AI Overview คืออะไร? ฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่สรุปคำตอบให้ทันที

AI Overview คืออะไร? ฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่สรุปคำตอบให้ทันที

Table of Contents

Key Takeaway

  • AI Overview คือฟีเจอร์ของ Google Search ที่ใช้ AI สรุปคำตอบจากหลายแหล่งข้อมูลมาแสดงในหน้าผลการค้นหา ทำให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบแบบครบถ้วนและรวดเร็วโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บหลายแห่ง
  • หลักการทำงานของ AI Overview ระบบจะรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ วิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาโดยโมเดล AI เพื่อสร้างคำตอบสั้นๆ ชัดเจน พร้อมแสดงแหล่งอ้างอิง เพื่อความน่าเชื่อถือและช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจง่าย
  • ปรับคอนเทนต์ให้โดนใจ Google AI Overviews ด้วยการตอบคำถามตรงจุด ใช้หัวข้อชัดเจน อัปเดตเนื้อหาเสมอ ใช้โครงสร้าง SEO-Friendly ใช้ภาษาธรรมชาติ ข้อมูลเชื่อถือได้ เพิ่มส่วนสรุป และติดตั้ง Structured Data หรือใช้ Google Search Console ขอ Indexing ใหม่

โลกของการทำ SEO เปลี่ยนไปแล้ว… ประโยคนี้เราคงได้ยินกันบ่อย แต่ในปี 2026 นี้ มันไม่ใช่แค่เปลี่ยน แต่มันคือการ “ปฏิวัติ” ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ Google เคยทำมา คุณเคยสังเกตไหมว่าช่วงหลังมานี้ Traffic ที่เข้าเว็บไซต์เริ่มลดลง หรือผันผวนอย่างน่าตกใจ ทั้งที่อันดับ SEO ก็ยังติดหน้าแรก? หรือทำไม Search Intent ของลูกค้าถึงเปลี่ยนไป ไม่ได้ต้องการแค่ลิงก์ แต่ต้องการ “คำตอบ” ทันที?

สาเหตุหลักมาจากเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมด้านบนสุดที่เรียกว่า “AI Overview” นี่แหละครับ ที่กำลังแย่งสายตาและพื้นที่ทำกินของเว็บไซต์แบบเดิม ๆ ไป ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่กับธุรกิจเล็ก ๆ แต่แบรนด์ใหญ่ระดับโลกก็กำลังปวดหัวกับการปรับตัวให้เข้ากับอัลกอริทึมที่ “คิดเองได้” ของ Google

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักว่า AI Overview คืออะไรกันแน่ มันทำงานอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือ เราจะอยู่รอดและเติบโตในยุคที่ AI เป็นคนคัดเลือกคำตอบได้อย่างไร ที่ Minimice Group เราได้ทดลองและปรับกลยุทธ์ให้ลูกค้ามาตลอดช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ และวันนี้เราจะมาแชร์ Insight แบบหมดเปลือก เพื่อให้คุณพลิกเกมกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง

AI Overview คืออะไร?

AI Overview คืออะไร? 

AI Overview คือฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่ช่วยสรุปคำตอบหรือข้อมูลที่คุณค้นหาออกมาอย่างรวดเร็วและเข้าใจง่าย ไม่ต้องเสียเวลาคลิกอ่านหลายลิงก์ ฟีเจอร์นี้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มานำเสนอในรูปแบบที่ชัดเจนและกระชับ พร้อมลิงก์อ้างอิงสำหรับคนที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มขึ้น 

เหมาะสำหรับคนที่อยากได้คำตอบตรงจุดภายในไม่กี่วินาที ทำให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมให้คุณโฟกัสกับสิ่งสำคัญได้ทันที โดยไม่ต้องวุ่นวายกับรายละเอียดเยอะๆ AI Overview จึงเปลี่ยนวิธีการค้นหาและส่งผลต่อกลยุทธ์ SEO อย่างมากในยุคใหม่ แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือช่วยประหยัดเวลาและทำให้ชีวิตง่ายขึ้นในยุคดิจิทัลนี้จริงๆ

หลักการทำงานของ AI Overview เป็นอย่างไร?

หลักการทำงานของ AI Overview เป็นอย่างไร?

Tips! หลักการทำงานของ AI Overview เริ่มจากการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และสรุปผล จากนั้นก็แสดงผล

การรวบรวมข้อมูล (Data Gathering)

ในขั้นตอนนี้ AI Overview จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ บทความ งานวิจัย หรือแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่มีความน่าเชื่อถือ ระบบจะสแกนและดึงเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหามากที่สุดเข้ามาไว้ในฐานข้อมูลชั่วคราว เพื่อเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการวิเคราะห์และสรุปต่อไป กระบวนการนี้จะทำอย่างรวดเร็วและละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่นำมาถูกต้องและครอบคลุมที่สุด

การวิเคราะห์และสรุปผล (Summarization)

หลังจากรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งมาแล้ว AI Overview จะใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) เพื่อวิเคราะห์และตีความคำค้นหาอย่างลึกซึ้ง โดยไม่เพียงแค่จับคำ แต่เข้าใจเจตนาและบริบท จากนั้นจะคัดเลือกข้อมูลที่เกี่ยวข้องและสำคัญที่สุดมารวมกัน สังเคราะห์เนื้อหาให้เป็นคำตอบที่กระชับ ชัดเจน และอ่านง่าย 

พร้อมจัดเรียงข้อมูลอย่างมีโครงสร้าง เช่น ใช้หัวข้อย่อยหรือแสดงเป็น Bullet Points เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจภาพรวมได้รวดเร็ว รวมทั้งแสดงแหล่งอ้างอิงอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อความน่าเชื่อถือของเนื้อหาด้วย

การแสดงผล (Presentation)

หลังจากที่ AI วิเคราะห์และสรุปข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ระบบจะนำคำตอบที่ได้มาแสดงผลในรูปแบบกล่องคำตอบพิเศษที่อยู่ด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา Google หรือที่เรียกว่า AI Overview box โดยคำตอบนี้จะแสดงเนื้อหาที่ครบถ้วนและครอบคลุมหลายประเด็นในครั้งเดียว 

พร้อมกับแสดงลิงก์อ้างอิงจากหลายเว็บไซต์ที่ใช้เป็นแหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ง่าย นอกจากนี้การจัดรูปแบบคำตอบมักมีการใช้หัวข้อย่อยหรือ Bullet Points เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมและเข้าใจข้อมูลได้รวดเร็วโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์เพิ่มเติม 

AI Overview จุดจบของ SEO แบบเดิม หรือโอกาสใหม่ของนักการตลาด?

AI Overview จุดจบของ SEO แบบเดิม หรือโอกาสใหม่ของนักการตลาด?

การมาของ AI Overview จาก Google ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาและการแสดงผลบนหน้าค้นหา ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการทำ SEO แบบดั้งเดิม ที่เคยเน้นแค่การไต่อันดับเพื่อแย่งชิงการคลิกจากผู้ใช้ เนื่องจาก AI Overview สรุปคำตอบที่ครอบคลุมและแม่นยำมาให้ในหน้าแรก ทำให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบทันทีโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บซึ่งส่งผลให้อัตราการคลิก (CTR) ลดลง พร้อมกับพฤติกรรม Zero-click Search ที่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ‘นี่ก็ไม่ใช่จุดจบของ SEO แต่เป็นโอกาสให้นักการตลาดเปลี่ยนวิธีคิด’ จากที่เน้นแค่การติดอันดับ มาเป็นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ และตอบโจทย์เจตนาของผู้ใช้งานมากขึ้น เพื่อให้เนื้อหาถูกเลือกไปใช้ใน AI Overview นอกจากนี้ การปรับกลยุทธ์ SEO ให้รองรับ AI Search อย่างการใช้ Structured Data และการสร้างแบรนด์ที่เชื่อถือได้ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคใหม่ของการค้นหา   

ปรับคอนเทนต์อย่างไรให้โดนใจ Google AI Overview

ปรับคอนเทนต์อย่างไรให้โดนใจ Google AI Overview

Tips! การปรับคอนเทนต์ให้โดนใจ Google AI Overview 

  • สร้างคอนเทนต์ที่ตอบคำถามตรงจุด 
  • ใช้หัวข้อเป็นคำถาม 
  • อัปเดตเนื้อหาเสมอ 
  • ใช้โครงสร้างแบบ SEO-Friendly 
  • ใช้ภาษาชัดเจน เป็นธรรมชาติ 
  • ใช้ข้อมูลจากแหล่งเชื่อถือได้ 
  • เพิ่มส่วนสรุปในบทความ 
  • ปรับเว็บไซต์ให้ตรงหลัก SEO 
  • ติดตั้ง Structured Data 
  • Request Indexing ผ่าน Google Search Console

1. สร้างเนื้อหาที่ตอบคำถามตรงจุด

  • เริ่มจากการวิเคราะห์เจตนาการค้นหา (Search Intent) ว่าผู้ใช้ต้องการข้อมูลแบบไหน เช่น คำอธิบาย วิธีทำ หรือเปรียบเทียบ 
  • จากนั้นเขียนเนื้อหาให้ครอบคลุมคำถามนั้นภายในไม่กี่ย่อหน้าแรก ไม่ต้องมีบทนำที่ยืดยาว ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมหลีกเลี่ยงใส่คีย์เวิร์ดแบบยัดเยียดแบบไม่เป็นธรรมชาติ

2. ใช้หัวข้อที่เป็นคำถาม

  • การตั้งหัวข้อที่เป็นคำถามตรงกับความต้องการค้นหาของผู้ใช้ ช่วยเพิ่มโอกาสที่ AI ของ Google จะเลือกเนื้อหาไปแสดงผล 
  • ควรตั้งหัวข้อเป็นประโยคคำถามที่ชัดเจนและตรงกับเจตนาการค้นหา เช่น “Google AI Overview คืออะไร?” หรือ “วิธีทำ SEO ให้ติด AI Overview ทำอย่างไร?” 
  • ไม่ต้องเกริ่นเยอะ และตอบคำถามในแต่ละหัวข้อให้กระชับชัดเจน 

3. อัปเดตเนื้อหาให้สดใหม่

  • การอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพราะ Google AI Overview จะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ทันสมัย สดใหม่ และถูกต้อง 
  • ควรมีการทบทวนและปรับปรุงบทความเก่าทุกๆ 2-3 เดือน เพิ่มข้อมูลใหม่ เช่น กรณีศึกษา สถิติ หรือเทรนด์ล่าสุด 
  • แก้ไขข้อผิดพลาด หรือลบข้อมูลที่เก่าล้าสมัยไปแล้ว เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและโอกาสที่เนื้อหาจะถูกเลือกไปแสดงในฟีเจอร์นี้มากขึ้น 

4. ใช้โครงสร้างเนื้อหาแบบ SEO-Friendly

  • การจัดโครงสร้างเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ AI ของ Google เข้าใจและประมวลผลข้อมูลได้ดีขึ้น ช่วยให้ AI ดึงข้อมูลไปใช้แสดงผลได้แม่นยำขึ้น และยังช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาได้ดีด้วย
  • ควรวางหัวข้อหลักและหัวข้อย่อย (H1, H2, H3) อย่างชัดเจนและมีลำดับขั้นตอน 
  • ใช้รูปแบบคำถาม-คำตอบ Q&A หรือ FAQ หรือบทความสไตล์ How-to ที่ตอบคำถามได้ตรงจุด 
  • พร้อมใช้ Bullet Points และ Lists เพื่อแบ่งเนื้อหาให้อ่านง่ายและสแกนเร็ว 

5. ใช้ภาษาที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ

  • ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติ และสื่อสารตรงไปตรงมา 
  • เลี่ยงใช้ศัพท์เทคนิคซับซ้อนหรือคำที่ยากเกินไป เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มสามารถเข้าใจได้รวดเร็ว
  • ควรเขียนในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับการสื่อสารของมนุษย์จริงๆ เป็นกันเอง 
  • ยังคงความมืออาชีพ เพื่อให้ AI ของ Google สามารถตีความเจตนาของเนื้อหาได้ถูกต้องและนำไปใช้สร้างคำตอบที่ตรงใจผู้ใช้ได้ดีขึ้น ทำให้เนื้อหานั้นมีโอกาสถูกเลือกในการแสดงผล AI Overview 

6. ใช้ข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้

  • ใช้ข้อมูลจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือสูง เช่น เว็บไซต์ขององค์กรหรือสถาบันที่มีชื่อเสียง บทความวิชาการ วารสาร หรือข่าวจากแหล่งข้อมูลที่ได้รับการยอมรับ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและคุณภาพของเนื้อหา 
  • ควรระบุแหล่งที่มาชัดเจนในบทความ เพื่อให้ผู้ใช้งานและ AI ของ Google สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ 
  • ใช้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ตามหลัก E-E-A-T (Expertise, Experience, Authoritativeness, Trustworthiness) จะช่วยเพิ่มโอกาสให้บทความถูกเลือกไปแสดงใน AI Overview มากขึ้น

7. เพิ่มส่วนสรุปในบทความ

  • เพิ่มส่วนสรุปท้ายบทความเพื่อเน้นใจความสำคัญชัดเจนและกระชับ ช่วยให้ผู้ใช้งานจับใจความได้รวดเร็ว และ AI สามารถวิเคราะห์และเลือกเนื้อหาสำคัญไปแสดงผลใน AI Overview ได้ง่ายขึ้น 
  • ควรเขียนสรุปในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติ มีการใช้คีย์เวิร์ดสำคัญอย่างเหมาะสมและไม่ยาวเกินไป เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานรู้สึกเบื่อ แต่ยังครอบคลุมเนื้อหาหลักที่ต้องการสื่อสารอย่างครบถ้วนด้วย

8. ปรับเว็บไซต์ให้ตรงหลัก SEO

  • ทำ Keyword Research เพื่อหา Keywords ที่เกี่ยวข้องและใช้ให้เหมาะสมใน Title, Meta Description และเนื้อหา 
  • ตั้งชื่อ URL ให้สั้นและกระชับพร้อมใส่คีย์เวิร์ด 
  • จัดโครงสร้างหน้าเว็บด้วยหัวข้อ H1, H2, H3 อย่างเป็นระบบ ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บและจัดอันดับได้ดีขึ้น 
  • ควรปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ จัดการรูปภาพให้เหมาะสม พร้อมใส่ Alt Text ที่บรรยายรูปภาพให้ชัดเจน 
  • สร้างลิงก์เชื่อมโยงภายในเว็บไซต์ (Internal Link) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ SEO ให้ดีขึ้น

9. ติดตั้ง Structured Data

  • ควรติดตั้ง Structured Data หรือ Schema Markup ซึ่งเป็นโค้ดที่อธิบายประเภทและโครงสร้างของข้อมูลบนหน้าเว็บ 
  • การติดตั้งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเพิ่มโค้ด JSON-LD ลงใน HTML ของหน้าเว็บ ใช้ปลั๊กอินช่วยสำหรับเว็บไซต์ WordPress หรือตัวช่วยอย่าง Google Structured Data Markup Helper 
  • หลังติดตั้งเสร็จควรตรวจสอบความถูกต้องด้วยเครื่องมือ Google Rich Results Test หรือ Search Console เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดก่อนเผยแพร่จริง 
  • Structured Data ไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มโอกาสที่เนื้อหาจะถูกแสดงในรูปแบบ Rich Snippets หรือ AI Overview แต่ยังช่วยให้การทำ SEO มีคุณภาพและแม่นยำขึ้นอีกด้วย  

10. Request Indexing ผ่าน Google Search Console

  • การ Request Indexing คือการแจ้งให้ Google ทราบว่ามีหน้าเว็บใหม่หรือเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่อัปเดต เพื่อให้ Google Bot เข้ามาสแกนและจัดทำดัชนีได้เร็วขึ้น 
  • วิธีทำคือเข้าไปที่ Google Search Console ใช้เครื่องมือ ‘URL inspection’ ใส่ URL ของหน้าที่ต้องการตรวจสอบ 
  • ถ้ายังไม่ได้ถูก Index หรือมีการอัปเดตใหม่ สามารถกด ‘Request Indexing’ ระบบจะส่งคำขอให้ Google เข้ามา Crawling และอัปเดตข้อมูลหน้าเว็บนั้น ซึ่งจะช่วยเร่งโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลบน Google อย่างรวดเร็วและช่วยให้เนื้อหาสดใหม่ในผลการค้นหาอยู่เสมอ
ทำไมคนทำ SEO ต้องรู้จัก AI Overview?

ทำไมคนทำ SEO ต้องรู้จัก AI Overview?

เพราะ AI Overviews คือหนึ่งในฟีเจอร์ที่อาจเปลี่ยนเกมการค้นหาอย่างสิ้นเชิง คนทำ SEO จึงไม่ควรมองข้าม หากก่อนหน้านี้การทำ SEO มุ่งไปที่การดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าแรกของ Google แต่เมื่อมี AI มาช่วยสรุปคำตอบให้ผู้ใช้ทันที การแข่งขันจึงไม่ได้อยู่แค่ ‘อันดับของลิงก์’ อีกต่อไป แต่ยังอยู่ที่ ‘โอกาสที่เว็บไซต์จะถูกดึงไปแสดงใน AI Overview’ ด้วย

อนาคตของ SEO ในยุค AI กำลังเปลี่ยนไป โดยมีแนวโน้มที่ผู้ทำการตลาดออนไลน์ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 

  • เริ่มจากการโฟกัสที่คอนเทนต์คุณภาพสูง เนื่องจาก AI จะเลือกดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหาได้จริง 
  • ในขณะเดียวกันความถูกต้องและความสดใหม่ของข้อมูลก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะข้อมูลที่ล้าสมัยหรือไม่ครบมีโอกาสน้อยที่จะถูกเลือกมาแสดงใน AI Overview 
  • อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามคือ E-E-A-T ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพคอนเทนต์ โดยเนื้อหาที่มาจากผู้เชี่ยวชาญและมีความน่าเชื่อถือจะถูกยกให้มีความสำคัญมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การมาของ AI อาจทำให้ทิศทางการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) เปลี่ยนไป แม้จำนวนคลิกอาจลดลงเพราะผู้ใช้ได้รับคำตอบจากหน้าแรกทันที แต่ถ้าเว็บไซต์ถูกอ้างอิงใน AI Overview ก็ยังคงได้ประโยชน์จากการมองเห็นที่เพิ่มขึ้น 

ดังนั้น กลยุทธ์ SEO จึงไม่อาจยึดติดกับการทำอันดับเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องขยายมุมมองไปสู่การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและเหมาะสมที่จะถูกเลือกเป็น ‘แหล่งอ้างอิงของ AI’ ในท้ายที่สุด ใครที่ทำ SEO จึงควรทำความเข้าใจและปรับตัวให้เข้ากับ AI Overview อย่างจริงจัง เพราะนี่ไม่ใช่เพียงฟีเจอร์ใหม่ของ Google แต่คือก้าวสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการตลาดดิจิทัลในอนาคตอันใกล้นี้

AI นั้นเลือกหยิบ “ผู้ชนะ” อย่างไร?

การผสมผสานระหว่าง LLMs และ Search Index

การทำงานของ AI Overview ไม่ได้นั่งเทียนเขียนขึ้นมาเอง แต่มันใช้กระบวนการที่ซับซ้อนที่เรียกว่า RAG (Retrieval-Augmented Generation) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Large Language Models (LLMs) ที่มีความสามารถในการเข้าใจภาษา กับ Search Index มหาศาลของ Google

เมื่อมีการค้นหา AI จะทำหน้าที่เหมือน “นักวิจัยส่วนตัว” ที่วิ่งไปอ่านหนังสือ (หน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ) นับพันเล่มในเสี้ยววินาที แล้วคัดเลือก ข้อมูลที่ตรงประเด็นที่สุด ถูกต้องที่สุด และมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุด มาเรียบเรียงใหม่เป็นย่อหน้าสั้น ๆ พร้อมแนบลิงก์อ้างอิง (Citation) ไว้ให้ ดังนั้น การที่เว็บไซต์จะไปอยู่ตรงนั้นได้ เนื้อหาต้อง “อ่านง่าย” สำหรับบอท และ “มีคุณภาพ” สำหรับมนุษย์

(เพิ่มรูป: แผนภาพ Flowchart แสดงการทำงานของ RAG: User Query -> Retrieval (ค้นหาข้อมูล) -> Ranking (จัดลำดับความน่าเชื่อถือ) -> Generation (สร้างคำตอบโดย AI) -> AI Overview Output)

Actionable Tips:

  • ใช้ Structured Data: ติดตั้ง Schema Markup ให้ครบถ้วน เพื่อให้ AI เข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
  • Direct Answer: ในบทความ ควรมีส่วนที่ตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา สั้นกระชับ ภายใน 40-60 คำ (เหมาะสำหรับให้ AI ดึงไปใช้)
  • Update Content: ข้อมูลเก่าเกินไป AI มักจะมองข้าม หมั่นอัปเดตบทความให้เป็นปัจจุบันเสมอ

Glossary: ศัพท์เทคนิคที่ควรรู้เกี่ยวกับ AI Search

เพื่อให้คุยกับทีม SEO หรือ Agency รู้เรื่อง นี่คือคำศัพท์ที่ต้องแม่นในปี 2026:

  • SGE (Search Generative Experience): ชื่อเดิมของ AI Overview ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
  • Zero-Click Search: การค้นหาที่ไม่เกิดการคลิกเข้าเว็บไซต์ เพราะได้คำตอบจากหน้าผลการค้นหาแล้ว
  • LLM (Large Language Model): โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เป็นสมองของ AI (เช่น Gemini ของ Google)
  • Hallucination: อาการที่ AI “มั่ว” ข้อมูลขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ Google พยายามแก้ไขและเราต้องระวังตรวจสอบ
  • GEO (Generative Engine Optimization): การทำ SEO เพื่อปรับแต่งให้เข้ากับ AI Engine โดยเฉพาะ (ศัพท์ใหม่มาแรง)

สรุป

การทำ SEO ในยุคที่ Google AI Overview กำลังมา เป็นสิ่งที่คนทำ SEO ต้องรู้จักเพื่อปรับตัวและทำงานให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหาที่เปลี่ยนไป โดย AI Overviews จะสรุปคำตอบจากหลายแหล่งข้อมูลให้ผู้ใช้โดยตรงในหน้าผลการค้นหา ส่งผลให้อัตราการคลิกลดลงแต่เพิ่มโอกาสในการแสดงผลและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการข้อมูลคุณภาพสูงได้ดีขึ้น 

ดังนั้น นักการตลาดและเจ้าของเว็บไซต์ควรเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง มีโครงสร้างชัดเจน ตอบโจทย์เจตนาการค้นหา และใช้เทคนิค SEO รุ่นใหม่ เช่น การติดตั้ง Structured Data รวมถึงการอัปเดตเนื้อหาให้สดใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถแข่งขันในยุค AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เพื่อปรับ SEO and AI ให้ไปในทางทิศเดียวกัน ให้ Minimice Group เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ที่รับทำ SEO ครบวงจรเป็นตัวช่วยในการวางกลยุทธ์ การพัฒนาเว็บไซต์ การทำคอนเทนต์ที่เน้นทั้ง SEO และ Storytelling เพื่อให้ได้คอนเทนต์คุณภาพจริงๆ รวมถึงการทำ Google Ads และ Social Media Ads ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทีมงานมืออาชีพที่จะช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและรวดเร็วด้วยกลยุทธ์ที่วางแผนอย่างเป็นระบบและวัดผลได้จริง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AI Overview (FAQ)

AI Overviews เปิดยังไง?

Google จะเลือกแสดงผล AI Overview อัตโนมัติเมื่อระบบประเมินว่าคำค้นหานั้นเหมาะสม เช่น คำถามเชิงวิชาการ วิธีทำ หรือคำถามทั่วไป ซึ่งขณะนี้รองรับภาษาอังกฤษเป็นหลักและบางประเทศก่อนเท่านั้น อาจมีภาษาไทยบ้าง โดยผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าหรือเปิดเอง ใครที่อยากเห็นฟีเจอร์นี้แค่ต้องใช้ Google Search เวอร์ชันล่าสุดและอยู่ในประเทศที่รองรับ

AI Overview ต่างจาก Featured Snippet ยังไง?

AI Overview ใช้ AI สรุปคำตอบจากหลายแหล่งข้อมูลพร้อมกันให้ภาพรวมที่ครอบคลุมกว่า ในขณะที่ Featured Snippet จะแสดงคำตอบจากเว็บไซต์เดียวในรูปแบบสั้นหรือเป็นตาราง AI Overview จึงเหมาะกับคำถามที่ซับซ้อนหรือหลายมุมมอง ส่วน Featured Snippet เหมาะกับการตอบคำถามสั้นๆ และชัดเจน 

นอกจากนี้ AI Overview ยังมีลิงก์หลายแห่งอ้างอิงข้อมูล ขณะที่ Featured Snippet มีลิงก์มาจากแหล่งเดียว ช่วยให้ผู้ใช้ได้คำตอบที่ลึกและครบถ้วนกว่า

AI ของ google มีอะไรบ้าง?

Google มี AI หลายชนิดที่ช่วยพัฒนาการค้นหา อย่าง Google AI Overview ที่ใช้ Generative AI ในการสรุปคำตอบจากหลายแหล่ง นอกจากนี้ Google ยังมี AI รุ่น Gemini ที่เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ช่วยให้ระบบ Search เข้าใจและตอบสนองได้แม่นยำมากขึ้น 

รวมทั้ง AI สำหรับประมวลผลภาพและเสียง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ Google Search มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้น รองรับการค้นหาที่ซับซ้อนและหลายรูปแบบ

ข้อเสียของ AI Overview คืออะไร?

AI Overview ทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบสรุปทันทีบนหน้าผลลัพธ์ ไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ ส่งผลให้ทราฟฟิกจาก Google ลดลง โดยเฉพาะเว็บสายรีวิว ท่องเที่ยว และคอนเทนต์ความรู้ทั่วไป งานวิจัยบางแห่งรายงานว่า CTR ของผลลัพธ์ธรรมชาติและโฆษณาลดลงเมื่อมี AI Overview แสดงอยู่ด้านบน อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการสรุปผิดหรือขาดบริบทจากต้นฉบับ

AI Overview ทำให้ยอดคลิก (Traffic) เข้าเว็บไซต์ลดลงจริงไหม?

มีรายงานจากหลายบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ทราฟฟิกจาก Google ลดลง 30 – 70% ในบางกลุ่มคำค้นหาหลังเริ่มใช้ AI Overview เพราะผู้ใช้อ่านสรุปแล้วไม่กดเข้าเว็บ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบไม่เท่ากันทุกอุตสาหกรรมและทุกคำค้น คำที่ต้องการรายละเอียดลึกหรือธุรกรรม เช่น ซื้อของ จองบริการ ยังมีสัดส่วนการคลิกเข้าเว็บอยู่มาก

ทำไม AI Overview ถึงให้คำตอบไม่เหมือนเดิม ทั้งที่ค้นหาด้วยคำถามเดิม?

ระบบใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สร้างคำตอบใหม่ทุกครั้ง จากความน่าจะเป็นของคำและการดึงข้อมูลจากเว็บ ไม่ได้ดึงคำตอบคงที่แบบเดิมทุกครั้ง จึงมีความแปรผันโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ Google ยังปรับอัลกอริทึม แหล่งข้อมูล และการทดลองฟีเจอร์อยู่เรื่อยๆ ทำให้ชุดข้อมูลอ้างอิงและวิธีสรุปอาจเปลี่ยน แม้จะใช้คำค้นเหมือนเดิม

AEO (Answer Engine Optimization) คืออะไร?

AEO หรือ Answer Engine Optimization คือการปรับเนื้อหาและโครงสร้างเว็บให้ตอบคำถามได้ตรงและชัด เพื่อให้แพลตฟอร์มที่เป็น Answer Engine เช่น AI Overview, Featured Snippet, ChatGPT หรือ Perplexity เลือกเนื้อหาเราไปตอบ ควรเขียนให้ตรงกับภาษาที่คนใช้ถามจริง ใช้หัวข้อ หรือ FAQ ชัดเจน ย่อหน้าตอบสั้นๆ ก่อนรายละเอียด ใช้โครงสร้างข้อมูล (Schema) และแสดงถึงความน่าเชื่อถือด้วย

วิธีปิด AI Overview ใน Google Search ทำอย่างไร?

ตอนนี้ยังไม่มีปุ่ม ปิด AI Overview แบบถาวรในหน้า Search ปกติ 

  • มีวิธีเลี่ยง เช่น กดแท็บ Web ใต้ช่องค้นหา เพื่อให้เห็นเฉพาะลิงก์เว็บโดยไม่แสดง AI Overview ในหลายกรณี 
  • อีกวิธีคือใช้ URL หรือ Search Engine แบบกำหนดเองที่บังคับใช้พารามิเตอร์ udm=14 ซึ่งจะพาไปโหมด Web Results คลาสสิก หรือใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ซ่อนกล่อง AI Overview

ส่ง Feedback AI Overview ได้ไหม?

ส่งได้ โดยในกล่อง AI Overview จะมีไอคอนเมนูจุดสามจุด

  • ให้กดเลือกคำสั่ง Send Feedback หรือแสดงความคิดเห็น  
  • แล้วพิมพ์อธิบายว่าผิดตรงไหน หรือไม่พอใจอะไร 
  • Google ระบุว่าฟีดแบ็กจะถูกส่งพร้อมคำค้นและหน้าผลลัพธ์ล่าสุด เพื่อใช้ปรับปรุงคุณภาพคำตอบในอนาคต จึงควรอธิบายให้ชัด เช่น ข้อมูลผิด อันตราย หรือละเมิดลิขสิทธิ์
Harit Posanakul

Harit Posanakul

Managing Director

I started Minimice group to be the change I wanted to see. I wanted to build an agency with a heart, one that measures success not just in traffic, but in the real-world growth of our clients. For me, SEO isn't just a technical process; it's a tool for empowerment. It's how we level the playing field so that the businesses with the most passion, not just the biggest budgets, can win.I can't wait to hear your story and help you share it with the world.

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง