TOWS Matrix คืออะไร? มีประโยชน์ในการวางกลยุทธ์ Marketing ยังไง

TOWS Matrix คืออะไร? มีประโยชน์ในการวางกลยุทธ์ Marketing ยังไง

Table of Contents

Key Takeaway

  • SWOT Analysis ต้องอาศัยเครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์อย่าง TOWS Matrix เพื่อต่อยอดแผนธุรกิจจากหลักการ SWOT โดยมุ่งเน้นการใช้ปัจจัยภายในให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อธุรกิจในเชิงลึก ต่างจาก SWOT ที่เน้นการประเมินภาพรวมแบบกว้างกว่า 
  • TOWS จะประกอบด้วยกลยุทธ์การจับคู่วิเคราะห์เป็นแนว Matrix ได้แก่ กลยุทธ์เชิงรุก จุดแข็งและโอกาส (SO) กลยุทธ์เชิงป้องกัน จุดแข็งและภัยคุกคาม (ST) กลยุทธ์เชิงแก้ไข จุดอ่อนและโอกาส (WO) และกลยุทธ์เชิงรับ จุดอ่อนและภัยคุกคาม (WT) 
  • การวิเคราห์ TOWS มีความสำคัญต่อธุรกิจคือใช้วางแผนการตลาด วิเคราะห์หาโอกาสในสถานการณ์ปัจจุบัน เพิ่มจุดแข็งให้ธุรกิจ สร้างความได้เปรียบคู่แข่งในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
  • ขั้นตอนการวิเคราะห์ TOWS Matrix เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ SWOT การจับคู่ผลการวิเคราะห์ใน TOWS Matrix การวิเคราะห์และประเมินตัวเลือก รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์

ถ้าใครเป็นสายทำธุรกิจคงต้องมีหลักการพื้นฐานสำหรับวิเคราะห์และวางแผนการดำเนินงานเชิงธุรกิจด้วยหลัก SWOT กันมาแล้วแน่นอน ดังนั้นเพื่อต่อยอดการพัฒนาให้ธุรกิจสามารถดำเนินอย่างราบรื่นและมีทิศทางการเติบโตชัดเจนมากขึ้น ต้องขอแนะนำหลัก TOWS Matrix ซึ่งคือเครื่องมือการตลาดที่สำคัญ เพราะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์สถานการณ์คู่แข่งจาก SWOT มาวางกลยุทธ์ Marketing ให้สมบูรณ์มากขึ้นได้ ในบทความนี้

กลยุทธ์ TOWS Matrix คืออะไร

การวิเคราะห์ SWOT Analysis ต้องทำผ่านเครื่องมือการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่เรียกว่า TOWS Matrix โดย TOWS Matrix มีความหมายและภาพรวมที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ คือเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการต่อยอดทิศทางและแผนการดำเนินงานมาจากหลักการ SWOT ซึ่งหลักการแบบ TOWS Matrix จะวิเคราะห์ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกที่จะมีผลต่อธุรกิจในด้านต่างๆ และเลือกใช้ปัจจัยภายในที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งต่างกับ SWTO Analysis ตรงที่เครื่องมือ SWOT มีไว้วิเคราะห์ภาพรวมเชิงธุรกิจแบบไม่ลงรายละเอียดนั่นเอง

ความแตกต่างระหว่าง SWOT และ TOWS

ความแตกต่างระหว่าง SWOT และ TOWS

สำหรับ 2 กลยุทธ์ทางการตลาดนี้ มีไว้เพื่อดำเนินแผนงานให้กับธุรกิจ ให้สามารถมีทิศทางที่ชัดเจน รวมถึงดำเนินการไปยังเป้าหมายได้อย่างตรงจุด พร้อมทั้งรับมือกับปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ทางการตลาดทั้ง 2 อย่างร่วมกัน ได้แก่ SWOT Analysis และ TOWS Matrix นั่นเอง สำหรับหลักการทาง SWOT จะเป็นการวิเคราะห์ถึงภาพรวมธุรกิจเกี่ยวกับด้านปัจจัยภายใน (จุดแข็ง – Strength และ จุดอ่อน – Weakness) กับการมองถึงภาพรวมเพื่อเตรียมรับมือกับปัจจัยภายนอก (โอกาส – opportunity และ อุปสรรค – threat) ซึ่งหลักการ SWOT จะใช้มองภาพรวมเพื่อการวิเคราะห์แนวโน้มของธุรกิจ หรือใช้กับธุรกิจคู่แข่งในตลาดเดียวกันก็ได้

สำหรับกลยุทธ์ TOWS Matrix จะพบได้ว่าเป็นเครื่องมือต่อยอดของการทำ SWOT เพราะตัวอักษร TOWS เป็นการเรียงกลับหลังมานั่นเอง ซึ่งเครื่องมือนี้จะช่วยในการนำข้อมูลการเก็บวิเคราะห์เป็นข้อมูลดิบโดยรวมของ SWOT มาจัดเรียบเรียงใหม่ให้เหลือเพียงแค่ข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์มากที่สุดต่อการวางแผนงานขั้นตอนถัดไป โดยมีจุดประสงค์ของกลยุทธ์คือการหาช่องโหว่ของปัญหา ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกที่ต้องแก้ไขหรือถูกมองข้ามไป มาจัดการให้เสร็จสิ้น เพื่อดำเนินแผนธุรกิจขั้นต่อไปสู่เป้าหมายให้ราบรื่นมากที่สุด

TOWS Matrix มีอะไรบ้าง

TOWS Matrix มีอะไรบ้าง

TOWS Matrix มาจากการวิเคราะห์ SWOT ทั้งหมด เป็นการรับข้อมูลมาประกอบการวางแผนสร้างกลยุทธ์ทางเลือกให้กับธุรกิจนี้ แบ่งย่อยจากเทคนิควิเคราะห์ตามคู่ตัวอักษร TOWS โดยจะประกอบด้วยกลยุทธ์การจับคู่วิเคราะห์เป็นแนว Matrix ดังนี้

กลยุทธ์เชิงรุก จุดแข็งและโอกาส (SO)

การจับคู่ข้อมูลของกลยุทธ์เชิงรุกนี้ เป็นการนำเอา Strength (จุดแข็ง) และ Opportunity (โอกาส) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นข้อดีสำหรับธุรกิจที่มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกรวมกัน จะช่วยให้มองเห็นข้อได้เปรียบในธุรกิจของเราที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้นและเพิ่มโอกาสในการครองกลุ่มลูกค้า หรือขึ้นนำเป็นธุรกิจในตลาดนั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รับผลตอนแทนจากกำไรของธุรกิจเพิ่มขึ้น

กลยุทธ์เชิงป้องกัน จุดแข็งและภัยคุกคาม (ST)

การเลือกใช้ข้อมูลจาก Strength (จุดแข็ง) และ Threats (อุปสรรค) มาใช้คู่กันเพื่อให้ได้กลยุทธ์เชิงป้องกันนี้ หมายถึง การเลือกใช้จุดแข็งหรือเลือกที่จะเพิ่มจุดแข็งเข้าไปให้กับธุรกิจ เพื่อใช้ในการแก้ไขอุปสรรค ซึ่งเป็นปัญหาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะเกิดสิ่งนั้นได้ จึงทำให้สามารถเพิ่มจุดแข็งของธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือได้นั่นเอง ถึงบางครั้งอาจไม่สามารถแก้ไขได้เต็มร้อย แต่สามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบของปัจจัยภายนอกได้มากแน่นอน

กลยุทธ์เชิงแก้ไข จุดอ่อนและโอกาส (WO)

ารเลือกทำกลยุทธ์เชิงแก้ไขจากการนำ Weakness (จุดอ่อน) และ Opportunity (โอกาส) มาใช้นั้น ต้องอาศัยความชำนาญและข้อมูลทางการตลาดที่ค่อนข้างเยอะ เพราะหลักการนี้จะเป็นการเลือกใช้ประโยชน์ที่เกิดขึ้น จากปัจจัยภายนอกที่มีผลดีกับธุรกิจเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เป็นจุดอ่อนภายในองค์กรของกิจการให้สามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ และมีความปลอดภัยสำหรับแผนการมากขึ้น

กลยุทธ์เชิงรับ จุดอ่อนและภัยคุกคาม (WT)

กลยุทธ์นี้หลายๆ คนอาจมองข้ามไป เพราะคิดว่าไม่สามารถนำมาดำเนินแผนการทางธุรกิจร่วมกันได้ ด้วยการเลือกใช้ Weakness (จุดอ่อน) และ Threats (อุปสรรค) ซึ่งเป็นปัญหาของทั้งปัจจัยภายในและปัญหาของปัจจัยภายนอก จึงทำให้แผนกลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์เชิงรับที่สามารถเตรียมรับมือต่อกรณีเลวร้ายทั้งหมดที่จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อธุรกิจได้เป็นอย่างดี ยังคงช่วยให้มองเห็นจังหวะการทำธุรกิจและพร้อมปรับปรุงไปยังด้านอื่นๆ (จุดแข็ง, โอกาส) ได้อีกด้วย เช่น การมีร้านคู่แข่งที่ใหญ่กว่าเข้ามาครองตลาด หรือตั้งทำเลผูกขาดในบริเวณธุรกิจของเรา ก็ยังสามารถมองเห็นได้ว่า อย่างน้อยร้านของเราจะเป็นที่รู้จักและมีการมองเห็นของกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่หลากหลายได้มากขึ้น ดังนั้น จึงควรรีบพัฒนาด้าน S และ O ต่อไป

ความสำคัญของการวิเคราะห์ TOWS ต่อธุรกิจ

ความสำคัญของการวิเคราะห์ TOWS ต่อธุรกิจ

TOWS มีความสำคัญต่อธุรกิจมากมายและเป็นประโยชน์ต่อทุกรูปแบบกิจการอย่างแน่นอน พร้อมช่วยในการพัฒนาการดำเนินงานทางการตลาด และช่วยในการพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานภายในองค์กรให้มีแบบแผนชัดเจนอีกด้วย สำหรับความสำคัญหรือข้อดีต่างๆ มีดังนี้

ใช้วางแนการตลาด

หลักกลยุทธ์ TOWS Matrix สามารถใช้ในการวางแผนการตลาดได้ด้วยการรวบรวมและจัดเรียงข้อมูลของทางธุรกิจตนเอง ภาพรวมของตลาด และข้อมูลของคู่แข่งทางธุรกิจมาใช้ดำเนินทิศทางและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพในการวางแผนมากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยให้ทีมงานในองค์กรสามารถทำงานไปได้ในทิศทางเดียวกัน

วิเคราะห์หาโอกาสในสถานการณ์ปัจจุบัน

หลักการ TOWS มีจุดประสงค์หลักคือเรื่องการแก้ไขปัญหาที่ทำให้เกิดช่องโหว่ทางธุรกิจ และมองหาโอกาสจากทั้งทางปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เพื่อเข้ามาใช้เป็นจุดแข็งในธุรกิจได้อย่างคุ้มค่าทุกด้าน และมุ่งเน้นให้มีจุดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน

เพิ่มจุดแข็งให้ธุรกิจ

การใช้ TOWS เพื่อพัฒนาจุดแข็งของธุรกิจนั้น ไม่ได้มาเพียงแค่การเลือกใช้ข้อดีหรือจุดแข็งของทางธุรกิจและองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยิบทุกโอกาสจากปัจจัยภายนอกเข้ามาสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งได้มากขึ้น

สร้างความได้เปรียบคู่แข่งในการแข่งขัน

กลยุทธ์ TOWS จะทำให้องค์กรของเราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของคู่แข่งในตลาดเดียวกันได้ครอบคลุม และสามารถมองหาจุดอ่อนและข้อด้อยทางด้านอุปสรรคหรือปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่กำลังกระทบต่อคู่แข่ง เพื่อดึงมาเป็นการเสริมจุดแข็งของธุรกิจและมุ่งทิศทางด้านการตลาดให้ชนะคู่แข่งได้ง่ายมากขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

ด้วยการจัดเรียงข้อมูลและการวิเคราะห์แยกกลยุทธ์ออกมา 4 อย่างด้วยกันตามหลักการของ TOWS จะทำให้ทีมในองค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นใจ และเข้าลงแข่งขันในตลาดได้อย่างถูกจังหวะ เพิ่มโอกาสได้มากขึ้น

ขั้นตอนการวิเคราะห์ TOWS Matrix

ขั้นตอนการวิเคราะห์ TOWS Matrix

อย่างที่ทราบกันแล้วว่ากลยุทธ์การตลาดแบบ TOWS Matrix  คือ ตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับทุกธุรกิจ เพราะฉะนั้น ขั้นตอนต่อไปจะพาผู้ประกอบการมาดูขั้นตอนการวิเคราะห์ TOWS Matrix  สามารถทำได้อย่างเป็นระบบ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 วิเคราะห์ SWOT

ก่อนการทำกลยุทธ์ TOWS Matrix นั้น องค์กรต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ SWOT หรือใช้กลยุทธ์ SWOT Analysis ก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลภาพรวมเบื้องต้นสำหรับการวิเคราะห์ จุดแข็ง (S), จุดอ่อน (W), โอกาส (O) และ อุปสรรค (T) ของธุรกิจเราเองและธุรกิจของคู่แข่งในตลาด ที่อยู่ตั้งแต่ระดับเดียวกันและระดับที่เหนือมากกว่า จึงจะสามารถนำข้อมูล SWOT มาจัดเรียงใหม่พร้อมลงรายละเอียดเพื่อหาทิศทางดำเนินงานอย่างตรงจุดกับกลยุทธ์ TOWS Matrix  ต่อไปได้นั่นเอง

ขั้นตอนที่ 2 จับคู่ผลการวิเคราะห์ ใน TOWS Matrix

เมื่อได้ข้อมูล SWOT มาแล้วเรียบร้อย ให้เริ่มต้นการจัดเรียงข้อมูลตามกลยุทธ์ TOWS Matrix  จากการจับคู่ผลลัพธ์ของข้อมูลการวิเคราะห์เพื่อมองหาช่องโหว่ของธุรกิจ พร้อมแก้ไขด้วยจุดแข็งและโอกาสที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถมองหาโอกาสที่ซ่อนอยู่ในอุปสรรคได้อีกด้วย 

สำหรับการจับคู่ข้อมูลจะแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์ ได้แก่ SO ST WO WT อธิบายโดยภาพรวมคือ 

  • กลยุทธ์เชิงรุก จุดแข็งและโอกาส (SO) – Strength (จุดแข็ง) และ Opportunity (โอกาส)
  • กลยุทธ์เชิงป้องกัน จุดแข็งและภัยคุกคาม (ST) –  Strength (จุดแข็ง) และ Threats (อุปสรรค)
  • กลยุทธ์เชิงแก้ไข จุดอ่อนและโอกาส (WO) – Weakness (จุดอ่อน) และ Opportunity (โอกาส) 
  • กลยุทธ์เชิงรับ จุดอ่อนและภัยคุกคาม (WT) – Weakness (จุดอ่อน) และ Threats (อุปสรรค)

ขั้นตอนที่ 3 วิเคราะห์ และประเมินตัวเลือก

หลังจากที่วิเคราะห์ข้อมูลทั้ง 4 กลยุทธ์ตามหลักการ TOWS Matrix เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจะเห็นข้อมูลที่เป็นรูปธรรมและสามารถปรับใช้งานได้จริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น จุดอ่อนของธุรกิจและองค์กร หรือจุดเด่นในตลาดและโอกาสในการสนับสนุน ดังนั้น องค์กรสามารถเลือกแผนการตลาดได้แล้วว่าต้องการดำเนินไปทิศทางใด จะเลือกแก้ไขจุดอ่อนด้วยโอกาสกับจุดแข็ง หรือต้องการเสริมกำลังด้านจุดแข็งกับโอกาสเพิ่มเติม พร้อมมองหาช่องทางใหม่ๆ บนอุปสรรคและจุดอ่อนที่พบ จะทำให้สามารถวางแผนได้ตรงจุดมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 4 พัฒนากลยุทธ์

การพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจด้วย TOWS Matrix นั้น สามารถใช้ได้กับทั้งแผนการตลาดของธุรกิจ ทั้งยังสามารถนำไปใช้กับการจัดการทีมภายในองค์กรได้อีกด้วย เพื่อเสริมจุดแข็งและนำโอกาสมาใช้อย่างเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด และจัดการแก้ไขจุดอ่อน พร้อมเตรียมรับมือกับอุปสรรค หรือเปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นข้อดีของธุรกิจ  ทั้งหมดเป็นการพัฒนากลยุทธ์ด้วยเทคนิค TOWS ที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง TOWS Matrix ของแบรนด์ดัง

ตัวอย่าง TOWS Matrix ของแบรนด์ดัง

สำหรับกรณีศึกษาที่น่าสนใจต้องบอกเลยว่ามีหลายแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์ TOWS Matrix แล้วประสบความสำเร็จ โดยจะพามาดูตัวอย่างเพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบการได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้

การวิเคราะห์ TOWS ของ Coca-Co

แบรนด์ Coca-Cola มีคู่แข่งในตลาดเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็นทางเลือกของผู้บริโภคมากขึ้น จึงทำให้แบรนด์ต้องเริ่มมีการปรับตัวด้วยเช่นกัน หากมองในมุมของกลยุทธ์ TOWS แล้ว สามารถมองได้ว่าจุดแข็งและจุดอ่อนต่างๆ ดังนี้

จุดแข็ง/โอกาส (SO)

Coca-Cola มีกลยุทธ์เชิงรุกที่โดดเด่นด้านจุดแข็งและโอกาสเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะเป็นที่จดจำของกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มีความเป็นมาตรฐานสากล ทำให้การกระจายข่าวสาร การ Rebranding หรือการขยายตลาดต่างๆ สามารถทำได้ง่ายมากกว่าแบรนด์ในตลาดเดียวกันหลายเท่า รวมถึงยังดำเนินการได้รวดเร็วกว่าอีกด้วย ดังนั้น ทาง Coca-Cola จึงมีการเสริมจุดแข็งพร้อมกับการปรับตัวให้เข้ากับยุคที่คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำตาล 0 % โดยใช้หญ้าหวานแทนนั่นเอง

จุดแข็ง/ภัยคุกคาม (ST)

กลยุทธ์เชิงป้องกันที่ทาง Coca-Cola เลือกจุดแข็งและอุปสรรคมาจัดการแก้ไขจุดอ่อน เสริมความแข็งแรงของแบรนด์นั้น จะเป็นด้านการลงทุนจากนวัตกรรมเทคโนโลยีในการผลิตของโรงงาน เพื่อให้มีการผลิตที่รวดเร็วมากขึ้น ผลิตพร้อมกันได้หลายสูตร จึงพร้อมกระจายสินค้าสู่ตลาดทั่วโลกมากขึ้น และยังสามารถดึงกระแสผลิตภัณฑ์ใหม่ของคู่แข่งมาใช้ต่อยอดเป็นการสร้างเนื้อหาทางการตลาดออนไลน์เพื่อโปรโมตสินค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็วมากกว่า ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ Coca-Cola นั่นเอง 

จุดอ่อน/โอกาส (WO)

กลยุทธ์เชิงแก้ไขที่ Coca-Cola ได้เลือกจับคู่ของจุดอ่อนและโอกาสมาใช้ดำเนินการปรับตัวนั้น เป็นการเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าจะเป็นสายสุขภาพก็ยังสามารถดื่มเครื่องดื่มนี้ได้ แบรนด์จึงไม่เสียกลุ่มลูกค้าไป ถึงเทรนด์สุขภาพและการบริโภคทางเลือกจะมาแรงมากขึ้นก็ตาม

จุดอ่อน/ภัยคุกคาม (WT

กลยุทธ์เชิงรับของแบรนด์ Coca-Cola ใช้ จะเป็นการติดตามเทรนด์ของผู้บริโภคอยู่เสมอ อัปเดตข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคให้รวดเร็วมากที่สุด เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ให้มีทางเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงนวัตกรรมการผลิตที่ต้องมีการดูแลควบคุมการผลิตให้รักษ์โลกไปด้วย ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้

การวิเคราะห์ TOWS ของ Netflix

ปัญหาที่ทาง Netflix ต้องนำกลยุทธ์ TOWS Matrix เข้ามาช่วย คือทาง Netfilx ต้องเจอกับตลาดของแบรนด์ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงมาก และเป็นแบรนด์ดังทั้งหมดด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางเลือกและความคาดหวังของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของทางแบรนด์จึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยกลุยทธ์ TOWS ของทางแบรนด์ Netflix มีดังนี้

จุดแข็ง/โอกาส (SO)

Netflix มีกลยุทธ์เชิงรุกแข็งแกร่งในเรื่องเนื้อหาของสื่อที่เลือกมาให้บริการค่อนข้างมีลิขสิทธิ์เฉพาะ และยังเสริมความแข็งแกร่งตรงนี้ด้วยการหันมาเป็นผู้ผลิตสื่อคุณภาพเอง และสามารถเข้ารับชมผ่านทาง Netflix ได้เพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น

จุดแข็ง/ภัยคุกคาม (ST)

Netflix มีกลยุทธ์เชิงป้องกันในด้านการใช้จุดแข็งมารับมือกับอุปสรรคจากการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าสามารถใช้บริการอย่างสนุกสนานและสะดวกมากที่สุด รองรับได้ทุกแพลตฟอร์มและทุกอุปกรณ์อีกด้วย

จุดอ่อน/โอกาส (WO)

กลยุทธ์เชิงแก้ไขในด้านจุดอ่อนที่ Netflix เลือกมาเป็นโอกาสเข้ามาเสริมกับจุดอ่อนให้ดีขึ้น คือความสามารถในการพัฒนาและสร้างเนื้อหาลิขสิทธิ์ของสื่อใหม่ๆ ร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นได้ หรือสามารถดำเนินการสร้างสื่อของตนเองได้ในเวลาอันรวดเร็วของทุกโซนประเทศ และเป็นทีมผลิตสื่อชื่อดังมากมาย รวมถึงความสามารถในการเข้าร่วมงานกับสตูดิโออิสระและผู้สร้างภาพยนตร์สาขาอิสระมากขึ้น

จุดอ่อน/ภัยคุกคาม (WT)

กลยุทธ์เชิงรับของทาง Netflix ที่ต้องจัดการรับมือและแก้ไขอยู่ตลอดเวลาจะเป็นเรื่องของการสำรวจกลุ่มลูกค้าอยู่ตลอดเวลาว่ามีการเปลี่ยนลูกค้าใหม่อยู่บ่อยๆ หรือไม่ และมีการย้ายแพลตฟอร์มไปยังผู้ให้บริการอื่นของฐานลูกค้าเดิมมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจุดอ่อนภายในอาจต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับแบรนด์และตลาดต่อไป 

สรุป

การทำกลยุทธ์ TOWS Matrix คือ การต่อยอดข้อมูลจากการวิเคราะห์ SWOT Analysis ซึ่งเป็นพื้นฐานของด้านการตลาดทุกธุรกิจ เพื่อให้มีการจัดเรียงข้อมูลอย่างเป็นระบบ  พร้อมกับเลือกหยิบใช้ข้อมูลต่างๆ มาปรับปรุงและพัฒนา หรือแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ  ให้ตรงจุดและเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด ซึ่งการทำกลยุทธ์ TOWS นั้น สามารถใช้วางแผนทิศทางของธุรกิจและปรับปรุงองค์กรให้ดำเนินการมีแบบแผนและรวดเร็วทุกด้าน รับรองว่าเป้าหมายขององค์กรจะเสร็จสิ้นในระยะเวลาสั้นลง พร้อมเข้าลงแข่งในตลาดทุกเมื่อ และไม่พลาดการหยิบโอกาสของปัจจัยภายนอกมาเป็นจุดแข็งของธุรกิจด้วยเช่นกัน

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

เข้าสู่การถาม-ตอบที่ผู้ประกอบการมักเกิดข้อสงสัยกันบ่อยที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์การทำ TOWS Matrix

ทำ TOWS Matrix แต่ไม่ทำ SWOT ได้หรือไม่

ไม่ได้ เพราะกลยุทธ์ TOWS Matrix เป็นขั้นตอนที่ต่อยอดมาจากการใช้ข้อมูล SWOT เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการที่สำคัญสำหรับธุรกิจให้ตีตลาดได้อย่างตรงจุดและเหนือกว่าคู่แข่ง
และ Ahrefs

TOWS Matrix มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

ข้อจำกัดของ TOWS Matrix คือการที่ธุรกิจต้องมีการรวบรวมข้อมูลดิบจำนวนมากของทั้งทางธุรกิจในองค์กรเอง และของคู่แข่งในตลาดเดียวกันที่อยู่ตั้งแต่ระดับเท่ากันและเป็นระดับสูงกว่า ไปจนถึงระดับรายใหญ่ให้ได้ข้อมูล SWOT มามากที่สุด ก่อนจะคัดกรองและจัดเรียงกลยุทธ์ TOWS ออกมาเป็นระบบเพื่อนำไปใช้งานจริงได้ โดยอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็มีความคุ้มค่าสำหรับการทำธุรกิจ

จะต้องปรับ TOWS Matrix อย่างไรเมื่อสภาวะภายนอกหรือภายในเปลี่ยนแปลง

TOWS Matrix ควรปรับเปลี่ยนแผนการไปตามทิศทางตลาดเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางปัจจัยภายในขององค์กรเอง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อแบรนด์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถอัปเดต รวมถึงปรับปรุงข้อมูลในการวิเคราะห์กลยุทธ์ ให้มีการเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับตลาดอย่างไม่เสียเปรียบคู่แข่ง ทั้งนี้ข้อมูลดิบที่ได้มาควรทันสมัยอยู่ตลอด แนะนำว่าต้องทำ SWOT Analysis และ TOWS Matrix ควบคู่กันเสมอ เพื่อให้มีการวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปสร้างกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดในแต่ละช่วง

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง