Key Takeaway
| หัวข้อหลัก | ปัญหาที่พบ (Pain Point) | วิธีแก้ไขเบื้องต้น (Actionable Steps) | ความสำคัญในปี 2026 |
| Backlink Profile ไม่ดี | อันดับ SEO ตกGoogle มองว่าเป็น SpamTraffic ไม่เพิ่มเสียเวลา/งบประมาณ | ตรวจสอบด้วย ToolsDisavow Link คุณภาพต่ำ สร้าง Content Quality | สูงมาก Backlink Quality สำคัญกว่า Quantity ในยุค AI |
| ประเภท Backlink ที่เป็นพิษ | มาจากเว็บ Spam, PBN หรือเว็บที่ไม่มี Authority เลย | ใช้ Ahrefs/SEMRush วิเคราะห์ Anchor Text และ Domain Rating (DR) | หลีกเลี่ยง Link จาก AI-Generated Spam Content |
| กลยุทธ์แก้ไขเร่งด่วน | ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน | ใช้กลยุทธ์ “Content Fortress” และ “High-Quality Outreach” | มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ระดับ Tier-1 เท่านั้น |
หลายองค์กรทุ่มงบมหาศาลไปกับ การออกแบบเว็บไซต์ที่สวยงาม การสร้างคอนเทนต์คุณภาพ หรือแม้แต่การยิง Google Ads แต่กลับละเลยรากฐานสำคัญที่ช่วยดันอันดับ SEO อย่างยั่งยืน นั่นคือ Backlink Profile ที่แข็งแกร่ง
คุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ใช่ไหม? คุณรู้สึกว่าทำไมเว็บไซต์ของคุณถึงไม่สามารถไต่อันดับแซงคู่แข่งได้ ทั้งๆ ที่คอนเทนต์ก็ดี? นั่นอาจเป็นเพราะ “Backlink Profile” ที่กำลังเป็น พิษ (Toxic) ต่อการจัดอันดับของ Google อย่างเงียบๆ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในปี 2026 นี้ เราเข้าใจดีว่าการจัดการ Backlink นั้นซับซ้อนและใช้เวลา แต่ถ้าจัดการไม่ดี ก็สามารถทำลายความพยายามด้าน SEO ทั้งหมดได้เลยทีเดียว
Minimice Group ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และ Digital Strategy เห็นปัญหานี้ในลูกค้าหลายราย และบทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะช่วยคุณวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา Backlink Profile อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลก AI Search ที่เปลี่ยนแปลงไป
1. Backlink Profile ที่ไม่ดีคืออะไร? และทำไมมันถึงทำลาย SEO ของคุณ?
Backlink Profile คือ ภาพรวมของลิงก์ทั้งหมด ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ เปรียบเสมือน “คะแนนความเชื่อถือ” ที่เว็บไซต์อื่นๆ มอบให้ Google ใช้คะแนนนี้ในการตัดสินใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและมีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆ มากแค่ไหน
Backlink Profile ที่ไม่ดี (Toxic Backlink Profile) คือการมีสัดส่วนของลิงก์ที่มาจากแหล่งที่ ไม่มีคุณภาพ (Low Quality) น่าสงสัย (Suspicious) หรือเป็นลิงก์ที่ ละเมิดหลักเกณฑ์ของ Google (Google Webmaster Guidelines) เป็นจำนวนมาก
สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า Backlink Profile ของคุณ “แย่”
- มี Backlink จาก Spam Site เว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อ Spam โดยเฉพาะ เช่น เว็บพนัน เว็บโป๊ หรือเว็บไซต์ที่สร้างด้วย AI คุณภาพต่ำจำนวนมาก
- Anchor Text ไม่เป็นธรรมชาติ ลิงก์ที่ชี้มายังเว็บของคุณใช้ Anchor Text ที่เป็น Keyword ตรงตัวซ้ำๆ มากเกินไป (เช่น “บริการทำ SEO ราคาถูก”) ซึ่งบ่งบอกถึงการสร้างลิงก์ที่จงใจ (Manipulative)
- ลิงก์มาจาก PBN (Private Blog Network) เครือข่ายเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวคือการสร้าง Backlink ซึ่ง Google สามารถตรวจจับและลงโทษได้
- จำนวนลิงก์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ การมีลิงก์เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยในไม่กี่วัน อาจเป็นสัญญาณของการถูกโจมตี (Negative SEO) หรือการสร้างลิงก์เองแบบคุณภาพต่ำ

2. วิเคราะห์ 3 สาเหตุหลักที่คุณได้ Backlink คุณภาพต่ำเข้ามา
การทำความเข้าใจว่า Backlink ที่ไม่ดีเหล่านี้มาจากไหน คือก้าวแรกของการแก้ไขปัญหา
1. การซื้อ/แลกเปลี่ยนลิงก์ในอดีต
แม้ว่า Google จะประกาศชัดเจนว่าการซื้อขายลิงก์เพื่อเพิ่มอันดับเป็นเรื่องที่ผิดหลักเกณฑ์ แต่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้วิธีนี้เมื่อ 5-10 ปีก่อน และลิงก์เหล่านั้นยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
การซื้อลิงก์มักจะมาพร้อมกับลิงก์ที่อยู่ใน Footers, Sidebars หรือ Blog Comments ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย ซึ่งง่ายต่อการตรวจจับของ Google Algorithm ในปี 2026
2. การโจมตีด้วย Negative SEO
คู่แข่งของคุณอาจจ้างบริการสร้าง Backlink ขยะจำนวนมหาศาลชี้มายังเว็บไซต์ของคุณเพื่อลดอันดับ (อันเป็นที่มาของคำถาม “ทำไมเว็บไซต์ถึงมี Backlink Profile ที่ไม่ดี”)
ลักษณะของการโจมตีนี้คือมี Backlink จำนวนมาก (Thousands) เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น โดยมักใช้ Anchor Text แปลกๆ หรือชี้ไปที่หน้าเพจที่ไม่มีความสำคัญ
3. การสร้าง Content ที่ไม่มีคุณภาพ
หากเนื้อหาที่คุณสร้างไม่มีคุณค่าที่แท้จริง (Zero Value Content) หรือไม่มีความโดดเด่น คู่ค้าหรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่เห็นคอนเทนต์ของคุณก็อาจจะตัดสินใจ “ยกเลิกการลิงก์” หรือ “เปลี่ยนไปลิงก์ไปยังคู่แข่ง” ที่มีเนื้อหาดีกว่าแทน
นอกจากนี้ การสร้าง Content ที่มีแต่ขายของอย่างเดียว โดยไม่มีการให้ข้อมูลที่ลึกซึ้ง ก็ทำให้โอกาสในการได้ลิงก์จากเว็บไซต์ที่เป็น Authority ลดลงอย่างมาก
“Tips: ตรวจสอบประวัติการทำ SEO ว่าเคยมีพฤติกรรมการ ซื้อหรือแลกเปลี่ยนลิงก์ หรือไม่ รวมทั้งเฝ้าระวังการเพิ่มขึ้นของลิงก์ที่ผิดปกติโดยใช้เครื่องมือ Backlink Monitoring การสร้าง Evergreen Content คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากการถูก Disavow หรือถูกละเลย”

3. จะรู้ได้อย่างไรว่า Backlink ไหนคือ “ขยะ”?
การวินิจฉัยปัญหา Backlink ต้องใช้เครื่องมือ SEO ระดับมืออาชีพ
| เครื่องมือ (Tool) | จุดเด่นในการวิเคราะห์ Backlink | ค่าชี้วัดสำคัญที่ใช้ |
| Ahrefs | วิเคราะห์ Domain Rating (DR) และ Referring Domains ได้แม่นยำมาก | DR/UR, Traffic, Anchor Text, First Seen |
| SEMRush | มีฟีเจอร์ “Toxic Score” ใน Backlink Audit Tool ที่ช่วยระบุลิงก์เป็นพิษ | Toxic Score (สูงหมายถึงแย่), Authority Score, Backlinks Type |
| Google Search Console | แสดงลิงก์ทั้งหมดที่ Google พบ (แม้จะไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี) | Top linking sites, Target pages |
1. การอ่านค่า Toxic Score และ DR/UR
- Toxic Score (SEMRush) ลิงก์ที่มีคะแนนสูง (เช่น 60+ ขึ้นไป) มักมาจากเว็บไซต์ที่เป็น Spam, PBN หรือเว็บไซต์ต่างชาติที่ไม่เกี่ยวข้อง
- Domain Rating (DR) / Authority Score (AS) ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่มี DR ต่ำกว่า 10 หรือไม่มี Traffic เลย ถือเป็นลิงก์ที่ต้องสงสัย (ยกเว้นเป็นเว็บไซต์ Niche ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจริงๆ)
ตัวอย่าง หากลิงก์ชี้มาจากเว็บไซต์ที่มี DR 5 และมี Toxic Score 75+ (ระบุว่ามาจาก “Suspicious link network”) นั่นคือลิงก์ที่คุณต้องจัดการทันที
4. กลยุทธ์แก้ไขเร่งด่วน The “Tox-Cleanse” Strategy
เมื่อคุณระบุลิงก์ที่เป็นพิษได้แล้ว ก็ถึงเวลาลงมือแก้ไข
1. การลบลิงก์ด้วยตนเอง
สำหรับลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่คุณสามารถติดต่อได้ เช่น บล็อกเกอร์ เว็บไซต์คู่ค้า หรือเว็บไซต์ที่คุณเคยซื้อลิงก์ในอดีต ให้พยายาม ส่งอีเมลขอให้ลบลิงก์ออก เป็นขั้นตอนแรก
เทคนิค ใช้อีเมลที่สุภาพและเป็นมืออาชีพ อธิบายว่าคุณกำลังทำ Backlink Audit และขอความช่วยเหลือในการลบลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป
2. การใช้เครื่องมือ Disavow Tool ของ Google
หากคุณไม่สามารถติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ หรือเจ้าของเว็บไซต์ปฏิเสธที่จะลบลิงก์ออก การใช้ Google Disavow Tool คือทางออกสุดท้าย
Disavow คือการ “บอก Google” อย่างชัดเจนว่า “คุณไม่ต้องการให้พิจารณาลิงก์เหล่านี้อีกต่อไป” ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้
- รวบรวมรายการ Domain/URL ที่เป็นพิษทั้งหมดที่คุณต้องการ Disavow (ควร Disavow เป็นระดับ Domain ไม่ใช่แค่ URL เดียว)
- จัดทำไฟล์ .txt ที่มีรายการ Domain (ใส่ domain: นำหน้า) หรือ URL
- อัปโหลดไฟล์ไปยัง Google Disavow Tool
| ข้อควรระวัง (Do’s) | ข้อห้าม (Don’ts) |
| Disavow ระดับ Domain สำหรับเว็บไซต์ที่เป็น Spam ชัดเจน | ห้าม Disavow ลิงก์จากเว็บไซต์ Authority สูง เช่น Wikipedia, News Site |
| ทำการ Disavow เฉพาะลิงก์ที่คุณ มั่นใจ 100% ว่าเป็นพิษเท่านั้น | อย่าใช้ Disavow หากไม่แน่ใจ เพราะอาจทำลาย Backlink ที่ดีได้ |
“Tips: เริ่มจากการ ติดต่อเจ้าของเว็บก่อน เสมอ การ Disavow เป็นแค่การป้องกันตัวเอง ไม่ได้ช่วยเพิ่มอันดับ หลังจาก Disavow แล้ว Google จะใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการประมวลผล อย่าคาดหวังผลลัพธ์ในทันที”
5. สร้าง Backlink Profile ใหม่ที่แข็งแกร่งด้วย “The Content Fortress” Strategy
การลบลิงก์ที่เป็นพิษเป็นเพียงครึ่งทาง อีกครึ่งทางคือการสร้าง Backlink ที่ดีเข้ามาแทนที่ เพื่อสร้างป้อมปราการคอนเทนต์ที่ Google รัก
1. กลยุทธ์ “Content Gap & Linkable Asset”
เปรียบเทียบคอนเทนต์ของคุณกับคู่แข่งว่ามี “ช่องว่าง” ตรงไหนบ้างที่ยังไม่มีใครทำ หรือทำได้ไม่ลึกพอ จากนั้นสร้าง Linkable Asset ที่โดดเด่น เช่น
- Original Research & Data การทำ Survey หรือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
- Ultimate Guides บทความที่เป็นเสาหลัก (Pillar Content) ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของหัวข้อนั้นๆ
- Tools/Calculators เครื่องมือฟรีที่ช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้จริง
การทำ Linkable Asset คุณภาพสูงจะทำให้เว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องการลิงก์ มายังบทความของคุณเองโดยธรรมชาติ (Organic Link Acquisition)
2. Outreach แบบ Personalization (Human-Centric Approach)
การส่งอีเมลขอ Backlink ไม่ใช่การ “Spam” อีเมล แต่คือการสร้างความสัมพันธ์กับเว็บไซต์อื่นๆ (Relationship Building)
- ค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง ใช้ Ahrefs ค้นหาเว็บไซต์ที่เคยลิงก์ไปยังคู่แข่งของคุณ (Competitor’s Backlinks)
- ระบุหน้าเพจที่เสีย (Broken Link) แจ้งให้เขาทราบว่าหน้าเพจที่เขากำลังลิงก์ไปนั้น เสีย (404 Error) และเสนอ Content Fortress ของคุณเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการแทนที่
- เน้นคุณค่า อธิบายว่าคอนเทนต์ของคุณ “ดีกว่า” และ “มีประโยชน์มากกว่า” สำหรับผู้อ่านของพวกเขาอย่างไร (Focus on their readers, not your link)
“Tips: มุ่งเน้นการสร้าง “Linkable Asset” ที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น และการทำ Outreach ต้องเป็น Personalized Email เสมอ ห้ามใช้ Template ที่ดูเป็น Bot คุณภาพลิงก์ 1 ลิงก์จากเว็บไซต์ DR 60 ดีกว่าลิงก์ 100 ลิงก์จาก DR 10”
6. กรณีศึกษา กลยุทธ์ “Minimice Group Authority Bridge”
กรณีศึกษากลยุทธ์ “Authority Bridge” บริษัท A (ลูกค้าของ Minimice Group) เป็นธุรกิจ B2B ที่ทำซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ซึ่งมี Backlink Profile ที่แย่มากจากการถูกโจมตีด้วย Negative SEO มี Toxic Link กว่า 5,000 ลิงก์ใน 6 เดือน ทำให้ Traffic ตก 60%
Minimice Group ใช้กลยุทธ์ Authority Bridge ในการแก้ไข
- Deep Cleanse (Disavow) ใช้ SEMRush Audit และ Disavow ลิงก์ที่เป็นพิษ 90% ใน 4 สัปดาห์ โดยเน้นไปที่ Domain ที่มี Toxic Score สูงกว่า 80
- Content Bridge สร้าง Original Research Report (Linkable Asset) เกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจของลูกค้า
- Outreach Bridge ติดต่อเฉพาะเว็บไซต์ที่เป็น Authority (DR 50+) ในอุตสาหกรรมนั้นๆ และเสนอ Report ให้เป็นแหล่งอ้างอิง
ผลลัพธ์พบว่าภายใน 3 เดือน จำนวน Toxic Link ลดลง 95% และด้วยการได้รับ Backlink คุณภาพสูง 12 ลิงก์จากเว็บไซต์ Tier-1 ทำให้อันดับ Keyword หลักกลับมาอยู่ใน Top 5 ได้ทั้งหมด และ Organic Traffic เพิ่มขึ้น 110% ภายใน 6 เดือน
Minimice Group ใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์ที่แม่นยำ ทำให้ปัญหา Backlink Profile ที่ซับซ้อนได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
7. คลังศัพท์น่ารู้สำหรับมือใหม่
- Toxic Backlink ลิงก์ที่ Google มองว่าเป็น Spam หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งส่งผลลบต่ออันดับ
- Disavow Tool เครื่องมือของ Google ที่ใช้แจ้งให้ Google ทราบว่าคุณไม่ต้องการให้พิจารณาลิงก์ที่คุณระบุ
- Anchor Text ข้อความที่สามารถคลิกได้เพื่อไปยังหน้าปลายทาง
- Domain Rating (DR) ค่าคะแนนความแข็งแกร่งของ Backlink Profile ของเว็บไซต์ (วัดโดย Ahrefs)
- PBN (Private Blog Network) เครือข่ายเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการสร้าง Backlink โดยเฉพาะ
สิ่งที่ต้องทำทันทีเพื่อแก้ไข Backlink Profile ของคุณ
- ตรวจสอบ Backlink ใช้ Ahrefs/SEMRush ตรวจสอบ Backlink ทั้งหมด
- ระบุ Toxic Link กรองลิงก์ที่มี DR/AS ต่ำกว่า 10 หรือมี Toxic Score สูง
- ติดต่อเพื่อขอลบ ส่งอีเมลไปยังเจ้าของเว็บไซต์เพื่อขอลบลิงก์ที่ไม่ต้องการออก
- จัดทำ Disavow File รวบรวม Domain ที่ไม่สามารถลบได้ในรูปแบบไฟล์ .txt
- อัปโหลด Disavow อัปโหลดไฟล์ .txt ไปยัง Google Disavow Tool
- สร้าง Linkable Asset ระดมสมองสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงเพื่อดึงดูดลิงก์ใหม่
- เริ่ม Outreach อย่างมืออาชีพ ติดต่อเว็บไซต์ Authority ในอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และขอลิงก์
FAQs คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่อง Backlink Profile
จะรู้ได้อย่างไรว่า Google ลงโทษเว็บไซต์ เพราะ Backlink Profile ที่ไม่ดี?
สัญญาณคือ Organic Traffic ตกฮวบอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุอื่น และมักจะมีแจ้งเตือนใน Google Search Console (Manual Action) แต่ส่วนใหญ่ Google จะใช้ Algorithmic Penalty ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์ Traffic และอันดับ Keyword อย่างละเอียด
การซื้อ Backlink ยังใช้ได้ผลอยู่หรือไม่ในปี 2026?
ไม่แนะนำอย่างยิ่ง Google Algorithm ในปี 2026 มีความสามารถในการตรวจจับเครือข่ายลิงก์และพฤติกรรมการซื้อขายลิงก์ที่ผิดธรรมชาติได้สูงมาก แม้จะใช้ได้ผลในระยะสั้น แต่ความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษในระยะยาวนั้นสูงกว่าผลตอบแทนมาก
ควร Disavow ลิงก์จากเว็บไซต์ต่างประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องไหม?
หากลิงก์นั้นมาจากเว็บไซต์ที่มีภาษาหรือธีมที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเลย และมี DR ต่ำ/Toxic Score สูง ก็ควร Disavow เพราะ Google อาจมองว่าเป็น Spam หรือ Negative SEO
ลิงก์ Nofollow มีผลต่อ SEO หรือไม่?
ในอดีต Nofollow จะไม่มีผลเลย แต่ในปี 2026 Google ได้เปลี่ยนมาใช้เป็น “Hint” หมายความว่า Google จะพิจารณาลิงก์ Nofollow บางส่วนเป็นสัญญาณความน่าเชื่อถือด้วย ดังนั้นลิงก์ Nofollow จากเว็บไซต์ Authority ก็ยังคงมีคุณค่าอยู่
สามารถทำ Disavow ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ Authority ได้หรือไม่?
ห้ามทำเด็ดขาด การ Disavow ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มี Authority สูง (เช่น Wikipedia, เว็บข่าวใหญ่) อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คุณเอง ควร Disavow เฉพาะลิงก์ที่คุณมั่นใจว่าเป็น Toxic Link เท่านั้น
หากมี Toxic Link เยอะมาก ควรทำอย่างไร?
เริ่มจาก Audit อย่างละเอียด ใช้เครื่องมือเพื่อระบุกลุ่มลิงก์ที่เป็นปัญหาที่สุด และทำการ Disavow เป็นกลุ่ม โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง Backlink คุณภาพสูงเข้ามาทดแทน (Authority Bridge Strategy) อย่างต่อเนื่อง
Backlink Audit ควรทำบ่อยแค่ไหน?
สำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางถึงใหญ่ ควรทำ อย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง หรือทันทีที่สังเกตเห็นการตกของอันดับและ Traffic ที่ผิดปกติ
Anchor Text ที่ดีควรเป็นอย่างไร?
ควรมีความหลากหลายและดูเป็นธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่ควรเป็น Branded Anchor Text (ชื่อแบรนด์) Naked URL (URL ตรงๆ) หรือ Generic Text (เช่น คลิกที่นี่ อ่านเพิ่มเติม) และใช้ Keyword ตรงตัวแบบจงใจให้น้อยที่สุด
Backlink Profile ที่ดีควรมีสัดส่วนอย่างไร?
ควรมีสัดส่วนของลิงก์จากเว็บไซต์ Authority สูง มากกว่าเว็บไซต์ต่ำ และควรมีลิงก์จากเว็บไซต์ที่ เกี่ยวข้องกับธุรกิจ (Relevance) เป็นจำนวนมาก
หลังจาก Disavow แล้วทำไมอันดับถึงยังไม่ขึ้น?
ห้ามทำเด็ดขาด การ Disavow ลิงก์จากเว็บไซต์ที่มี Authority สูง (เช่น Wikipedia, เว็บข่าวใหญ่) อาจทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์คุณเอง ควร Disavow เฉพาะลิงก์ที่คุณมั่นใจว่าเป็น Toxic Link เท่านั้น
สรุป
ปัญหา Backlink Profile ที่ไม่ดีไม่ใช่จุดจบของความพยายามด้าน SEO แต่เป็นเพียง สัญญาณเตือน ที่คุณต้องลงมือแก้ไขอย่างจริงจังและเป็นระบบ การปล่อยให้ลิงก์ที่เป็นพิษสะสมอยู่ในเว็บไซต์ไม่ต่างอะไรกับการวางระเบิดเวลาสำหรับธุรกิจของคุณ
ในปี 2026 นี้ คุณภาพของ Backlink สำคัญกว่าปริมาณอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การลงทุนในการสร้าง Linkable Asset ที่เป็นประโยชน์จริงๆ และการทำ Outreach อย่างมีกลยุทธ์ คือทางเดียวที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณก้าวข้ามคู่แข่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุค AI Search
อย่าปล่อยให้ Backlink Profile ที่เป็นพิษมาทำลายความเชื่อถือและอันดับเว็บไซต์ของคุณ หากคุณต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้าน SEO โดยตรงเพื่อวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ “Tox-Cleanse” และ “Authority Bridge” ให้กับเว็บไซต์ของคุณโดยเฉพาะ
ติดต่อ Minimice Group วันนี้ เพื่อปรึกษาฟรีเกี่ยวกับกลยุทธ์ SEO และ Backlink Audit ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ 1 ใน Google ได้อย่างยั่งยืน



