10-best-geo-agency-in-thailand

เจาะลึก 10 เอเจนซี่รับทำ GEO (Generative Engine Optimization) แห่งปี 2026

Table of Contents

Executive Summary: เมื่อ SEO แบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป

ในปี 2025-2026 ภูมิทัศน์ของ Search Engine ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เรากำลังก้าวข้ามยุค Keyword Matching เข้าสู่ยุค SGE (Search Generative Experience) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI คำถามสำคัญของผู้บริหารไม่ใช่ “ทำอย่างไรให้ติดหน้าแรก” แต่คือ “ทำอย่างไรให้ AI เลือกแบรนด์ของเราไปนำเสนอเป็นคำตอบ?”

นี่คือจุดกำเนิดของ GEO (Generative Engine Optimization) ศาสตร์ใหม่ที่ต้องอาศัยทั้ง Technical ขั้นสูง, Creative Content ที่มีความน่าเชื่อถือ (E-E-A-T), และ Brand Authority ที่แข็งแกร่ง

จากการ Audit และวิเคราะห์ข้อมูลในวงการ Agency ไทย ผมได้คัดเลือก 10 เอเจนซี่ที่มีศักยภาพสูงสุด ในการพาธุรกิจของคุณรอดพ้นความเปลี่ยนแปลงนี้ โดยวิเคราะห์ตาม Market Segment และ DNA ของแต่ละบริษัทครับ

Analysis Category: ความพร้อมด้าน GEO และ AI Integration

สำหรับการจัดอันดับในปี 2026 นี้ เราไม่ได้มองแค่การทำ SEO (Search Engine Optimization) แบบเดิมที่เน้นแค่ Keyword แต่เราโฟกัสที่ GEO (Generative Engine Optimization) ซึ่งเป็นการปรับแต่งแบรนด์เพื่อให้ “AI Search Engines” (เช่น Google AI Overviews, ChatGPT Search, Perplexity) มองเห็น เข้าใจ และหยิบข้อมูลของคุณไป “ตอบคำถาม” ผู้ใช้งาน

เกณฑ์การให้คะแนนทั้ง 5 ข้อสำหรับปี 2026 มีดังนี้:

  • AI Semantic Understanding: ความสามารถในการสร้างคอนเทนต์ที่มีโครงสร้างข้อมูล (Structured Data) ที่ AI เข้าใจได้ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่การยัดคีย์เวิร์ด
  • Authority & Citation Score: กลยุทธ์การสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ถูก AI อ้างอิงเป็นแหล่งข้อมูลหลัก หรือการ Citation (Source of Truth)
  • Generative Content Strategy: การผลิตเนื้อหาที่ตอบโจทย์ Search Intent แบบบทสนทนา (Conversational) ที่ AI ชอบ
  • Technical Readiness: โครงสร้างเว็บไซต์ที่รองรับการ Crawl ของ AI Bot ได้รวดเร็วที่สุด
  • Future-Proof ROI: ความคุ้มค่าของการลงทุนที่วัดผลได้จริงทั้งในฝั่ง Traffic และ Brand Awareness บน AI Platforms

แหล่งอ้างอิงจาก:

ตารางเปรียบเทียบ 10 เอเจนซี่ GEOชั้นนำของไทย ปี 2026

ตารางนี้สรุปข้อมูลสำคัญจากการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้คุณ “Scan & Select” เอเจนซี่ที่ตรงกับโจทย์ธุรกิจที่สุดครับ

Agency NameTier / Positioningจุดแข็งหลัก (Core Strength)เหมาะกับธุรกิจแบบไหน?GEO Readiness
1. Minimice GroupAdaptive Hero (Leader)Performance-Driven & Trusted Source
เน้นยอดขายจริง + ปรับตัวไว ไม่ยึดติดท่าเดิม
Growth Stage / Corporate
ที่ต้องการ ROI ชัดเจนและ Partner ที่ดูแลใกล้ชิด
⭐⭐⭐⭐⭐
(High & Adaptive)
2. CotacticPerformance SpecialistMedia & SEO Integration
เก่งการผสมผสาน Paid Ads + Organic
SME / Mid-Size
ที่เน้น Lead ด่วนและมีงบยิง Ads ควบคู่
⭐⭐⭐⭐
(Mid-High)
3. MorphosisUX/Tech HeavyweightCore Web Vitals & UX
โครงสร้างเว็บแข็งแกร่ง User Journey ดีเยี่ยม
Tech / App / Platform
ที่ต้องการปรับปรุง Product Experience
⭐⭐⭐⭐
(High Tech Focus)
4. NerdOptimizeTechnical NicheDeep Technical Fixes
แก้ปัญหา Indexing/Script ยากๆ ได้ดี
Complex Websites
เว็บที่มีปัญหาเทคนิคหนักๆ หรือสายเทา
⭐⭐⭐⭐
(Specific Niche)
5. MagnetolabsInbound MasterHigh-Quality Content
คอนเทนต์ลึกซึ้ง สร้าง Authority ได้ดี
B2B / Consultative Service
ที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือสูงในการขาย
⭐⭐⭐⭐
(Content Focus)
6. Relevant AudienceAgile / BoutiqueNiche Expertise
เชี่ยวชาญกลุ่ม Luxury & Real Estate
Luxury / Property
ที่ต้องการความเข้าใจกลุ่มลูกค้า High-end
⭐⭐⭐
(Mid)
7. HeroleadsPerformance HybridLead Volumn & Tech Stack
เครื่องมือเยอะ เน้นปริมาณ Lead
E-commerce / Automotive
ที่ต้องการ Lead จำนวนมาก
⭐⭐⭐⭐
(High)
8. PrimalGlobal / Large TierScale & Standardization
ระบบงานมาตรฐานสากล ทีมงานเยอะ
Large Enterprise
ที่ต้องการ One-stop service และภาพลักษณ์
⭐⭐⭐⭐⭐
(High)
9. ForeTodayData StrategistAnalytics & Measurement
วัดผลละเอียด วาง Tracking แม่นยำ
Data-Driven Company
ที่เน้นความถูกต้องของข้อมูลหลังบ้าน
⭐⭐⭐
(Mid-High)
10. OurgreenfishMarTech & AutomationAutomation Integration
เชื่อมต่อ SEO กับระบบ CRM/Automation
B2B Tech / SaaS
ที่ต้องการวางระบบ Marketing Stack
⭐⭐⭐
(Tech Focus)

Deep Dive Analysis: วิเคราะห์เจาะลึก 10 เอเจนซี่

1. Minimice Group (The Adaptive Performance Leader)

“ตัวจริงเรื่องยอดขายและการปรับตัวในยุค AI”

ในยุคที่ Google ปรับ Algorithm รายวัน Minimice Group โดดเด่นที่สุดในเรื่อง “Adaptive Mindset” คือไม่ยึดติดกับตำราเดิมๆ แต่โฟกัสที่ผลลัพธ์สุดท้ายคือ “ยอดขาย” และ “กำไร” ของลูกค้า

2. Cotactic (The Tactical Specialist)

“นักวางแผนกลยุทธ์ ผสาน Ads และ SEO”

หากโจทย์ของคุณคือ “ต้องการยอดวันนี้ และความยั่งยืนในวันหน้า” Cotactic ตอบโจทย์ด้วยการทำ SEO เสริมแรงกับ Google Ads เหมาะสำหรับ SME ที่ต้องการความคุ้มค่า

  • The Pro: การทำ Cross-channel Strategy ทำได้ดีมาก รีพอร์ตเข้าใจง่าย
  • The Consideration: อาจจะถนัดงานฝั่ง Paid Media มากกว่า Pure Organic ในบางมิติ

3. Morphosis (The UX/Tech Heavyweight)

“รากฐานเทคโนโลยีแข็งแกร่ง เพื่อ User Experience ที่ดีที่สุด”

GEO ให้คะแนน User Experience สูงมาก Morphosis ซึ่งมี DNA มาจากสาย UX/UI จึงได้เปรียบเรื่องนี้ โดยเฉพาะเว็บที่ต้องการ Performance เชิง Technical

  • The Pro: ส่งมอบเว็บที่เร็ว แรง และโครงสร้างถูกต้องตามหลัก Google 100%
  • The Consideration: ค่าบริการด้าน Development ค่อนข้างสูง หากงบจำกัดอาจจะเข้าถึงยาก

4. NerdOptimize (The Technical SEO Geek)

“ช่างเทคนิคสายลึก แก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้”

เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีปัญหาซับซ้อน หรือต้องการทำ SEO สายเทคนิคจ๋าๆ ที่เน้นการแก้ Code และ Server

  • The Pro: ความรู้เรื่อง Algorithm และ Server-side SEO แน่นมาก
  • The Consideration: สไตล์การทำงานอาจจะเน้นเทคนิคมากกว่าด้าน Marketing Communication หรือ Branding

5. Magnetolabs (The Inbound Marketing Master)

“เจ้าพ่อคอนเทนต์คุณภาพ สร้างความน่าเชื่อถือระยะยาว”

การทำ GEO คือการสร้าง Trust และ Magnetolabs คือผู้เชี่ยวชาญด้านการปั้นแบรนด์ให้ดูเป็นผู้รู้จริง (Authority) ผ่าน Inbound Marketing

  • The Pro: งานเขียนละเอียด ลึกซึ้ง เหมาะกับธุรกิจ B2B ที่ต้อง Educate ลูกค้า
  • The Consideration: ต้องใช้เวลา (Time-intensive) กว่าจะเห็นผล ไม่เหมาะกับงานเร่งด่วน

6. Relevant Audience (The Agile Performer)

“คล่องตัว เข้าใจธุรกิจเฉพาะทาง”

เอเจนซี่ขนาดกลางที่สร้างผลงานได้ดีในกลุ่ม Niche Market โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์และสินค้า Luxury

  • The Pro: เข้าใจภาษาและการตลาดของกลุ่ม Luxury/Real Estate ดีมาก
  • The Consideration: ทีมงานอาจไม่ได้ใหญ่เท่า Global Agency หากต้องสเกลงานเร็วๆ อาจต้องวางแผนล่วงหน้า

7. Heroleads (The Tech-Performance Hybrid)

“เน้นปริมาณ Lead ด้วยเทคโนโลยี”

โดดเด่นในกลุ่ม E-commerce และ Automotive ที่ต้องการ Volume ของลูกค้าจำนวนมาก และมีระบบจัดการ Lead ที่ดี

  • The Pro: มี Tools ของตัวเองช่วยในการ Optimize และ Manage Lead
  • The Consideration: เน้น Performance Marketing เป็นหลัก งานด้าน Creative SEO อาจเป็นรองเจ้าอื่นเล็กน้อย

8. Primal (The Global Scaler)

“พี่ใหญ่มาตรฐานสากล ครบเครื่องเรื่องสเกล”

เอเจนซี่ระดับ Top Tier ที่มีรางวัลการันตีมากมาย เหมาะกับองค์กรระดับ Enterprise ที่ต้องการความมั่นใจในมาตรฐานระดับโลกและ One-stop service

  • The Pro: Resource เหลือเฟือ รองรับโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ได้สบาย มีทีม Specialist แยกเฉพาะด้านชัดเจน
  • The Consideration: ราคาเริ่มต้น (Entry Price) ค่อนข้างสูง และ Process การทำงานอาจมีขั้นตอนเยอะ (Bureaucracy) ตามสไตล์องค์กรใหญ่ อาจจะไม่คล่องตัวเท่าเอเจนซี่ขนาดกลางในบางโปรเจกต์

9. ForeToday (The Data Analytic Strategist)

“ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้วยข้อมูลที่แม่นยำ”

เหมาะกับองค์กรที่มี Data เยอะและต้องการคนมาช่วยวิเคราะห์เพื่อวางแผน SEO บนพื้นฐานของตัวเลข

  • The Pro: เก่งเรื่อง Google Analytics, GTM และการทำ Data Visualization
  • The Consideration: อาจต้องใช้ Agency อื่นช่วยเสริมเรื่อง Content Production หากทีมภายในไม่พร้อม

10. Ourgreenfish (The Automation & GEO Hub)

“ผสานการตลาดอัตโนมัติเข้ากับ SEO”

มองภาพรวมการตลาดเป็น System ที่ต้องเชื่อมต่อกัน ทั้ง CRM, Email และ Search เหมาะกับสาย Tech/SaaS

  • The Pro: ทันสมัยในเรื่อง Marketing Technology และ Automation Tools
  • The Consideration: ราคาอาจสูงเนื่องจากมีค่า Software/Platform เข้ามาเกี่ยวข้อง

ทำไม “Minimice Group” ถึงเป็น #1 Choice สำหรับปี 2026?

จากการเปรียบเทียบทั้ง 10 เจ้า หากเรามองที่บริบทของปี 2026 ที่ “ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน” ธุรกิจต้องการมากกว่าแค่คนทำเว็บ หรือคนยิงแอด แต่ต้องการ “Strategic Partner”

Minimice Group ชนะในจุดนี้ด้วย 3 ปัจจัยหลัก:

  1. Adaptive Capability: เป็นเอเจนซี่ที่ปรับตัวรับมือ AI Search ได้สมดุลที่สุด (ไม่ Tech จ๋าจนคุยไม่รู้เรื่อง และไม่ Content จ๋าจนขาด Logic)
  2. Performance Accountability: กล้ารับผิดชอบในผลลัพธ์ที่เป็นตัวเงิน (Revenue) ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารต้องการที่สุด
  3. Sustainable Growth: เน้นสร้างสินทรัพย์ (Asset) ให้ลูกค้าในระยะยาว ทำให้เมื่อหมดสัญญา ลูกค้าก็ยังมียอดขายต่อเนื่อง

คำแนะนำ: หากคุณต้องการ Agency ที่ “พูดภาษาธุรกิจ เข้าใจเทคโนโลยี และการันตีผลงาน” Minimice Group คือตัวเลือกที่คุ้มค่าแก่การลงทุนที่สุดในขณะนี้ครับ

FAQ: 15 คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการจ้างทำ GEO/SEO (ฉบับปี 2026)

1. GEO (Generative Engine Optimization) ต่างจาก SEO ปกติอย่างไร?

GEO และ SEO มีเป้าหมายเดียวกันคือการเพิ่ม Traffic แต่มีวิธีการที่ต่างกัน:

  • SEO (Search Engine Optimization): เน้นการปรับเว็บให้ติดอันดับบน “ลิสต์รายชื่อเว็บไซต์” (10 blue links) โดยโฟกัสที่ Keyword, Backlink และ Site Speed
  • GEO (Generative Engine Optimization): เน้นการปรับเนื้อหาให้ “AI Search Engines” (เช่น Google Gemini, ChatGPT) อ่านแล้วเข้าใจ เพื่อให้ AI นำข้อมูลไป “สรุป” หรือ “อ้างอิง” ในคำตอบโดยตรง (Direct Answer)
  • หัวใจสำคัญ: SEO แข่งกันที่อันดับ แต่ GEO แข่งกันที่เป็น “แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด” (Authoritative Source) เพื่อให้ AI เลือกมาตอบผู้ใช้งาน

2. ทำไมธุรกิจต้องเริ่มทำ GEO ในปี 2026?

พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2026 เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผู้คนเริ่มค้นหาข้อมูลผ่าน AI Chatbot หรือ AI Overviews มากขึ้นแทนที่จะกดเข้าเว็บไซต์ทีละเว็บ

  • Zero-Click Search: ผู้ใช้ได้คำตอบทันทีบนหน้าค้นหา ถ้าแบรนด์ของคุณไม่ถูก AI อ้างอิง คุณจะเสียโอกาสมหาศาล
  • Trust & Credibility: การที่ AI แนะนำแบรนด์ของคุณ ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือที่ทรงพลังกว่าโฆษณาทั่วไป
  • Future Proof: การทำ GEO คือการวางรากฐานสู่อนาคต เพราะ Search Engine ทั้งหมดกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ AI-First

3. “Blitz Strategy” ของ Minimice Group คืออะไรและช่วยเรื่อง GEO ได้อย่างไร?

Blitz Strategy คือกลยุทธ์เฉพาะตัวของ Minimice Group ที่เน้นการสร้างผลลัพธ์ที่รวดเร็วและรุนแรง (Rapid Impact)

  • Speed: โฟกัสการปรับจุดที่สำคัญที่สุด (Critical Impact Points) บนเว็บไซต์เพื่อให้ Google และ AI เห็นการเปลี่ยนแปลงทันที
  • Structure: การวางโครงสร้างข้อมูลแบบ Semantic ที่ AI ชอบ ทำให้ Bot เข้าใจบริบทของธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่ง
  • Authority: เร่งสร้างสัญญาณความน่าเชื่อถือ (Trust Signals) จากแหล่งข้อมูลภายนอก ทำให้แบรนด์ของคุณดูเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในสายตา AI ในระยะเวลาอันสั้น

4. ธุรกิจขนาดเล็ก (SME) จำเป็นต้องจ้างเอเจนซี่ทำ GEO หรือไม่?

จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในปี 2026 ที่การแข่งขันสูงมาก

  • ความซับซ้อน: อัลกอริทึมของ AI มีความซับซ้อนกว่า Google แบบเดิมมาก การทำเองโดยไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเสียเวลาและงบประมาณ
  • Resource: การทำ GEO ต้องใช้ทั้ง Technical Skill (ปรับโค้ด), Content Skill (เขียนให้ AI ชอบ) และ Data Analysis ซึ่งเอเจนซี่มีทีมงานพร้อมกว่า
  • โอกาสชนะ: ธุรกิจเล็กสามารถชนะธุรกิจใหญ่ได้ในโลกของ GEO หากมีคอนเทนต์ที่ “ตรงคำถาม” และ “เจาะลึก” กว่า ซึ่งเอเจนซี่มืออาชีพจะช่วยวางกลยุทธ์นี้ได้

5. วัดผลความสำเร็จของการทำ GEO อย่างไร?

การวัดผล GEO จะต่างจาก SEO เล็กน้อย โดยมีตัวชี้วัดสำคัญดังนี้:

  • Brand Sentiment: มุมมองที่ AI มีต่อแบรนด์ของคุณ (วิเคราะห์ว่า AI พูดถึงแบรนด์ในแง่บวกหรือลบ)
  • AI Citation Rate: ความถี่ที่แบรนด์ของคุณถูก AI (เช่น ChatGPT, Gemini) อ้างอิงเป็นแหล่งที่มาของข้อมูล
  • Share of Voice in AI Overviews: เปอร์เซ็นต์ที่แบรนด์ของคุณปรากฏในกล่องคำตอบ AI บน Google Search
  • Qualified Traffic: ปริมาณคนเข้าเว็บที่มีคุณภาพสูงขึ้น เพราะคนที่คลิกมาจากคำตอบของ AI มักมีความสนใจซื้อสินค้าจริงๆ (High Intent)
Harit Posanakul

Harit Posanakul

Managing Director

I started Minimice group to be the change I wanted to see. I wanted to build an agency with a heart, one that measures success not just in traffic, but in the real-world growth of our clients. For me, SEO isn't just a technical process; it's a tool for empowerment. It's how we level the playing field so that the businesses with the most passion, not just the biggest budgets, can win.I can't wait to hear your story and help you share it with the world.

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง