brand loyalty คือ

วิธีสร้าง Brand Loyalty ให้ลูกค้ารักและไม่ปันใจไปแบรนด์คู่แข่ง

Table of Contents

Brand Loyalty คือสิ่งสำคัญในการสร้างและรักษาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ใช้วัดความมุ่งมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง โดยพิจารณาจากการซื้อซ้ำและประสบการณ์เชิงบวก ลูกค้าที่ภักดีไม่เพียงแต่มีแนวโน้มที่จะทำธุรกิจหรือซื้อสินค้ากับแบรนด์ต่อไปเท่านั้น แต่ยังแนะนำให้ผู้อื่นรู้จักแบรนด์ต่ออีกด้วย จุดนี้เองที่สามารถนำไปสู่การเพิ่มยอดขาย การบอกต่อในเชิงบวก และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า 

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความภักดีต่อแบรนด์และความสำคัญของการสร้างความภักดีและกลยุทธ์การสร้าง Brand loyalty สำหรับธุรกิจของคุณ

Brand Loyalty คืออะไร

Brand Loyalty คืออะไร?

Brand Loyalty หรือที่เรียกว่าความภักดีต่อแบรนด์ คือพฤติกรรมของลูกค้าที่มีความผูกพันต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการจากแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งซ้ำๆ แม้จะมีทางเลือกอื่นให้เลือก เป็นการแสดงออกถึงภาพลักษณ์เชิงบวกและคุณค่าที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์

พฤติกรรมพื้นฐานของลูกค้าที่มี Brand Loyalty

  • เกิดการซื้อสินค้าและบริการซ้ำ
  • ไม่สนใจแบรนด์คู่แข่ง
  • มักมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณในช่องทางต่าง ๆ 
  • แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจว่าบริษัทของคุณควรปรับปรุงอย่างไร
  • สนับสนุนแบรนด์ของคุณและแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแก่ผู้อื่น

ทำไม Brand Loyalty ถึงมีความสำคัญ

ความสำคัญของการสร้าง Brand Loyalty คือสิ่งที่แบรนด์ต่างๆ ควรพิจารณาและนำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการรักษาลูกค้าเดิมไว้นั้นง่ายกว่าการหาลูกค้าใหม่ ต่อไปนี้เป็นเหตุผลหลายประการที่ทำให้ความภักดีของลูกค้ามีความสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ

  • ลูกค้าที่ภักดีคือผู้สนับสนุนแบรนด์
    ลูกค้าที่มีความภักดีจะช่วยส่งเสริมแบรนด์ของคุณด้วยการแบ่งปันความคิดเห็นเชิงบวก บอกต่อเพื่อนและครอบครัว และโพสต์บนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับประสบการณ์ยอดเยี่ยมที่ได้รับของลูกค้า 
  • ลูกค้าประจำใช้จ่ายมากขึ้น
    ลูกค้าที่ซื้อซ้ำจะมีความไว้วางใจแบรนด์ของคุณและมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้รับบริการที่ดี ในความเป็นจริง 75% ของผู้บริโภคจะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่ให้ประสบการณ์การบริการที่ดี
  • ลูกค้าที่ภักดีมีค่ามากกว่าลูกค้าใหม่
    การรักษาลูกค้าไว้นั้นคุ้มค่ากว่าการหาลูกค้าใหม่ การรักษาลูกค้าเพิ่มขึ้นเพียง 5% สามารถส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น 25% ถึง 95%
  • ลูกค้าที่ภักดีขายต่อได้ง่ายกว่า
    ลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากคุณอีกครั้ง ยิ่งคุณมีลูกค้าที่ภักดีมากเท่าไหร่ การขายซ้ำก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น
  • ลูกค้าที่ภักดีมีแนวโน้มที่จะให้อภัยความผิดพลาด
    74% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขาจะให้อภัยบริษัทสำหรับข้อผิดพลาด หลังจากได้รับบริการที่เป็นเลิศ

ประเภท Brand Loyalty

3 ประเภท Brand Loyalty ของลูกค้า ที่นักการตลาดต้องรู้

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าอะไรที่ผลักดันให้กลุ่มลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณครั้งแล้วครั้งเล่า หรือบางทีคุณอาจสงสัยว่าทำไมลูกค้าถึงชอบผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งของคุณ จากข้อมูลของ Christie Nordhelm รองศาสตราจารย์ด้านการตลาดที่ Ross School of Business, University of Michigan Brand Loyalty ของลูกค้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

1. Heart-Loyal Customers

คือกลุ่มลูกค้าที่ภักดีมีความผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ และพวกเขามองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของพวกเขา ลูกค้าเหล่านี้มักเป็นผู้สนับสนุนที่กระตือรือร้นและเป็นแกนนำของแบรนด์มากที่สุด พวกเขามักมีความเชื่อมโยงส่วนตัวกับแบรนด์ เช่น ความทรงจำในวัยเด็ก หรือความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่หยั่งรากลึกกับผลิตภัณฑ์และบริการ

2. Head-Loyal Customers

คือกลุ่มลูกค้าที่ภักดีแต่พวกเขาจะมีเหตุผลมากกว่าและตัดสินใจโดยพิจารณาจากการปฏิบัติจริง พวกเขาเลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่าทางการเงิน กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีโอกาสน้อยที่จะผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ แต่จะยังคงภักดีตราบเท่าที่แบรนด์ยังคงตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของพวกเขา

3. Hand-Loyal Customers

คือกลุ่มลูกค้าที่จะภักดีต่อแบรนด์เนื่องจากความเคยชินหรือความสะดวกสบาย พวกเขามักจะยึดติดกับแบรนด์เพราะเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดหรือเพราะพวกเขาใช้มันมานาน พวกเขาอาจไม่มีความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่แน่นแฟ้นกับแบรนด์ และอาจไม่ทราบถึงทางเลือกอื่น

ระดับ brand loyalty

ระดับความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty Level)

ระดับความภักดีต่อแบรนด์เป็นการวัดความมุ่งมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ซึ่ง Brand Loyalty แต่ละระดับต้องการแนวทางการตลาดและการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่แตกต่างกัน บริษัทของคุณควรพยายามยกระดับลูกค้าให้สูงขึ้นไปอีกขั้น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ และสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้า เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า Brand Loyalty ทั้ง 4 ระดับมีอะไรบ้าง

1. No Loyalty

เป็นผู้ซื้อที่ไม่มีความภักดีใด ๆ ต่อแบรนด์เลย สามารถซื้อสินค้าได้จากทุกแบรด์ อาจเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคา 

2. Passive Loyalty

หมายถึงลูกค้าที่ยังคงซื้อจากแบรนด์ต่อไปเพราะพวกเขาคุ้นเคย แต่ไม่ได้ผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์นั้น ผู้ซื้อกลุ่มนี้อาจเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นหากมีตัวเลือกที่ดีกว่า

3. Active Loyalty

หมายถึงลูกค้าที่มีความกระตือรือร้นค้นหาแบรนด์และพยายามซื้อจากแบรนด์อย่างมีสติ พวกเขามีความผูกพันทางอารมณ์ที่แข็งแกร่งกับแบรนด์และจะปกป้องแบรนด์อย่างแข็งขัน

4. Evangelical Loyalty

หมายถึงลูกค้าที่ไม่เพียงซื้อสินค้าจากแบรนด์อย่างแข็งขันเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมผู้อื่นอย่างแข็งขันด้วย พวกเขามีความเชื่อมโยงทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับแบรนด์และมองว่าตัวเองเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

กลยุทธ์การสร้าง Brand Loyalty

4 กลยุทธ์การสร้าง Brand Loyalty มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด

การสร้างความภักดีต่อแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยาวนานกับลูกค้า หัวข้อต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์

1. ส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง

การส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะภักดีต่อแบรนด์ที่ตอบสนองได้ดีหรือเกินความคาดหมายอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการลูกค้า ต่อไปนี้เป็นวิธีหลักบางประการที่บริษัท สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้าง Brand Loyalty

  • มุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า
    บริษัทควรเข้าใจความต้องการของลูกค้าและออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้น สิ่งนี้จำเป็นต้องทำการวิจัยตลาด รวบรวมความคิดเห็นของลูกค้า และประเมินความพึงพอใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
  • ลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา
    แบรนด์ของคุณควรลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง คุณจำเป็นต้องติดตามแนวโน้มของตลาด ความต้องการของลูกค้า และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อพัฒนาทางแก้ปัญหาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • ฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม
    แบรนด์ของคุณควรฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งจำเป็นต้องจัดให้มีการฝึกอบรมและโอกาสในการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ กำหนดมาตรฐานการบริการลูกค้า และรักษาพนักงานให้มีความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านั้น
  • ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
    บริษัทต่างๆ ควรตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งนี้จำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบการควบคุมคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า และทำการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์และบริการตามความคิดเห็นของลูกค้าด้วยเช่นกัน

2. การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ โดยการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำสำหรับลูกค้าแต่ละราย การปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล ช่วยให้ลูกค้าชื่นชมและรู้สึกว่าตนเองมีค่า ซึ่งจะเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้

  • ใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงบริการ
    บริษัทสามารถใช้ข้อมูลลูกค้า เช่น ประวัติการซื้อ ความชอบ และข้อมูลประชากร เพื่อปรับแต่งคำแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการ สิ่งนี้สามารถช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจความต้องการและความสนใจของพวกเขา ซึ่งสามารถเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีของลูกค้าได้
  • เสนอโปรโมชั่นและส่วนลดเฉพาะบุคคล
    หนึ่งในวิธีที่แบรนด์สามารถสร้าง Brand Loyalty คือการเสนอโปรโมชั่นและส่วนลดที่กำหนดเองให้กับลูกค้าตามประวัติการซื้อ ความชอบ และข้อมูลประชากร สิ่งนี้สามารถช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ให้ความสำคัญกับธุรกิจของพวกเขาและเต็มใจที่จะตอบแทนความภักดีของพวกเขา
  • มอบประสบการณ์การบริการลูกค้าที่เป็นส่วนตัว
    บริษัทสามารถมอบประสบการณ์การบริการลูกค้าที่เป็นส่วนตัวได้โดยใช้ข้อมูลลูกค้าและข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อทำความเข้าใจความต้องการและความชอบเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย สิ่งนี้สามารถช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์กำลังมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ซึ่งตรงกับความต้องการเฉพาะของพวกเขา

3. สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นกลยุทธ์หลักในการสร้าง Brand Loyalty ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งช่วยให้บริษัทสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้า และสร้างการรับรู้เชิงบวกเกี่ยวกับแบรนด์ในใจของพวกเขา สิ่งนี้สามารถเพิ่มความภักดีของลูกค้า โดยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นั้นน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสำคัญที่บริษัทต่างๆ สามารถสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้

  • ารออกแบบภาพที่ชัดเจน
    การออกแบบภาพลักษณ์ที่ชัดเจนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการใช้ โลโก้ กราฟิก ภาพ และการพิมพ์ที่สะดุดตาและน่าจดจำ การออกแบบภาพที่ชัดเจนช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้าได้
  • การสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่มมีความสอดคล้องกัน
    การสร้างแบรนด์ที่สอดคล้องกันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้โลโก้ ชุดสี แบบอักษร และรูปภาพเดียวกันในทุกจุด รวมถึงบรรจุภัณฑ์ การโฆษณา เว็บไซต์ และการสื่อสารกับลูกค้า สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และสร้างประสบการณ์ที่สอดคล้องและน่าจดจำ
  • สร้างเรื่องราวของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
    เรื่องราวของแบรนด์ที่แข็งแกร่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้าด้วยการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าจดจำเกี่ยวกับแบรนด์ เรื่องราวของแบรนด์ที่แข็งแกร่งสามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าใจประวัติ ภารกิจ และคุณค่าของแบรนด์ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ได้

4. มีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

หนึ่งในวิธีที่สำคัญของการสร้าง Brand Loyalty คือการมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดียเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ โซเชียลมีเดียทำให้บริษัทมีแพลตฟอร์มในการโต้ตอบกับลูกค้า ตอบกลับข้อเสนอแนะ และเสนอโปรโมชั่นพิเศษ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสำคัญที่บริษัทต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์

  • ตอบกลับความคิดเห็น
    การตอบกลับความคิดเห็นของลูกค้าบนโซเชียลมีเดียเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ โดยการตอบกลับความคิดเห็นและข้อความอย่างทันท่วงทีและเป็นมืออาชีพ สามารถแสดงให้เห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญกับลูกค้าและมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
  • เสนอโปรโมชั่นพิเศษ
    การเสนอโปรโมชั่นพิเศษบนโซเชียลมีเดียเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างความผูกพันกับลูกค้าและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ บริษัทสามารถเสนอข้อเสนอพิเศษและส่วนลดให้กับผู้ติดตาม ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษและเพิ่มความภักดีของลูกค้า
  • เตรียมเนื้อหาที่มีคุณค่า
    การส่งมอบเนื้อหาที่มีคุณค่าบนโซเชียลมีเดียเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าและการสร้าง Brand Loyalty บริษัทของคุณสามารถแบ่งปันบทความในบล็อก อินโฟกราฟิก วิดีโอ และเนื้อหาประเภทอื่นๆ ที่ให้ความรู้และแจ้งข้อมูลแก่ลูกค้าเกี่ยวกับแบรนด์ สิ่งนี้ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นและสามารถเพิ่มความภักดีได้

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Brand Loyalty

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Brand Loyalty

Brand Loyalty คือองค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์การขายและการตลาดที่ประสบความสำเร็จ และการวิจัยพบว่าสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อประสิทธิภาพทางการเงินของแบรนด์ ต่อไปนี้เป็นสถิติที่น่าสนใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบของความภักดีต่อแบรนด์ที่มีผลต่อการขายและการตลาด

1. การซื้อซ้ำ (Customer Retention)

ในปี 2020 Harvard Business School ได้ทำการวิจัยในหลากหลายอุตสาหกรรม พบว่าการรักษาลูกค้าซื้อซ้ำที่เพิ่มขึ้น 5% อาจทำให้กำไรเพิ่มขึ้น 25% ถึง 95% สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ในการผลักดันรายได้ของบริษัท

2. การตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth)

การวิจัยพบว่าลูกค้าที่มี Brand Loyalty มีแนวโน้มที่จะแนะนำแบรนด์ให้กับผู้อื่น การศึกษาโดย Nielsen พบว่า 92% ของผู้บริโภคเชื่อถือคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัวมากกว่าการโฆษณารูปแบบอื่นๆ สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความพึงพอใจของลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ในการสร้างการตลาดแบบปากต่อปาก

3. ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (Customer Acquisition Costs)

การหาลูกค้าใหม่นั้นมีราคาแพง และการวิจัยพบว่าการหาลูกค้าใหม่อาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการรักษาลูกค้าเดิม 5 ถึง 25 เท่า สถิตินี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาลูกค้าและความภักดีต่อแบบรนด์ในการลดต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า

4 .ความอ่อนไหวต่อราคา (Price Sensitivity)

ลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์มักจะอ่อนไหวต่อราคาน้อยกว่า และจากการวิจัยพบว่าลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์จะมีแนวโน้มที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นๆ ต่อไปแม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นก็ตาม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความภักดีต่อแบรนด์สามารถช่วยป้องกันแบรนด์อื่นๆ จากการแข่งขันด้านราคาได้

5. มูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (Customer Lifetime Value)

มูลค่าของลูกค้าตลอดช่วงชีวิตเป็นเมตริกที่สำคัญสำหรับแบรนด์ และการวิจัยพบว่าลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์มีมูลค่าตลอดช่วงชีวิตที่สูงกว่าลูกค้าที่ไม่ภักดี สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความภักดีต่อแบรนด์ในการเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับความสัมพันธ์กับลูกค้า หนึ่งในสถิติที่สำคัญที่สุดที่เชื่อมโยงความภักดีต่อแบรนด์กับรางวัลระยะยาวองบริษัทได้รับการรายงานโดย Microsoft : รายยงานพบว่าความภักดีต่อแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น 7% จะเพิ่มมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (CLV) ของลูกค้าแต่ละราย 85%

ตัวอย่าง brand loyalty

ตัวอย่าง 3 แบรนด์ดัง สร้าง Brand Loyalty จนลูกค้าหลงรัก

Nike

Nike สามารถสร้างความภักดีต่อแบรนด์ผ่านการมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การตลาด และสนับสนุนกีฬาประเภทต่างๆ เพื่อให้โลโก้ “swoosh” และประโยค “Just Do It ” อันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และแคมเปญการตลาดของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การสร้างแรงบันดาลใจและเสริมศักยภาพแก่ลูกค้า นอกจากนี้ Nike ยังสามารถรักษาลูกค้าให้มีส่วนร่วมด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

Apple

Apple สร้างความภักดีต่อแบรนด์อย่างแข็งแกร่งด้วยการให้ความสำคัญกับการออกแบบ ประสบการณ์ของผู้ใช้ และการบริการลูกค้า บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง มอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้าผ่านร้านค้าปลีก และให้การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยม แนวทางที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของ Apple ช่วยรักษาลูกค้าและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ทำให้เกิดวงจรการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรที่ดีอย่างยั่งยืน

Starbucks

สตาร์บัคส์ได้สร้าง Brand Loyalty ที่แข็งแกร่งผ่านการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมกับชุมชน บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์กาแฟและชาระดับพรีเมียมที่หลากหลาย ประสบการณ์ของลูกค้าที่เป็นมิตรในร้าน Starbucks แต่ละสาขา และความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน แนวทางการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางของ Starbucks ช่วยรักษาลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในแบรนด์กาแฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

สรุป

โดยสรุปแล้ว Brand Loyalty คือสิ่งสำคัญของความสำเร็จของธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยการมุ่งเน้นที่การส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง การให้บริการลูกค้าที่เป็นเลิศ และรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง บริษัทต่างๆ สามารถช่วยสร้างและรักษาความภักดีต่อแบรนด์ของลูกค้าได้ ด้วยความเข้าใจในปัจจัยที่นำไปสู่การสูญเสียความภักดีต่อแบรนด์ บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้และรับประกันความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ท้ายที่สุดแล้ว ฐานลูกค้าที่ภักดีคือทรัพย์สินอันมีค่าที่สามารถเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

Brand Loyalty คืออะไร?

Brand Loyalty คือความมุ่งมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง โดยพิจารณาจากการซื้อซ้ำและประสบการณ์เชิงบวกของลูกค้า

เหตุใดความภักดีต่อแบรนด์จึงมีความสำคัญต่อธุรกิจ?

Brand Loyalty เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจ เนื่องจากนำไปสู่การเพิ่มยอดขาย การบอกต่อในเชิงบวก และความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ลูกค้าประจำมีแนวโน้มที่จะทำธุรกิจกับแบรนด์ต่อไปและแนะนำให้ผู้อื่นรู้จัก

ธุรกิจจะสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างไร?

ธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ ปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้เป็นส่วนตัว สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย

ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ความภักดีต่อแบรนด์ลดลง?

ปัจจัยที่อาจทำให้สูญเสียความภักดีในแบรนด์ ได้แก่ การบริการลูกค้าที่ไม่ดี คุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอ การเปลี่ยนแปลงในภาพลักษณ์ของแบรนด์ และการขาดการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

ธุรกิจต่าง ๆ จะวัดความภักดีต่อแบรนด์ได้อย่างไร?

ธุรกิจต่างๆ สามารถรักษาความภักดีต่อตราสินค้าได้โดยการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ตอบสนองต่อคำติชมของลูกค้า และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

Jirayu Studio

Jirayu Studio

Web Developer

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง