Key Takeaway
- CTA คือข้อความหรือปุ่มที่ใช้กระตุ้นให้ผู้อ่านหรือลูกค้าทำบางสิ่งที่ธุรกิจต้องการ
- Call to Action มีความสำคัญเพราะเป็นจุดชี้นำที่ชัดเจนในการกระตุ้นให้ผู้ชมลงมือทำตามวัตถุประสงค์ของเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการคลิกซื้อสินค้า กรอกแบบฟอร์ม หรือสมัครบริการ
- ตัวอย่างของ CTA ที่น่าสนใจและมักเจอบ่อย เช่น “สมัครเลย” (Sign Up) “ซื้อทันที” (Buy Now) หรือ “คลิกดูเพิ่มเติม” (Click to Learn More)
- เทคนิคสร้าง CTA ให้มีคุณภาพคือการใช้คำกระตุ้นที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย พร้อมออกแบบให้โดดเด่น สะดุดตา และวางตำแหน่งให้เหมาะสม รวมถึงต้องสอดคล้องกับเนื้อหาและเป้าหมายของคอนเทนต์\
เคยสงสัยกันไหมว่าข้อความหรือรูปที่เห็นในเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่กระตุ้นให้เราทำอะไรบางอย่าง เช่น คลิก หรือซื้อสินค้านั้นอย่าง CTA คืออะไร? ในยุคดิจิทัลการทำการตลาดออนไลน์คือกุญแจสำคัญในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ซึ่ง CTA คือเครื่องมือที่กระตุ้นให้ลูกค้าทำบางอย่าง เช่น คลิกปุ่มสมัครสมาชิก ซื้อสินค้า หรือกรอกแบบสอบถาม
วันนี้ Minimice จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจว่า CTA คืออะไร มีส่วนประกอบยังไง และจะสร้าง CTA หรือ Call to Action ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายและเติบโตในธุรกิจออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน

CTA กระตุ้นการซื้อ คืออะไร?
Call to Action หรือ CTA คือคำหรือประโยคที่ช่วยกระตุ้นให้คนทำการตัดสินใจ เช่น คลิกซื้อสินค้า หรือกรอกข้อมูลต่างๆ ในการตลาดออนไลน์ CTA มักใช้ในแคมเปญการขายหรือการโปรโมต โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานตอบสนองทันที เช่น การกดปุ่มเพื่อซื้อสินค้า รับสิทธิพิเศษ หรือเยี่ยมชมหน้าอื่นๆ ของเว็บไซต์ ถือเป็นการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและแบรนด์

องค์ประกอบของ Call to Action ที่มีผลต่อการขาย
การสร้าง CTA ให้น่าดึงดูดนั้นจำเป็นต้องมีองค์ประกอบที่ชัดเจนและตรงจุด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจทำตามในทันที ซึ่งองค์ประกอบหลักที่ควรมีใน Call to Action ได้แก่
- ข้อความบนปุ่ม CTA ควรใช้คำที่กระตุ้นให้ทำทันที เช่น ‘ซื้อเลย’ ‘ดาวน์โหลด’ หรือ ‘โทรทันที’ พร้อมใช้เทคนิคจำกัดเวลา เช่น ‘วันนี้เท่านั้น’ หรือ ‘หมดเขตเร็วๆ นี้’ เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ
- การทำ CTA ให้ได้ผล ควรมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ควบคู่กัน เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าคลิกแล้วได้ข้อมูลหรือคำตอบที่ต้องการ เพิ่มโอกาสเกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น
- ออกแบบปุ่ม CTA ให้น่าสนใจ ด้วยสี รูปทรง และฟอนต์ที่สะดุดตา เพื่อดึงดูดให้คลิกตั้งแต่แรกเห็น
- วางปุ่ม CTA ในตำแหน่งที่มองเห็นง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานสังเกตเห็นและอยากกดมากขึ้น

ทำไม CTA ถึงเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ
CTA หรือ Call to Action คือสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจควรมี ไม่ว่าจะเป็น B2C, B2B หรือ E-Commerce เพราะช่วยแนะนำให้ลูกค้ารู้ว่าควรทำอะไรต่อระหว่างการใช้งานเว็บไซต์ หรือระหว่างที่อ่านเนื้อหาของเรา เป็นเหมือนตัวนำทางเล็กๆ ในแต่ละขั้นตอนของ Customer Journey ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
ถ้าไม่มี CTA เลย ผู้ใช้อาจไม่รู้ว่าควรคลิกตรงไหน ซื้อยังไง หรือทำอะไรต่อ ผลคือเสียโอกาสในการเปลี่ยนคนที่สนใจให้กลายเป็นลูกค้า และสุดท้ายอาจไปเลือกแบรนด์คู่แข่งแทนโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่เค้าเกือบจะเป็นลูกค้าของเราอยู่แล้วก็ได้

ช่องทางที่เหมาะสมในการใช้ Call to Action
การทำ CTA (Call to Action) ให้ได้ผล ไม่ใช่แค่มีคำหรือปุ่มที่น่าสนใจ แต่ “ช่องทาง” ที่เลือกใช้ก็สำคัญ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีพฤติกรรมผู้ใช้งานต่างกัน เช่น
- เว็บไซต์ (Website) การทำ CTA บนเว็บไซต์ควรวางไว้ในจุดสำคัญ เช่น หน้าแรก เพื่อกระตุ้นให้คลิกหรือซื้อสินค้า อีกทั้งการมีบล็อกที่ให้ข้อมูลดีๆ ยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจและยอดเข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้นด้วย
- แคมเปญอีเมล (Email Campaign) การใส่ CTA ในอีเมลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหา และเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้ผลลัพธ์แม่นยำและน่าสนใจมากขึ้น
- โซเชียลมีเดีย (Social Media) บนโซเชียลมีเดียสามารถใส่ CTA ได้ทั้งในโพสต์หรือโฆษณา เช่น ปุ่ม ‘เรียนรู้เพิ่มเติม’ บน Facebook ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
- Google การใช้ Google Ads พร้อม CTA ปุ่มคลิกโทรบนมือถือช่วยให้ลูกค้าติดต่อคุณได้ง่ายขึ้น ผ่านการค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการใน Google

ตัวอย่าง Call to Action ภาษาไทย-อังกฤษ ช่วยเพิ่มการคลิก
ในการทำการตลาดออนไลน์ การใช้ Call to Action (CTA) ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานทำการกระทำตามที่เราต้องการ การเลือกใช้ CTA ที่ตรงกับแต่ละแพลตฟอร์มและรูปแบบการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี เรามาดูตัวอย่าง CTA ที่เหมาะสมกับแต่ละรูปแบบกัน
รวมตัวอย่าง Call to Action สำหรับเว็บไซต์
- “Buy Now” / “ซื้อเลย” สำหรับหน้าโปรโมชันหรือหน้าผลิตภัณฑ์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานตัดสินใจซื้อสินค้า
- “Sign Up” / “สมัครสมาชิก” ใช้ในหน้า Landing Page หรือหน้าโปรโมชันเพื่อเพิ่มสมาชิกใหม่
- “Learn More” / “เรียนรู้เพิ่มเติม” ใช้ในหน้าเนื้อหาหรือบทความเพื่อเชิญชวนให้ผู้ใช้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
- “Contact Us” / “ติดต่อเรา” ใช้ในหน้าติดต่อหรือหน้าเกี่ยวกับเราเพื่อกระตุ้นการติดต่อจากผู้ใช้
- “Download Free” / “ดาวน์โหลดฟรี” ใช้สำหรับหน้า Landing Page ที่เสนอให้ดาวน์โหลดเอกสารหรือซอฟต์แวร์ฟรี
- “Get Special Offer” / “รับข้อเสนอพิเศษ” ใช้ในการโปรโมตข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลดสำหรับผู้เข้าชม
- “Check Our Products” / “เช็กสินค้า” ใช้ในหน้าผลิตภัณฑ์หรือหน้ารายละเอียดสินค้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานตรวจสอบสินค้า
- “Start Now” / “เริ่มต้นตอนนี้” ใช้ในหน้า Landing Page ที่มีการแนะนำบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่
- “Subscribe to Our Newsletter” / “สมัครรับข่าวสาร” ใช้ในหน้า Newsletter เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานสมัครรับข้อมูลจากแบรนด์
ตัวอย่าง CTA ที่น่าสนใจบนโซเชียลมีเดีย
- “Shop Now” / “ช้อปเลย” กระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิกเพื่อซื้อสินค้าทันที
- “Learn More” / “เรียนรู้เพิ่มเติม” กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- “Sign Up” / “สมัครสมาชิก” เชิญชวนให้ผู้ใช้งานสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารหรือข้อเสนอพิเศษ
- “Follow Us” / “ติดตามเรา” กระตุ้นให้ผู้ใช้ติดตามแบรนด์หรือธุรกิจบนโซเชียลมีเดีย
- “Get Your Discount” / “รับส่วนลดของคุณ” กระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกเพื่อรับส่วนลดพิเศษ
- “Join the Conversation” / “เข้าร่วมการสนทนา” กระตุ้นให้ผู้ใช้เข้าร่วมการสนทนาในโพสต์หรือคอมเมนต์
- “Tag a Friend” / “แท็กเพื่อน” เชิญชวนให้ผู้ใช้งานแท็กเพื่อนในโพสต์เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม
- “Send Message” / “ส่งข้อความ” กระตุ้นให้ผู้ใช้งานส่งข้อความเพื่อสอบถามหรือสั่งซื้อสินค้า
- “Swipe Up” / “เลื่อนขึ้น” ใช้ใน Stories หรือโพสต์ที่รองรับการเลื่อนขึ้นเพื่อเข้าถึงลิงก์ที่ต้องการ
ตัวอย่าง CTA สำหรับอีเมลและโฆษณาที่ช่วยเพิ่มการตอบกลับ
- “Click here to get your special offer” / “คลิกที่นี่เพื่อรับข้อเสนอพิเศษ” กระตุ้นให้ผู้รับอีเมลคลิกเพื่อรับส่วนลดหรือข้อเสนอพิเศษ
- “Reply to get more information” / “ตอบกลับเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม” กระตุ้นให้ผู้รับอีเมลตอบกลับเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- “Confirm your subscription” / “ยืนยันการสมัครสมาชิก” กระตุ้นให้ผู้ใช้งานยืนยันการสมัครเพื่อรับสิทธิพิเศษ
- “Claim your offer today only!” / “รับข้อเสนอวันนี้เท่านั้น!” ใช้เพื่อสร้างความเร่งด่วนให้ผู้รับตอบกลับทันที
- “Click to confirm your eligibility” / “คลิกเพื่อยืนยันสิทธิ์ของคุณ” ใช้ในกรณีที่ต้องการให้ผู้ใช้งานยืนยันการรับข้อเสนอหรือสิทธิพิเศษ
- “Call now for more details” / “โทรเลยเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม” ใช้ในโฆษณาที่มีปุ่มโทรทันทีเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าติดต่อทางโทรศัพท์
- “Sign up now for exclusive perks” / “สมัครตอนนี้เพื่อรับสิทธิพิเศษ” กระตุ้นให้ผู้ดูโฆษณากดสมัครเพื่อรับข้อเสนอพิเศษ
- “Get an instant discount” / “รับส่วนลดทันที” กระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิกเพื่อรับส่วนลดพิเศษในทันที
- “Click to learn more” / “คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม” ใช้เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานคลิกเพื่อเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติม
- “Don’t miss out! Grab this special offer today” / “อย่าพลาด! รับข้อเสนอสุดพิเศษวันนี้” กระตุ้นให้ผู้ใช้งานรู้สึกเร่งด่วนและคลิกเพื่อไม่พลาดข้อเสนอ

CTA มีกี่ประเภท เลือกใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ประเภทของ CTA (Call to Action) มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และช่องทางการใช้งานต่างๆ ไปดูกันว่าแต่ละประเภทของ CTA มีอะไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบไหนบ้าง
การตลาดผ่านบทความ (Content Marketing)
กลยุทธ์การตลาดผ่านบทความทุกแบบจะใช้ CTA เป็นเครื่องมือหลักในการให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่ต่อให้มากที่สุด โดยเฉพาะบล็อกที่มักจะมี CTA หลายตัวเพราะมีผู้ใช้งานและเนื้อหาหลายประเภท ทุกๆ เนื้อหาควรมี CTA ที่ใช้คำกริยากระตุ้น เช่น อ่าน ดูเพิ่มเติม เรียนรู้ หรือแชร์ ซึ่งจะช่วยให้ประสบการณ์ผู้ใช้ดีขึ้น และยังช่วย SEO ให้ดียิ่งขึ้นด้วย
ดึงดูดคนให้มาเป็นลูกค้า (Lead generation)
สำหรับบริษัท B2B ข้อความ CTA คือการเน้นการนำเสนอคุณค่าอย่างตรงประเด็นเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้ทำอะไรบางอย่างต่อไป CTA ควรจับพฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อให้ข้อความตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการในแต่ละขั้นตอนของการตัดสินใจซื้อ
อีคอมเมิร์ซ (E-commerce)
หลายแบรนด์อีคอมเมิร์ซจะพึ่งพาการตลาดผ่านอีเมล แคมเปญการตลาดนอกบ้าน โฆษณาผ่าน Facebook และรูปแบบการโฆษณาตรงไปยังผู้บริโภคอื่นๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า
การทำ Call to Action ที่มีประสิทธิภาพจะสื่อสารอย่างชัดเจนว่าผู้ใช้จะคาดหวังอะไรเมื่อคลิกปุ่มหรือทำการกระทำต่อไป ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและการแปลงให้ดีขึ้น

8 วิธีในการสร้าง Call to Action ให้โดนใจลูกค้า
การสร้าง Call to Action (CTA) ที่ดึงดูดลูกค้าไม่ใช่แค่การเลือกคำที่ดูดี แต่ยังต้องออกแบบให้สามารถกระตุ้นการกระทำจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเพิ่ม Conversion และการมีส่วนร่วม (Engagement) ในธุรกิจของคุณ ในบทความนี้ เราจะแนะนำ 8 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยสร้าง CTA ที่จะทำให้ลูกค้าคลิกและมีส่วนร่วมมากขึ้น
1. เข้าใจเป้าหมายแบรนด์อย่างชัดเจน
ขั้นตอนแรกในการทำ Call to Action (CTA) คือการเข้าใจเป้าหมายและวัตถุประสงค์หลักของแบรนด์ ว่าเราต้องการให้ลูกค้าทำอะไร เช่น เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มยอดขาย เพิ่ม Conversion หรือสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เมื่อเข้าใจเป้าหมายแล้ว คำหรือข้อความที่ใช้ในการกระตุ้นการตัดสินใจจะต้องสะท้อนถึงจุดประสงค์นั้นๆ อย่างชัดเจน ตัวอย่าง CTA ที่ใช้ในการสร้างโอกาสในการขาย เช่น “ดาวน์โหลดเลย” หรือ “ซื้อเลย” เป็นต้น
2. เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
พฤติกรรมของผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการเสพข่าวสาร ความบันเทิง กีฬา หรือการชอปปิง สิ่งเหล่านี้แตกต่างกันไปตามความสนใจและความต้องการของแต่ละคน ดังนั้นในการสร้าง CTA จึงควรคำนึงถึงพฤติกรรมเหล่านี้ด้วย เพื่อให้สามารถแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และเลือกใช้คำหรือประโยคที่เหมาะสมกับกลุ่มนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ใช้คำและประโยคที่เสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์
การเลือกคำหรือประโยคอย่างชาญฉลาดเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง Call to Action เพราะนี่คือโอกาสที่คุณจะใช้ความคิดสร้างสรรค์และความแตกต่างให้โดดเด่นได้เต็มที่ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยเทคนิคง่ายๆ เพื่อทำให้ CTA ของคุณมีคุณค่าและดึงดูดความสนใจได้ ดังนี้
- คำกระชับ ชัดเจน ตรงไปตรงมา การเขียน CTA ที่ดีควรชัดเจน สั้น กระชับ และตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงคำซับซ้อนหรือคำทางการ ใช้ภาษาง่ายๆ ที่บอกผู้ใช้งานว่าต้องทำอะไร เช่น ‘คลิกที่นี่’ ‘เรียนรู้เพิ่มเติม’ ‘หยิบใส่ตะกร้า’ หรือ ‘ซื้อเลย’
- เน้นใช้คำที่สื่อถึงการกระทำ การใช้คำกริยาที่กระตุ้นการกระทำ เช่น ‘ลงทะเบียนเลย’ ‘สมัครสมาชิก’ ‘ดาวน์โหลด’ หรือ ‘แบ่งปัน’ จะช่วยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานทำตามมากขึ้น
- คำควรเป็นกลางและครอบคลุม การใช้คำที่ให้ความรู้สึกเป็นมิตรและสุภาพ เช่น “คุณ” หรือ “เรา” จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้พวกเขากลับมาสนใจแบรนด์ของคุณอีกครั้ง
- ใช้คำกระตุ้นให้อยากทำแบบเร่งด่วน ข้อความเร่งด่วนอย่าง “ด่วน! ของมีจำกัด” หรือ “โอกาสสุดท้าย” ช่วยกระตุ้นให้รีบตัดสินใจ แต่ควรหลีกเลี่ยงการโอ้อวดเกินจริง และสามารถใช้คำกระตุ้นอารมณ์ เช่น “การขายสิ้นสุดเที่ยงคืนนี้!” เพื่อดึงดูดความสนใจได้ดี
- คำที่ทำให้รู้สึกพิเศษ ทุกคนอยากรู้สึกพิเศษและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม การใช้คำที่สร้างความรู้สึกมีคุณค่า เช่น “สำหรับสมาชิกเท่านั้น” หรือ “เข้าร่วมกับเรา” จะช่วยดึงดูดและกระตุ้นการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ดี
4. สร้างความโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
การทำ CTA ให้เด่นและแตกต่าง ช่วยดึงดูดสายตาและกระตุ้นให้ผู้ชมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองใช้สีข้อความที่ตัดกับพื้นหลัง เลือกฟอนต์ที่อ่านง่ายและดูทันสมัย รวมถึงจัดวาง CTA ให้เหมาะกับแพลตฟอร์ม เช่น ช่วงท้ายบทความ ด้านข้าง หรือแถบด้านบนของเว็บไซต์ ถ้าเป็นในอีเมล ควรชัดเจน ไม่กลืนกับเนื้อหา และโดดเด่นด้วยสีและรูปแบบที่ดูน่าอ่าน
5. เลือกตำแหน่งวาง CTA ที่กระตุ้นการคลิก
ตำแหน่งของ CTA ก็สำคัญไม่แพ้กัน แบรนด์ควรเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้ บางคนอาจเข้าหน้าซื้อขายเลยทันที บางคนอาจเริ่มจากหน้า Landing Page เพื่ออ่านข้อมูลก่อนตัดสินใจ การวาง CTA ให้เห็นชัดทั้งด้านบนของหน้า และด้านล่างสุด จะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่พลาดเห็นข้อความสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ช่วงไหนของการตัดสินใจ
6. ออกแบบ CTA ที่มองเห็นชัดในทุกอุปกรณ์
การทำ CTA ที่ดี ต้องใส่ใจพฤติกรรมของผู้ใช้ เพราะทุกวันนี้คนไม่ได้เข้าเว็บแค่บนคอมพิวเตอร์ แต่ยังใช้งานผ่านมือถือหรือแท็บเล็ตด้วย ดังนั้น CTA ควรออกแบบให้ใช้งานง่ายและมองเห็นชัดเจนบนทุกอุปกรณ์ เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ราบรื่น และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ รวมถึงความรู้สึกดีต่อแบรนด์ได้อีกด้วย
7. ใช้ข้อเสนอที่เป็นหลักประกัน
ใช้ข้อเสนอที่เป็นแรงจูงใจหรือให้หลักประกัน ถือเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานตัดสินใจคลิก CTA ได้มากขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่จะอยากรู้ว่า “ได้อะไร” จากสิ่งที่กำลังจะทำ การมีสิ่งจูงใจชัดเจน เช่น ทดลองใช้ฟรี ของขวัญพิเศษ หรือโค้ดส่วนลด จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่าคุ้มค่า และกล้าที่จะดำเนินการตามที่แบรนด์เสนอ ช่วยเพิ่มทั้งความสนใจและโอกาสในการมีส่วนร่วมได้ดีขึ้น
8. เตรียม Call to Action สำรอง
บางครั้ง CTA หลักอาจเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ เช่น การซื้อสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ออกกำลังกาย ซึ่งลูกค้าต้องการข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น ดังนั้นการเพิ่ม CTA สำรอง เช่น “ดูรีวิวเพิ่มเติม” หรือ “เปรียบเทียบคุณสมบัติ” คู่ไปกับ CTA หลัก จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจขึ้น และพร้อมกดสั่งซื้อในขั้นตอนต่อไป

6 ประโยชน์ของการใช้ Call to Action
การทำ Call to Action ถือเป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียทุกช่องทางที่เกี่ยวข้องกับการตลาดดิจิทัล โดยประโยชน์ของ Call to Action ที่มีประสิทธิภาพต่อธุรกิจ มีดังนี้
กระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า
การทำ CTA เปรียบเสมือนการให้คำแนะนำสั้นๆ ที่ชัดเจน เพื่อบอกทางให้ผู้ใช้งานรู้ว่าควรทำอะไรต่อไปบนเว็บไซต์ของคุณ ช่วยให้การเดินทางในเส้นทาง Customer Journey มีความราบรื่น ลดความสับสน และเพิ่มความเข้าใจในสิ่งที่ต้องดำเนินการ ด้วยการใช้คำหรือวลีที่กระชับและตรงประเด็น
เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมและยอดขาย
การใช้ CTA ที่มีคำหรือวลี เช่น “ติดตามเราบน Instagram” หรือ “ลงทะเบียนด่วน จำนวนจำกัด” สามารถช่วยเพิ่มความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานอยากมีส่วนร่วมได้ดี ทำให้ CTA กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนการตลาดดิจิทัล
เนื้อหาที่ผลิตตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น
ในปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ แข่งขันกันผลิตเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของตนในรูปแบบต่างๆ เช่น บล็อก บทความ โพสต์ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และผู้ใช้งานก็มีความคาดหวังในเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของตน การอัปเดตเนื้อหาให้เหมาะสมกับกลยุทธ์การตลาดของแบรนด์จึงสำคัญ เพื่อดึงดูดความสนใจและขยายฐานลูกค้าเป้าหมายให้กว้างขึ้น
กระตุ้นช่องทางการขายสินค้าและบริการ
การใช้ CTA ช่วยกระตุ้นการขายสินค้าและบริการโดยตรง เนื่องจาก CTA ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey) ให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคาดเดาหรือสับสนในการดำเนินการต่อไป โดยมีปุ่ม CTA ที่กระตุ้นการตัดสินใจ เช่น การสมัครรับอีเมล หรือการกดติดตามโซเชียลมีเดีย ซึ่งการกระทำเหล่านี้ช่วยนำไปสู่การซื้อขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นจากการกระตุ้นที่ CTA มอบให้
ลูกค้าได้รับสิ่งที่ต้องการ
การใช้ CTA ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจและส่งผลดีต่อธุรกิจ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าอีกด้วย เพราะผู้ที่ต้องการซื้อสินค้า หรือบริการ หรือแม้แต่ผู้ที่หาข้อมูลต่างๆ มักต้องการความช่วยเหลือในการตัดสินใจ CTA ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของแบรนด์ได้ง่ายและสะดวก โดยไม่ทำให้เกิดความสับสน จนลูกค้าเลือกไปใช้งานจากคู่แข่งแทน
ทำการตลาดดิจิทัลประสบความสำเร็จ
การทำ CTA ต้องใช้คำหรือวลีที่มีพลัง กระตุ้นแรงบันดาลใจ หรือกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ชม เพราะหากการทำการตลาดดิจิทัลขาดสิ่งเหล่านี้ โอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะลดลง นอกจากนี้ CTA ที่ดียังช่วยเสริมการโฆษณาดิจิทัลและการโฆษณาแบบจ่ายต่อคลิก (PPC) เพราะหลายครั้งคุณมีเพียงโอกาสเดียวในการสร้างความประทับใจและดึงดูดความสนใจจากลูกค้า การมี CTA ที่แข็งแกร่งจะช่วยให้การตลาดดิจิทัลของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
สรุป
CTA (Call to Action) คือเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยการใช้คำหรือวลีที่ชัดเจนและกระตุ้นความสนใจ เช่น “ซื้อเลย” หรือ “สมัครสมาชิก” ช่วยให้ผู้ใช้งานทราบได้ทันทีว่าต้องทำอะไรต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการที่นำไปสู่การขายหรือการมีส่วนร่วมมากขึ้น
การออกแบบ CTA ที่ดีต้องคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน การเลือกคำที่สร้างแรงกระตุ้น และการวางตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ CTA ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดดิจิทัลและโฆษณา PPC โดยสามารถสร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CTA (FAQ)
มาดูคำตอบในช่วง FAQ ที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับ CTA (Call to Action) เพื่อให้เข้าใจในส่วนนี้มากขึ้นกัน
ข้อความประเภท CTA คืออะไร
CTA (Call to Action) คือข้อความหรือคำสั่งที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานดำเนินการบางอย่าง เช่น คลิกซื้อสินค้า สมัครสมาชิก หรือดาวน์โหลดแอป มักพบในเว็บไซต์ โฆษณา หรืออีเมล เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของผู้ใช้งาน
CTA มีความสำคัญอย่างไร
CTA มีความสำคัญเพราะช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานทำการตัดสินใจ เช่น การซื้อสินค้าหรือสมัครสมาชิก ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการขายหรือการกระทำที่ต้องการ
Book Now คือปุ่มอะไรของ CTA
“Book Now” คือปุ่ม CTA ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานทำการจองหรือซื้อสินค้าหรือบริการทันที โดยมักใช้ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการจองที่พัก ตั๋ว หรือบริการต่างๆ
สีที่ใช้ในปุ่ม Call to Action ควรเป็นสีอะไร
สีแดงมักถูกใช้ในปุ่ม CTA เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานตัดสินใจซื้อ เพราะสีแดงสามารถสร้างความรู้สึกเร่งด่วนและกระตุ้นความสนใจได้ดี ช่วยดึงดูดสายตาและทำให้ผู้ซื้อรู้สึกถึงความจำเป็นในการดำเนินการทันที เช่น การซื้อสินค้า หรือการคลิกปุ่มเพื่อรับข้อเสนอพิเศษ