Key Takeaway
- Evergreen content คือเนื้อหาที่มีคุณค่าและความเกี่ยวข้องตลอดเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือเหตุการณ์เฉพาะ มักเป็นข้อมูลที่สามารถใช้งานได้ยาวนานและดึงดูดผู้เข้าชมได้เสมอ
- ลักษณะของ Evergreen content คือเนื้อหาที่ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาและเหตุการณ์เฉพาะ สามารถให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่มีคุณค่าตลอดเวลาและยังคงมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ในระยะยาว
- ประเภท Evergreen content ที่น่าสนใจ ได้แก่ บทความ How To คู่มือการสอน เคล็ดลับการใช้ชีวิต และข้อมูลความรู้ทั่วไปที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ยิ่งข้อมูลที่มีความละเอียดและเป็นประโยชน์ยิ่งยืนยาวและน่าสนใจ
- เทคนิคการทำ Evergreen Content ให้มีคุณภาพคือการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เจาะลึก และครอบคลุม เช่น การเขียนบทความ How To ที่อธิบายกระบวนการอย่างชัดเจน หรือการสร้างคำแนะนำที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว เช่น คู่มือการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
เคยได้ยินคำว่า “Evergreen Content” ไหม? มันคือเนื้อหาทรงพลังที่สามารถอยู่ได้ยาวนาน ไม่ตกเทรนด์ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังดึงดูดคนเข้าเว็บได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียเงินยิงแอดซ้ำๆ หลายครั้ง เหมาะสำหรับธุรกิจหรือเว็บไซต์ที่ต้องการสร้างการเข้าถึงที่ยั่งยืนและต่อเนื่อง ถ้าเราสร้างคอนเทนต์แบบนี้ให้ดี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังมีคนค้นหาอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายและยังคงได้รับประโยชน์จากมันในระยะยาว!
Evergreen Content คืออะไร? เนื้อหาที่ Google ชอบ
Evergreen Content คือประเภทของคอนเทนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความยั่งยืนของต้นไม้ ซึ่งเปรียบเสมือนเนื้อหาที่มีคุณค่าและความสดใหม่สำหรับผู้อ่านเสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม จึงเหมาะสมกับความหมายของคำว่า “เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี”
เนื้อหาประเภทนี้มักได้รับความสนใจและการค้นหาจากผู้คนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมันเป็นประโยชน์และให้ความรู้ที่ไม่เคยตกยุค เช่น บทความให้ความรู้ บทความแนวปรัชญา บทความให้กำลังใจ หรือ How to และคู่มือสอนต่างๆ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการทำ Content Marketing สำหรับนักการตลาด เพราะช่วยเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์และส่งเสริมการขายได้อย่างยั่งยืน

ความต่างของ Evergreen Content vs Topical Content
Evergreen Content แตกต่างจาก Topical Content อย่างชัดเจน เพราะ Topical Content เป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับกระแสหรือเหตุการณ์ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น เช่น ข่าว งานเทศกาล แฟชั่น โพรโมชัน หรือสถิติต่างๆ ซึ่งมักจะมีความนิยมแค่ในช่วงเวลาหนึ่งและทำให้ยอดผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
ส่วน Evergreen Content เป็นคอนเทนต์ที่มีความยั่งยืนและไม่ตามกระแส สามารถดึงดูดความสนใจได้ตลอดเวลาและไม่มีวันตกยุค แม้ว่าทั้งสองประเภทจะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน แต่การใช้ทั้งสองรูปแบบร่วมกันจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในกลยุทธ์การตลาด

คอนเทนต์แบบไหนถึงเรียกว่า Evergreen Content?
คอนเทนต์ที่เป็น Evergreen Content มีลักษณะบางประการที่ทำให้มันคงความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
- คอนเทนต์เชิงความรู้ เป็นเนื้อหาที่ให้ข้อมูลทั่วไปสำหรับคนที่สนใจในเรื่องต่างๆ เช่น บทความ How To คู่มือการสอน เคล็ดลับความรู้ บทความจิตวิทยา หรือบทความให้กำลังใจ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
- ไม่ใช่คอนเทนต์เชิงข่าว ต่างจากคอนเทนต์ข่าวที่มักจะเกี่ยวข้องกับกระแสหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมักจะมีความนิยมในระยะสั้น
- ไม่ระบุวันและเวลาในเนื้อหา การไม่ระบุวันและเวลาในเนื้อหาช่วยให้บทความดูสดใหม่อยู่เสมอ โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขทีหลัง
- ข้อมูลแม่นยำ ตรงประเด็น และเจาะลึก คอนเทนต์ที่มีข้อมูลที่ถูกต้อง ครอบคลุม และมีความลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าและสามารถนำไปใช้งานได้จริง
- เนื้อหาที่มีความยั่งยืน คอนเทนต์ที่ไม่ขึ้นกับกระแสและสามารถคงความนิยมได้ในระยะยาว เช่น เทคนิคที่ใช้ได้เสมอ หรือคำแนะนำที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลา
- สามารถอัปเดตได้เมื่อจำเป็น แม้ว่าจะเป็นเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เฉพาะ แต่สามารถอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ เมื่อมีการพัฒนาในด้านต่างๆ
แนวคิดการวางกลยุทธ์เนื้อหาของ Evergreen Content
การสร้าง Evergreen Content มักเน้นไปที่คอนเทนต์ที่ได้รับความสนใจจากคนส่วนใหญ่ โดยมักจะเป็นข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน หรือบางครั้งอาจจะเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม เช่น การออมเงิน การลงทุน การกู้ยืมเงิน การแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวและคนรัก แนวคิดการใช้ชีวิต วิธีการทำอาหาร หรือเคล็ดลับการเลี้ยงลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนมักจะพบเจอในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับธุรกิจควรคำนึงถึงความสำคัญของการเลือกหัวข้อที่มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการของคุณด้วย เพื่อให้เนื้อหานั้นไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจ แต่ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8 ไอเดีย Evergreen Content ที่น่าสนใจและให้ผลลัพธ์ยาวนาน
การสร้าง Evergreen Content มีหลายประเภทที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ตลอดเวลา โดยที่ยังคงมีประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกยุคทุกสมัย โดยแบ่งเป็น 8 แบบ เช่น
1. คอนเทนต์ให้ความรู้
ให้ความรู้หรือความหมายคือการอธิบายเรื่องราวต่างๆ อย่างตรงประเด็น เช่น ความรู้เฉพาะทางในด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ การเงิน ไลฟ์สไตล์ ประวัติศาสตร์ สุขภาพ หรือ Storytelling ซึ่งเนื้อหาต้องมีความถูกต้องและผ่านการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว คอนเทนต์ประเภทนี้เหมาะกับหลากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและดูแลร่างกาย คลินิกเฉพาะทาง ธุรกิจการเงิน และธุรกิจท่องเที่ยว
2. คอนเทนต์แนะแนวทางปฏิบัติหรือ How To
ในคอนเทนต์ประเภทนี้เน้นการให้คำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จหรือการแก้ปัญหาทั่วไป เป็นเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้เข้าชมและยังคงมีคุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป เช่น สูตรอาหาร วิธีเขียน Resume วิธีเลี้ยงลูก เทคนิคการออกกำลังกาย การตกแต่งบ้าน การสร้างโซเชียลมีเดีย หรือวิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
เนื้อหาเหล่านี้เหมาะกับหลายธุรกิจ เช่น ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัทที่กำลังเปิดรับพนักงานใหม่ ฟิตเนส ร้านขายของแต่งบ้าน เป็นต้น โดยองค์ประกอบสำคัญของคอนเทนต์ประเภทนี้ต้องอ่านง่ายและเข้าใจได้ทันที ลำดับขั้นตอนชัดเจนและเป็นระบบ มีรูปภาพหรือวิดีโอประกอบ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพและปฏิบัติตามได้ง่ายขึ้น
3. คอนเทนต์การสัมภาษณ์
การสัมภาษณ์บุคคลที่น่าสนใจ เช่น คนดัง นักร้อง ดารา หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เป็นรูปแบบ Evergreen Content ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณค่าและไม่ล้าสมัย เนื้อหาประเภทนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการสร้าง Backlink ซึ่งส่งผลดีต่อ SEO การสัมภาษณ์สามารถปรับใช้กับธุรกิจได้หลากหลาย เช่น ใช้ในธุรกิจการเงินเพื่อให้คำแนะนำการลงทุน ธุรกิจการค้าเพื่อเล่าเรื่องผู้ประกอบการ หรือเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ผลิตภัณฑ์และบริการผ่านผู้เชี่ยวชาญ
ในการสร้างคอนเทนต์สัมภาษณ์ควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลของผู้ที่จะสัมภาษณ์อย่างละเอียด จากนั้นวางคำถามที่เน้นเจาะลึกและไม่มีอคติ เพื่อให้เนื้อหามีคุณภาพและน่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการแชร์และสร้างการมีส่วนร่วมในระยะยาว
4. คอนเทนต์ Check-list
คอนเทนต์ Check-list คือคอนเทนต์ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับเนื้อหา ด้วยการนำเสนอรายการตรวจสอบหรือเทมเพลตที่ผู้ใช้สามารถนำไปใช้งานหรือติดตามโครงการได้ เช่น เช็กลิสต์การเงิน การธนาคาร การท่องเที่ยว หรือการเดินทาง ซึ่งเหมาะกับธุรกิจการเงิน ท่องเที่ยว และขนส่ง เคล็ดลับการสร้างคอนเทนต์ Check-list คือจะต้องจัดระเบียบข้อมูลให้ชัดเจน วางแผนและกำหนดโครงสร้าง สร้างรายการตรวจสอบที่ใช้งานได้จริง ทบทวนและปรับแก้เนื้อหาก่อนเผยแพร่
5. คอนเทนต์แนะนำหรือรีวิว
บทความรีวิวหรือบทวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณสมบัติ ข้อดี และข้อเสียของสินค้า ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกสิ่งที่ตรงกับความต้องการ เช่น การแนะนำเสื้อผ้า ทรงผม ไลฟ์สไตล์ สถานที่ท่องเที่ยว สินค้าหรือบริการต่างๆ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านเสื้อผ้า ร้านทำผม ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต คลินิก หรือธุรกิจอาหารเสริม
6. คอนเทนต์บอกเคล็ดลับหรือเทคนิค
ควรนำเสนอเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงและน่าเชื่อถือ โดยเป็นคำแนะนำที่ผ่านการคัดสรรและเกี่ยวข้องกับการทำ SEO เช่น หนังสือน่าอ่านที่ควรมีติดบ้าน เครื่องมือจำเป็นสำหรับงานเฉพาะ หรือเคล็ดลับการเดินทาง จุดเด่นของคอนเทนต์นี้คือ การรวมหลายเคล็ดลับไว้ในโพสต์เดียว พร้อมจัดระเบียบเป็นข้อๆ เพื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจได้เร็ว เหมาะกับธุรกิจรีสอร์ต โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย อาหารเสริม หรือร้านขายอุปกรณ์เฉพาะทาง
7. คอนเทนต์คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
การตอบคำถามหรือแก้ปัญหาที่พบบ่อย มุ่งเน้นการให้คำตอบที่ชัดเจนและครอบคลุมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ บริการ หรือผลิตภัณฑ์ เช่น คำถามเกี่ยวกับความรัก อกหัก ลดน้ำหนัก ศัลยกรรม หรือไลฟ์สไตล์ ซึ่งช่วยคลายข้อสงสัยและเพิ่มความสนใจในธุรกิจ เหมาะกับคลินิกศัลยกรรม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บริษัทจัดหาคู่ ร้านอาหาร คาเฟ่ และที่พักหรือสถานที่ท่องเที่ยว
8. คอนเทนต์วิจัยหรือแสดงสถิติทางข้อมูล
เนื้อหาที่เน้นการนำเสนอผลงานวิจัย ข้อมูล หรือสถิติเชิงลึกที่ผ่านการศึกษามาอย่างละเอียด เช่น การเผยแพร่ผลสำรวจ รายงานการวิจัย หรือการแสดงสถิติที่มีความเฉพาะเจาะจงและเป็นวิชาการอย่างชัดเจน
จุดเด่นสำคัญของคอนเทนต์ประเภทนี้คือการมีแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลแก่ผู้อ่านหรือผู้เข้าชม โดยใช้เครื่องมือดิจิทัลและแบบสำรวจต่างๆ เป็นช่องทางในการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นได้ คอนเทนต์ลักษณะนี้มีความเหมาะสมกับธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ไปจนถึงธุรกิจออนไลน์ต่างๆ

รวมตัวอย่าง Evergreen Content ในแต่ละด้าน
นี่คือ Evergreen Content ตัวอย่าง ที่แต่ละธุรกิจควรพิจารณาทำ
ธุรกิจ
ธุรกิจควรทำ Evergreen Content ที่มีเนื้อหาที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลาและไม่หมดอายุ เช่น บทความหรือคู่มือที่ให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าในระยะยาว เช่น วิธีการใช้งานผลิตภัณฑ์ คำแนะนำการแก้ปัญหาที่พบบ่อย หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ยังคงมีความสำคัญในทุกยุคทุกสมัย โดยไม่จำเป็นต้องอัปเดตบ่อย เนื้อหานี้ควรตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากที่สุดจากผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ
สุขภาพ
สำหรับธุรกิจด้านสุขภาพ ควรทำ Evergreen Content ที่ให้ข้อมูลสุขภาพที่ยังคงมีความสำคัญและสามารถใช้งานได้ในระยะยาว เช่น เคล็ดลับการดูแลสุขภาพพื้นฐาน การออกกำลังกายที่เหมาะสม หรือคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการที่ถูกต้อง เนื้อหาควรเป็นสิ่งที่คนทั่วไปสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องอัปเดตบ่อย แต่ยังคงมีประโยชน์ในทุกช่วงเวลา เพื่อช่วยเสริมสร้างความรู้และสุขภาพที่ดีให้กับผู้ติดตาม
บริการ
ธุรกิจด้านบริการควรสร้าง Evergreen Content ที่ให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่สามารถใช้ได้ตลอดเวลา เช่น วิธีการเลือกบริการที่เหมาะสม เคล็ดลับในการใช้งานบริการให้ได้ผลดีที่สุด หรือคำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้บริการที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อหาควรตอบโจทย์ปัญหาหรือความต้องการของลูกค้าในระยะยาว และไม่ต้องอัปเดตบ่อย แต่ยังคงมีคุณค่าและสามารถนำไปใช้ได้เสมอ
Digital Marketing
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับ Digital Marketing ควรทำ Evergreen Content ที่อธิบายพื้นฐานหรือแนวทางการทำการตลาดออนไลน์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงตามเวลา เช่น การทำ SEO คืออะไรและทำไมถึงสำคัญ รวมถึงวิธีการเริ่มต้น SEO หรือการใช้เครื่องมือการตลาดดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ
เนื้อหาควรให้คำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดเวลาและเข้าใจง่าย เช่น วิธีปรับเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหาของ Google หรือแนวทางการใช้โซเชียลมีเดียในการโพรโมทธุรกิจ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปใช้และประสบความสำเร็จในระยะยาว
ข้อดีและข้อจำกัดของ Evergreen Content
Evergreen Content เป็นเนื้อหาที่ดึงดูดผู้เข้าชมได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณา ก่อนที่เราจะทำการสร้างเนื้อหาประเภทนี้ ดังนี้

ข้อดีของ Evergreen Content
ข้อดีของการทำคอนเทนต์แบบ Evergreen Content คือ
- ข้อมูลมีประโยชน์และคงคุณค่าอยู่ตลอดเวลา
- ดึงดูดการเข้าชมอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป
- ช่วยเพิ่มอันดับในเครื่องมือค้นหาและเพิ่มการมองเห็น
- สามารถปรับปรุงใหม่หรือแชร์ต่อได้เสมอเพื่อเรียกความสนใจจากผู้ชม
- สร้างการรับรู้แบรนด์ที่ดี ด้วยเนื้อหาคุณภาพและน่าเชื่อถือ
ข้อจำกัดของ Evergreen Content
ข้อจำกัดของการทำคอนเทนต์แบบ Evergreen Content คือ
- ใช้เวลาทำค่อนข้างนาน เพราะต้องรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องก่อนเสมอ
- หากเนื้อหาไม่ละเอียดพอ อาจทำให้คอนเทนต์ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้
- ต้องใช้เวลาในการเก็บ Engagement มากกว่าการทำคอนเทนต์แบบ Topical Content

เทคนิคเขียน Evergreen Content ให้เวิร์กและมีคุณภาพ
แบรนด์หรือธุรกิจสามารถสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพได้ด้วยเทคนิคดังนี้
หัวข้อควรเฉพาะเจาะจง
ไม่ควรเลือกหัวข้อที่กว้างเกินไป การเลือกหัวข้อที่เจาะจงจะช่วยให้คอนเทนต์มีทิศทางที่ชัดเจนและเนื้อหาสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่านได้ดียิ่งขึ้น เมื่อหัวข้อมีความเฉพาะเจาะจง ผู้อ่านสามารถคาดหวังได้ว่าคอนเทนต์นั้นจะให้ข้อมูลที่ลึกซึ้งและครอบคลุมในเรื่องที่พวกเขาสนใจ
ในขณะเดียวกันคอนเทนต์ที่เจาะจงยังช่วยให้การค้นหาคำค้น (keywords) มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น หากคุณเขียนเกี่ยวกับ “วิธีการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ” คอนเทนต์จะมีความเฉพาะเจาะจงและตรงประเด็นมากกว่าการเขียนแค่ “วิธีการดูแลสุขภาพ” ที่กว้างเกินไป
ใช้ภาษาที่เหมาะสมกับเนื้อหา
ใช้ภาษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ควรเลือกใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมาและหลีกเลี่ยงคำซับซ้อน หากกลุ่มเป้าหมายของคุณคือคนทั่วไป ควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย และหากเนื้อหามีความซับซ้อน เช่น การอธิบายขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์หรือเทคนิค ควรอธิบายรายละเอียดในรูปแบบที่ทำให้ผู้อ่านทุกคนเข้าใจได้ง่าย เช่น การใช้ตัวอย่างประกอบ หรือคำอธิบายที่ไม่ซับซ้อนเกินไป
เลี่ยงการใช้คำศัพท์ทางเทคนิค
คำศัพท์ทางเทคนิคอาจทำให้เนื้อหายากต่อการเข้าใจสำหรับผู้อ่านบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้อ่านไม่ได้มีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ที่ซับซ้อนหรือเฉพาะเจาะจงเกินไป เว้นแต่ว่าจะเป็นเนื้อหาสำหรับผู้ที่มีความรู้ในสาขานั้นๆ หากจำเป็นต้องใช้คำศัพท์ทางเทคนิค ควรอธิบายความหมายหรือให้ตัวอย่างประกอบเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น
ปรับเนื้อหาให้ตรงตามหลัก SEO
การทำ SEO ให้ดีเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการใช้คำค้นหาที่เหมาะสมในเนื้อหา หัวข้อ หรือพาดหัวจะช่วยให้คอนเทนต์มีโอกาสแสดงผลในอันดับที่ดีบนเครื่องมือค้นหาของ Google ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนค้นพบเนื้อหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การใช้คำค้นในแบบที่เหมาะสมในเนื้อหายังช่วยให้การจัดอันดับในเครื่องมือค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณต้องการทำ SEO ด้วยความเชี่ยวชาญ Minimice Group คือเอเจนซี่ที่มีทีมงานมืออาชีพ พร้อมให้บริการช่วยพัฒนาเนื้อหาและคอนเทนต์อย่างครบวงจร เราพร้อมช่วยคุณให้บรรลุเป้าหมายในด้าน SEO
อัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่า Evergreen Content จะถูกออกแบบมาให้มีความยั่งยืนและใช้ได้ในระยะยาว แต่การอัปเดตเนื้อหาบ่อยๆ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลใหม่ๆ หรือแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น หากคุณเขียนบทความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหายังคงทันสมัยและไม่มีข้อมูลที่ผิดพลาด หากมีการเปลี่ยนแปลงในด้านวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ ก็สามารถอัปเดตข้อมูลในบทความเพื่อให้ข้อมูลที่ดีที่สุดแก่ผู้อ่าน นอกจากนี้การอัปเดตเนื้อหายังช่วยให้คอนเทนต์ยังคงรักษาความสนใจจากผู้อ่านใหม่ๆ ได้เสมอ
สรุป
Evergreen Content คือเนื้อหาที่มีความยั่งยืนและคงความน่าสนใจตลอดเวลา ไม่ตกเทรนด์และสามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้ต่อเนื่อง เช่น บทความให้ความรู้ How-To หรือคำแนะนำต่างๆ ที่มีคุณค่าและไม่ล้าสมัย โดยแตกต่างจาก Topical Content ที่เน้นกระแสหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน การสร้าง Evergreen Content ควรมุ่งเน้นหัวข้อที่เฉพาะเจาะจง ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงคำศัพท์เทคนิคและปรับให้สอดคล้องกับ SEO นอกจากนี้ควรอัปเดตข้อมูลเมื่อจำเป็นเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและประโยชน์ต่อผู้อ่านในระยะยาว ช่วยเพิ่มการเข้าชมและประหยัดงบประมาณในการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Evergreen Content (FAQ)
หลายๆ คนอาจยังสงสัยเกี่ยวกับ Evergreen Content เราจะมาตอบคำถามที่คนมักสงสัย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด
ทำไม Evergreen Content ถึงดีต่อเว็บไซต์
Evergreen Content ดีต่อเว็บไซต์เพราะมันช่วยให้เว็บไซต์มีเนื้อหาที่คงคุณค่าและสามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านการค้นหาผ่าน Google หรือแชร์ในโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอันดับ SEO โดยทำให้เว็บไซต์มีเนื้อหาที่สดใหม่และเกี่ยวข้องเสมอ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชมกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
Evergreen Content ยังคงตอบโจทย์ User ไหม
Evergreen Content ยังคงตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ เพราะเป็นเนื้อหาที่มีคุณค่าและเกี่ยวข้องตลอดเวลา เช่น คำแนะนำหรือข้อมูลที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่มีประโยชน์และใช้งานได้เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เนื้อหานี้ยังคงให้คำตอบที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ได้เสมอ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเนื้อหาแบบไหนคือ Evergreen Content
เนื้อหาที่เป็น Evergreen Content จะเป็นข้อมูลที่มีคุณค่าตลอดเวลาและไม่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือเหตุการณ์เฉพาะ เช่น วิธีการ คำแนะนำ การดูแลสุขภาพ การศึกษา หรือการทำธุรกิจที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ แต่ เนื้อหานั้นยังคงตอบโจทย์และมีประโยชน์ในระยะยาว