณ]

[ตำแหน่ง]

Interactive Checklist: ตรวจเช็คความพร้อม Off-Page SEO 2026

ลองเช็คดูครับว่าคุณทำไปกี่ข้อแล้ว? (5 ข้อขึ้นไปถือว่ามาถูกทางครับ!)

[ ] ปรับปรุง Google Business Profile ให้ข้อมูลครบถ้วนและตอบรีวิวสม่ำเสมอ

[ ] ตรวจสอบ Backlink เก่าๆ ว่ามีลิงก์เสียหรือลิงก์ขยะหรือไม่

[ ] มีการทำ Guest Posting กับเว็บคุณภาพในสายงานเดียวกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

[ ] ตั้งค่า Google Alerts เพื่อดักจับ Brand Mentions[ ] แชร์บทความใหม่ๆ ลง Social Media ทุกครั้ง

[ ] มีการสร้าง Content ที่คนอยากแชร์ (Infographic, Stat, Research)

[ ] ตรวจสอบว่า Anchor Text ที่ลิงก์เข้ามามีความหลากหลาย เป็นธรรมชาติ

[ ] เข้าไปตอบคำถามใน Webboard หรือ Community โดยไม่ Hard Sell

Glossary: คลังคำศัพท์ Off-Page SEO ที่ควรรู้

  • Backlink: ลิงก์จากเว็บอื่นที่ชี้มาหาเรา
  • Anchor Text: ข้อความที่เป็นตัวลิงก์ (ตัวหนังสือสีฟ้าๆ ที่คลิกได้)
  • Dofollow: ลิงก์ที่บอก Google ว่า “ฉันโหวตให้เว็บนี้” (ส่งค่า SEO)
  • Nofollow: ลิงก์ที่บอก Google ว่า “ฉันใส่ลิงก์เฉยๆ ไม่ได้การันตี” (ไม่ส่งค่า SEO แต่ได้ Traffic)
  • Domain Authority (DA): ค่าพลังความน่าเชื่อถือของโดเมน (เป็นค่าสมมติของเครื่องมือ SEO ไม่ใช่ของ Google โดยตรง)
  • SGE (Search Generative Experience): ระบบค้นหาแบบใหม่ของ Google ที่ใช้ AI สรุปคำตอบ

FAQs: 10 คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Off-Page SEO

1. ทำ Off-Page SEO นานไหมกว่าจะเห็นผล?

ตอบ: โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการแข่งขันของ Keyword ในอุตสาหกรรมของคุณ คุณภาพของเนื้อหา และความสม่ำเสมอในการทำ Backlink ความน่าเชื่อถือ (Trust) เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาสะสม ไม่สามารถเร่งยอดได้ในข้ามคืนครับ

2. การซื้อ Backlink ผิดกฎ Google ไหม?

ตอบ: การซื้อขายลิงก์เพื่อหวังผลทางอันดับถือว่า ผิดกฎ Google (Google Spam Policies) ครับ หากถูกจับได้ (Manual Action) เว็บไซต์อาจโดนแบนหรือร่วงอันดับทันที แต่ในทางปฏิบัติ การทำ Sponsored Post หรือการจ้างรีวิวที่มีคุณภาพและดูเป็นธรรมชาติ ยังคงเป็นวิธีที่นิยมและได้ผลดี เพียงแต่ต้องทำอย่างระมัดระวังและเน้นคุณภาพเนื้อหาเป็นหลักครับ

3. Backlink เยอะ แต่คุณภาพต่ำ ดีไหม?

ตอบ: ไม่ดีครับ ในยุคปัจจุบัน “คุณภาพชนะปริมาณ” (Quality over Quantity) การมี Backlink จากเว็บขยะ (Spammy Sites) จำนวน 1,000 ลิงก์ อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เทียบไม่ได้เลยกับการได้ 1 ลิงก์คุณภาพจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณครับ

4. แชร์ลิงก์ลง Facebook หรือ Social Media นับเป็น Backlink ไหม?

ตอบ: ส่วนใหญ่ลิงก์จาก Social Media จะเป็นแบบ Nofollow Link ครับ ซึ่งหมายความว่าไม่ได้ส่งค่าพลัง (Link Juice) ทาง SEO มาให้โดยตรง แต่มีประโยชน์มากในแง่ของ Traffic และ Social Signals ซึ่งเป็นปัจจัยทางอ้อมที่ช่วยยืนยันความนิยมของเนื้อหา ทำให้ Google สนใจเว็บเรามากขึ้นครับ

5. ถ้าคู่แข่งทำ SEO มานาน เราจะสู้ได้ไหม?

ตอบ: สู้ได้แน่นอนครับ SEO ไม่ใช่เรื่องของ “ใครมาก่อนชนะ” เสมอไป คุณสามารถแซงได้ด้วยการทำ Content ที่ “สดใหม่กว่า” “เจาะลึกกว่า” (E-E-A-T) และโฟกัสไปที่ช่องว่างที่คู่แข่งมองข้าม เช่น การทำ Local SEO หรือการเก็บ Long-tail Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงครับ

6. จำเป็นต้องทำ Press Release (ข่าวประชาสัมพันธ์) ไหม?

ตอบ: ถ้าคุณเป็นแบรนด์ขนาดกลางถึงใหญ่ หรือต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ (Authority) ในระดับสูง ควรทำครับ เพราะลิงก์จากสำนักข่าวถือเป็น High Authority Link ที่หาได้ยากและมีความน่าเชื่อถือสูงมากในสายตา Google ครับ

7. ค่า DA (Domain Authority) เท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าดี?

ตอบ: ค่า DA ไม่ใช่ตัวเลขของ Google โดยตรง แต่เป็นค่าสมมติของเครื่องมือ SEO (เช่น Moz) ดังนั้น อย่าเทียบกับเว็บระดับโลก ให้เทียบกับ “คู่แข่งในไทย” แทนครับ เช่น ถ้าคู่แข่งเฉลี่ยอยู่ที่ DA 20 แล้วเว็บคุณได้ DA 25 ก็ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้วในตลาดนั้นครับ

8. ลิงก์เสีย (Broken Link) ส่งผลเสียอย่างไร?

ตอบ: ลิงก์เสียทำให้ User Experience (UX) แย่ลงเพราะคนกดแล้วไม่เจอข้อมูล และทำให้ Google Bot เข้ามาเก็บข้อมูลสะดุด (Crawl Budget สิ้นเปลือง) ซึ่งอาจส่งผลให้คะแนนคุณภาพเว็บไซต์ของคุณลดลงได้ครับ ควรหมั่นตรวจเช็คและแก้ไขสม่ำเสมอ

9. การแลกลิงก์ (Link Exchange) ยังทำได้ไหม?

ตอบ: ทำได้ ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีความเกี่ยวข้อง (Relevance) และไม่ทำเยอะจนผิดสังเกต เช่น เว็บพันธมิตรธุรกิจ หรือคู่ค้า แต่ถ้าไปแลกลิงก์กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยมั่วซั่ว Google จะมองว่าเป็น Link Scheme และอาจลงโทษได้ครับ

10. Off-Page SEO สำคัญกว่า On-Page SEO ไหม?

ตอบ: สำคัญพอๆ กันครับ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เปรียบเสมือนรถยนต์ (On-Page) ที่ต้องมีน้ำมันเชื้อเพลิง (Off-Page) ถึงจะวิ่งได้ไกลและเร็วครับ ถ้าเว็บดีแต่ไม่มีคนพูดถึงก็ไม่ดัง หรือถ้าโปรโมทดีแต่เว็บเละ เทคนิครับรองลูกค้าไม่อยู่ครับ

บทสรุป: เริ่มต้นสร้างอาณาจักร SEO ของคุณวันนี้

การทำ Off-Page SEO ไม่ใช่ทางลัดที่ทำวันเดียวเสร็จ แต่เป็นการ “สะสมแต้มบุญ” ให้กับเว็บไซต์ของคุณครับ ในปี 2026 ที่ AI ฉลาดขึ้น การหลอก Google แทบเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ยั่งยืนที่สุดคือการสร้าง Brand Authority ผ่านคอนเทนต์คุณภาพและการสร้างพันธมิตรที่แท้จริง

จำไว้นะครับ “Don’t build links, build relationships.”

ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า Off-Page SEO มีรายละเอียดเยอะ และไม่แน่ใจว่าจะเริ่มตรงไหน หรือกลัวทำผิดแล้วโดน Google ลงโทษ ทางผมและทีมงาน Minimice Group พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดให้คุณครับ เรามีประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมกลยุทธ์ที่ปรับให้เข้ากับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ

Harit Posanakul

Harit Posanakul

Managing Director

I started Minimice group to be the change I wanted to see. I wanted to build an agency with a heart, one that measures success not just in traffic, but in the real-world growth of our clients. For me, SEO isn't just a technical process; it's a tool for empowerment. It's how we level the playing field so that the businesses with the most passion, not just the biggest budgets, can win.I can't wait to hear your story and help you share it with the world.

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง