เมื่อนึกถึงการสร้างแบรนด์ ผู้คนมักจะนึกถึงสิ่งที่เห็นได้ง่ายๆ อย่างโลโก้ ชื่อแบรนด์ ฟอนต์ ภาพของแบรนด์ ก่อนเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสร้างแบรนด์ให้ดูน่าเชื่อถือนั้นมีมิติที่หลากหลายมากกว่าภาพจำที่สื่อออกมา หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ที่มาโปรโมทแบรนด์ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นออกมาได้คือการทำ Personal Branding ที่เป็นการสร้างตัวตนให้กับองค์กรผ่านตัวบุคคล ที่ส่วนมากแล้วจะเป็นเจ้าขององค์กรเอง บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ Personal Branding ว่าคืออะไรกันแน่ มีส่วนดีกับธุรกิจยังไง และสามารถทำ Personal Branding อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ไปดูกันเลย
ทำความรู้จัก Personal Branding คืออะไร
Personal Branding คือวิธีการสร้างอัตลักษณ์และตัวตนให้กับธุรกิจผ่านตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยการเผยแพร่เรื่องราวที่น่าสนใจ จุดยืน และตัวธุรกิจที่ทำออกไปให้โลกได้รับรู้ เพื่อให้ธุรกิจที่มีอยู่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักมากกว่าคู่แข่งรายอื่นในธุรกิจเดียวกัน
ดังนั้นการทำ Personal Branding นั้นไม่ใช่แค่การทำการตลาดเท่านั้น แต่เป็นการดึงความเป็นนักการตลาดในตัวคุณออกมา เพื่อแสดงจุดเด่น สร้างความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้าและกลุ่มคนที่สนใจจะเข้ามาร่วมงานด้วย
ไขข้อข้องใจ Personal Branding กับ Business Branding ต่างกันยังไง
การทำ Personal Branding คือการสร้างภาพลักษณ์ของตัวบุคคลที่ส่งไปถึงกลุ่มลูกค้า มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ผ่านทางการสร้างความรับรู้ให้กับลูกค้าผ่านตัวบุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ และให้ความรู้สึกที่ดูเข้าถึงง่ายเพราะเปรียบเสมือนการสื่อสารกับคนที่มีตัวตนจริงๆ
ในทางกลับกัน Business Branding ที่เป็นการบอกเล่าความเป็นมา และจุดยืนของตัวธุรกิจ แล้วส่งไปถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งมีพื้นฐานหรือโครงสร้างอย่างชัดเจนมาจากตัวองค์กรอยู่แล้ว มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการธุรกิจ
ดังนั้น ทั้งสองตัวนี้จึงมีความแตกต่างทั้งในแง่ของการวางแผน แนวทางการสื่อสาร รวมไปจนถึงจุดประสงค์ ในการทำธุรกิจจึงควรทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อดีของ Personal Branding ที่จะเข้ามาทำให้ธุรกิจของคุณโดดเด่น
การทำ Personal Branding ส่งผลดีต่อตัวองค์กรและธุรกิจด้วยกันหลายประการ ดังนี้
ช่วยให้องค์กรโดดเด่น
พฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ใช่แค่การดูที่คุณภาพและราคาของสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการมีความเชื่อมั่น และความน่าเชื่อถือของบริษัทที่พวกเขาจะซื้อด้วย ผู้บริโภคเองอยากจะสนับสนุนผู้ผลิตที่มีแนวคิดและจุดยืนเดียวกับพวกเขา ดังนั้นการทำ Personal Branding คือการทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงจุดยืนขององค์กรได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ส่งเสริมให้พวกเขาผูกพันกับองค์กรได้ง่ายดาย ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อได้ดีขึ้น
ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ
ผู้คนมักไม่เชื่อใจในองค์กรใหม่ๆ แม้การสื่อสารผ่านทางดิจิทัลจะช่วยให้องค์กรของคุณเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น แต่ก็เป็นจุดที่ลดความน่าเชื่อถือลงได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันมีการโกงผ่านทางออนไลน์ และข่าวปลอมแปลงมากมาย ทำให้อะไรที่ได้เห็นผ่านโลกออนไลน์ก็ดูไม่น่าเชื่อถือไปเสียหมด ดังนั้นการสร้าง Personal Branding จึงเป็นการช่วยให้ธุรกิจของคุณดูน่าเชื่อถือด้วยการบอกกับกลุ่มลูกค้าว่าคุณคือใคร และคุณมีจุดยืนยังไง ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อใจในตัวองค์กรมากขึ้น
ช่วยสร้างโอกาส
ไม่ว่าจะธุรกิจไหนๆ ก็ย่อมมีคู่แข่งอยู่แล้ว แต่ด้วยการสร้าง Personal Branding ที่ดีและน่าเชื่อถือ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้องค์กรของคุณเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจได้ง่ายมากขึ้น ด้วยการทำให้องค์กรเป็นที่รู้จักผ่านตัวบุคคลที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ และน่าเชื่อถือ แม้จะมีคู่แข่งที่มีเรื่องราวในแง่ธุรกิจคล้ายกัน แต่สุดท้ายเราก็สามารถหาจุดเด่นอื่นๆ ได้ อย่างเรื่องราวในอดีตที่น่าสนใจ หรือความถนัดเฉพาะทางที่แตกต่างมาเป็นจุดเด่นอื่นๆ ให้เป็นที่จดจำได้
ช่วยสร้างภาพลักษณ์ออนไลน์
แม้จะไม่ได้เน้นการสร้างภาพลักษณ์บนโลกออนไลน์ แต่ผู้คนก็สามารถหาตัวตนของเราผ่านทางองค์กรหรือธุรกิจได้อยู่ดี ดังนั้น การสร้าง Personal Branding ช่วยทำให้เราสามารถสร้างภาพลักษณ์บนโลกออนไลน์ที่ต้องการจะสื่อออกไปได้ ทำให้สามารถควบคุมได้ว่าอยากจะให้ภาพลักษณ์องค์กรไปในทางไหน วิธีนี้ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ผู้คนบนโลกออนไลน์เป็นตัวกำหนด จนอาจเกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กรได้ นอกจากนี้เมื่อมีผู้ลงทุนเห็นภาพลักษณ์ของตัวบุคคลผ่านโลกออนไลน์ไปในทิศทางที่ดี จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนหรือร่วมทำธุรกิจได้อีกด้วย
รวมวิธีสร้าง Personal Branding ให้มีประสิทธิภาพ
เมื่อได้เห็นข้อดีของการทำ Personal Branding ไปแล้ว วันนี้ Minimice จะมาแนะนำวิธีสร้าง Personal Branding ว่าทำอย่างไร ให้ออกมามีประสิทธิภาพและดูน่าเชื่อถือ ไปดูกันเลย
หาตัวตนของตัวเองให้เจอ
การค้นหาตัวตนของตัวเอง อาจจะเป็นเรื่องที่ดูห่างไกลจากการทำธุรกิจ แต่ในการเริ่มทำ Personal Branding การค้นหาตัวเองคือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ เพราะถ้าหากเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ ก็จะไม่สามารถมองหาจุดเด่น จุดยืน หรือเรื่องราวที่น่าสนใจมาใช้ทำ Personal Branding ได้เลย โดยสามารถทดสอบว่าเรารู้จักตัวเองดีพอหรือยัง ด้วยการตอบคำถามดังต่อไปนี้
- ชีวิตเรายังติดขัดกับเรื่องอะไรอยู่?
- อะไรเป็นแรงผลักดันในการใช้ชีวิต?
- งานประเภทไหนที่พอทำแล้วจะรู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ?
- เรื่องอะไรในตัวเรา ที่คนมักจะชม?
หากยังตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ ก็ลองสอบถามคนรอบตัวอย่างเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน แต่แน่นอนว่าคำตอบที่ได้อาจแตกต่างกันออกไปตามสิ่งที่พวกเขาเห็นในตัวเรา เมื่อสามารถตอบคำถามได้จนครบแล้ว ก็ไปที่ขั้นตอนต่อไปของการทำ Personal Branding ได้เลย
กำหนดว่าอยากนำเสนอสิ่งใดให้คนรับรู้
การทำ Personal Branding ไม่ใช่การบอกเล่าตัวตนของเราในปัจจุบัน แต่เป็นการเล่าตัวตนของเราที่อยากจะเป็นในอนาคต ดังนั้นเมื่อค้นหาตัวเองในปัจจุบันเจอแล้ว ให้ลองค้นหาว่าเราอยากจะเป็นอะไรในอนาคต เพราะนั่นคือสิ่งที่เราอยากให้ผู้คนรับรู้ พยายามไม่จดจ่อกับสิ่งที่อยากจะเป็นมากเกินไป แต่ให้มองว่าหากอยากจะเป็นสิ่งเหล่านั้น เราควรจะเป็นคนแบบไหน มีการใช้ชีวิต พฤติกรรม หรือแนวคิดยังไง
เริ่มทำได้ด้วยการตอบคำถามง่ายๆ อย่างความสำเร็จด้านการงาน ว่าอยากมีความสำเร็จแบบไหน แล้วต้องมีความรู้ ความสามารถ และมีแนวคิดอย่างไรเพื่อให้ไปที่จุดนั้นได้ และคิดให้ใหญ่ ฝันให้ไกล แล้วค่อยๆ วางแผนทีละขั้นว่าจะสามารถเข้าถึงเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างไร จากนั้นนำเสนอสิ่งเหล่านี้ออกมาในแง่ของธุรกิจ สร้างความน่าสนใจให้ผู้คนได้รับรู้
กำหนดกลุ่มลูกค้า
ก่อนจะเริ่มสร้าง Personal Branding เราต้องตอบให้ได้ก่อนว่าธุรกิจที่ทำนั้นมีฐานลูกค้าประเภทไหน ช่วงอายุเท่าไร เพศอะไร ระบุให้ละเอียด เพราะเมื่อระบุกลุ่มลูกค้าได้แล้ว ก็จะสร้างเรื่องราวที่จะนำเสนอ Personal Branding ได้ง่าย และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น และตรงใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น หากคุณเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ที่อยากจะสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ๆ ผ่านทาง Personal Branding ควรเล่าผ่านทางเว็บไซต์ส่วนตัวหรือพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) เพราะเป็นพื้นที่ที่สามารถสื่อสารตัวตนของคุณได้ง่ายและครอบคลุมที่สุด นอกจากนี้ควรเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับแพชชั่น (Passion) ทางด้านงานศิลปะ เพื่อให้ตรงกับงานของคุณและสิ่งที่ลูกค้าอาจจะสนใจได้ด้วย
ตรวจสอบ Digital Footprint
เมื่อกำหนดกลุ่มลูกค้าและพื้นที่นำเสนอเรื่องราวได้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเลยคือ Digital footprint ควรนำเสนอบนพื้นที่ออนไลน์ อย่างเช่น เว็บไซต์ Linkin หรือเพจส่วนตัว ให้เป็นพื้นที่ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพให้มากที่สุด ห้ามอัปโหลดหรือโพสต์อะไรที่จะส่งผลเสียในอนาคตเป็นอันขาด มีตัวอย่างให้เห็นเช่นศาสตราจารย์บางคนที่โพสต์รูปตัวเองตอนเมาลงบน Linkin ถึงแม้ว่าการศึกษาและประสบการณ์จะมากขนาดไหน หากมี Digital footprint ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็จะลดความน่าเชื่อถือลงไปมาก
สร้างเครือข่ายให้ได้มากที่สุด
การสร้างเครือข่ายไม่ใช่การสะสมยอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย แม้จะมีผู้ติดตามเป็นหมื่นคน แต่จะไร้ประโยชน์ทันทีหากผู้ติดตามเหล่านั้นไม่มีปฏิสัมพันธ์กับตัวคุณ ดังนั้นจุดหมายของการสร้างเครือข่ายเพื่อสร้าง Personal Branding นั้นคือการสร้างการเชื่อมต่อและการสื่อสารผ่านเครือข่ายเหล่านั้น มากกว่าคำนึงถึงจำนวนผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านการทำ Personal Branding
มีคนดังหลายคนที่เป็นที่รู้จักผ่านการทำ Personal Branding ในรูปแบบต่างๆ เพียงแค่พูดชื่อ แทบทุกคนก็จะรู้จักทันที บทความนี้จะยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางการทำ Personal Branding จะมีใครบ้าง ไปดูกัน
- แพร วทานิกา เจ้าของแบรนด์ Vatanika : คุณแพรเพิ่งเข้ามาเป็นที่รู้จักเมื่อไม่กี่ปีก่อนจากการทำ Personal Branding ผ่านรายการ YouTube ที่บอกเล่าไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา เจ้าของวลี “ซิงค์นี้มีไว้ใช้ ซิงค์นี้มีไว้โชว์” จนเป็นไวรัลและเป็นที่พูดถึงผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก และทำให้แบรนด์ Vatanika กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
- ผู้พันแซนเดอส์ จาก KFC : ผู้พันแชนเดอร์ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักผ่านการทำ Personal Branding ด้วยการปรับลุคอย่างการไว้หนวด ย้อมผม หนวดเป็นสีขาว และใส่สูทขาว ให้ตรงกับลุคบนโลโก้แบรนด์ จนเป็นที่จดจำไปในที่สุด
- อีลอน มัสก์ : อีลอน มัสก์ เป็นที่รู้จักของใครหลายๆ คนที่มีความสนใจในด้านเทคโนโลยี เพราะเขาเป็น CEO ของแบรนด์ดังอย่าง X (ชื่อเดิม twitter) และ Tesla ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างมาก เขาทำ Personal Branding จนเป็นที่รู้จัก เมื่อเห็นโลโก้ X ผู้ใช้ twitter ก็จะนึกถึงเขาเป็นคนแรก
นอกจากเจ้าของแบรนด์แล้ว ยังมีนักร้องหรือนักแสดงดังๆ ออกมาทำ Personal Branding ผ่านการทำสารคดีเกี่ยวกับตนเอง เพื่อสร้างฐานแฟนคลับหรือผู้ติดตามอีกมากมายเช่น Katy Perry, Taylor Swift และ
วง BlackPink ที่เป็นที่รู้จักอย่างล้นหลามด้วย ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Personal Branding มีความสำคัญในการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
เห็นได้ชัดเลยว่าการทำ Personal Branding ช่วยทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักได้มากขึ้น แล้วยังช่วยทำให้ธุรกิจและองค์กรดูน่าเชื่อถือได้มากขึ้น ช่วยดึงกลุ่มลูกค้าที่มีแนวคิดหรือจุดยืนเดียวกันให้มาใช้บริการธุรกิจได้อีกด้วย ดังนั้น การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์หรือ Personal Branding จึงควรพึ่งพากลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาตรงตามจุดประสงค์ของการทำ Personal Branding ที่ต้องการตั้งแต่แรกได้
FAQ คำถามที่พบบ่อย
เมื่อได้ทำความเข้าใจกับ Personal Branding ไปแล้ว Minimice ได้รวบรวมเอาคำถามที่พบบ่อย พร้อมคำตอบมาให้แล้ว จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
จะสร้าง Personal Branding ให้ตัวเองได้ยังไง
การทำ Personal Branding เป็นการบอกเล่าเรื่องราวในสิ่งที่คุณอยากจะเป็น หรืออยากให้ผู้อื่นได้รับรู้ ดังนั้นจึงควรตอบให้ได้ก่อนว่าอยากให้ผู้อื่นรับรู้เรื่องอะไร แล้วเรื่องนั้นมีประโยชน์ต่อธุรกิจไหม จากนั้นจึงเผยแพร่เรื่องราวให้ผู้อื่นได้รับรู้เพื่อเป็นการโฆษณาธุรกิจไปในตัว พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือของธุรกิจด้วย
จะรู้ได้ยังไงว่าการทำ Personal Branding ได้ผล
จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเห็นผลอย่างชัดเจน เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์มากขึ้น และตัวเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น
Personal Branding จะแก้ไขได้ไหม
แน่นอนว่า Personal Branding มีความยืดหยุ่น จึงสามารถปรับให้ตรงกับความสามารถ การศึกษา และประสบการณ์ที่มากขึ้น พร้อมทั้งจุดยืนที่แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนได้