how-set-kpi-for-ai-search

วิธีวัดผล AI Search ในปี 2026: เปลี่ยนจากยอด Traffic เป็นยอด Conversion ที่จับต้องได้

Table of Contents

ปี 2026 แล้ว ยอมรับกันตรงๆ ว่าพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยพิมพ์คีย์เวิร์ดสั้นๆ ใน Google แล้วไล่คลิกทีละลิงก์ ตอนนี้กลายเป็นการ “สนทนา” กับ AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity เพื่อหาคำตอบที่สรุปมาให้เสร็จสรรพ

ปัญหาที่ตามมาคือ “Organic Traffic ตก” ซึ่งเป็นฝันร้ายของคนทำเว็บและนักการตลาด แต่อย่าเพิ่งตกใจไป การที่ Traffic ลดลงไม่ได้แปลว่าธุรกิจแย่ลงเสมอไป หากแต่เป็นสัญญาณว่าเราต้อง “เปลี่ยนวิธีวัดผล” ใหม่ทั้งหมด

ในฐานะที่คลุกคลีกับวงการนี้มานาน และได้เห็นการปรับตัวของลูกค้า Minimice Group หลายราย พบว่าความสำเร็จในยุคนี้ไม่ได้วัดกันที่จำนวนคลิก แต่วัดกันที่ “การถูกจดจำและแนะนำโดย AI” บทความนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึกวิธีวัดผล AI Search (GEO – Generative Engine Optimization) ที่ใช้ได้จริงและแม่นยำที่สุดครับ

Key Takeaway: สรุป KPI AI Search

การวัดผลยุค 2026 ไม่ใช่แค่การนับ “คลิก” อีกต่อไป แต่คือการวัด “พื้นที่เสียง” และ “คุณภาพคนที่เข้ามา”

ตัวชี้วัดเดิม (Traditional SEO)ตัวชี้วัดใหม่ (AI Search / GEO)ความหมายใหม่
Rankings (1-10)Share of Voice (SoV)แบรนด์คุณ “ยึดพื้นที่” ในคำตอบของ AI ได้มากน้อยแค่ไหนเทียบกับคู่แข่ง
Organic Traffic (Clicks)Brand Mentions & Citationsการถูกอ้างถึงชื่อแบรนด์ในคำตอบ (แม้ไม่มีลิงก์ให้กด)
Bounce RateService Page Conversion RateKPI สำคัญที่สุด: คนที่หลุดเข้ามาถึงหน้าสินค้า ต้องซื้อ! เพราะ AI คัดกรองมาให้แล้ว
BacklinksKnowledge Graph ConfidenceAI เข้าใจข้อมูลธุรกิจคุณถูกต้องแม่นยำแค่ไหน (ไม่มั่วข้อมูล)
CTR (Click Through Rate)Zero-Click Attributionลูกค้าจำชื่อแบรนด์จาก AI แล้วมาค้นหาชื่อร้านโดยตรง (Direct Search)

เข้าใจถึงปรากฏการณ์ “Black Box” ของ AI Search

ก่อนจะวัดผล ต้องเข้าใจก่อนว่า AI ทำงานต่างจาก Search Engine แบบเดิม Google แบบเดิมคือ “ห้องสมุด” ที่ชี้เป้าว่าหนังสือเล่มไหนดี แต่ AI คือ “บรรณารักษ์อัจฉริยะ” ที่อ่านหนังสือทุกเล่มแล้ว “สรุป” ให้คุณฟัง

ปัญหาคือ AI เหล่านี้ (Gemini, ChatGPT, Perplexity) เป็นเหมือน Black Box เราไม่สามารถติด Tracking Code ลงไปในสมองของ AI ได้โดยตรง ทำให้เราไม่เห็น Data ว่าคนถามอะไรเกี่ยวกับเราบ้าง สิ่งที่เราทำได้คือการวัดผลผ่าน “เงา” หรือ Proxy Metrics ที่บ่งบอกว่า AI รู้จักเราดีแค่ไหน

Tips สำหรับผู้บริหาร:

  • อย่าตกใจถ้า Organic Traffic ลดลง 20-30% ให้ดู Total Revenue และ Direct Traffic ประกอบ
  • AI ทำหน้าที่เป็น “Filter” กรองคนที่ “แค่มาดูเล่นๆ” ออกไป ให้เหลือแต่คนที่ “สนใจจริง”
  • AI ไม่ได้เกลียดคุณ แต่มันเลือกเฉพาะ “Expert” ที่มันมั่นใจที่สุดมาตอบ
share-of-voice-for-gen-ai

***เครื่องมือ AI Visibility tools สามารถวัดผล SoV ได้สำหรับ Gen AI ทุก Platform

Share of Voice (SoV): พื้นที่เสียงของคุณในโลก AI

ลืมคำว่า Ranking อันดับ 1-10 ไปก่อน ในโลก AI เราวัดกันที่ Share of Voice (SoV) SoV ในบริบทนี้คือ “สัดส่วนที่แบรนด์ของคุณถูกพูดถึงในคำตอบของ AI เมื่อเทียบกับตลาดรวม”

ตัวอย่างการวัด SoV: สมมติลองใช้ 10 Prompts ที่เกี่ยวกับสินค้าของคุณ (เช่น “เอเจนซี่การตลาดเจ้าไหนดี?”, “จ้างทำ SEO ที่ไหนคุ้มสุด?”, “บริษัทการตลาดสาย Tech”)

  • ถ้า AI เอ่ยชื่อ Minimice Group ในคำตอบ 7 จาก 10 คำถาม = SoV 70%
  • ถ้าคู่แข่ง A ติดมา 3 ครั้ง = SoV 30%

การวัดผลนี้สะท้อนว่า AI มองเห็นคุณเป็น “ตัวเลือกหลัก” ในอุตสาหกรรมหรือไม่ ยิ่ง SoV สูง โอกาสที่คนจะจำแบรนด์ได้และตามมาซื้อทีหลังยิ่งมาก

(อ้างอิง: https://keyword.com/blog/track-brand-mentions-gemini-ai/)

สรุปใจความ:

  • SoV คือตัวชี้วัดความเป็นผู้นำในสายตา AI
  • ต้องทดสอบ Prompt ที่หลากหลาย (Informational, Transactional, Comparative)
  • ถ้า SoV ต่ำ แสดงว่า Content บนเว็บคุณยังไม่ “Deep” หรือ “Unique” พอที่ AI จะหยิบไปอ้างอิง

KPI ไม้ตาย: Product/Service Page Conversion Rate

นี่คือหัวใจสำคัญของการอัปเดตบทความนี้ ในเมื่อ Traffic อาจจะลดลงเพราะคนได้คำตอบจาก AI แล้ว คนที่กดเข้ามาในเว็บคุณ คือคนที่มี High Intent (ความต้องการซื้อสูงมาก)

ดังนั้น KPI ที่ต้องซีเรียสที่สุดในปี 2026 คือ Conversion Rate บนหน้าสินค้าหรือบริการ (Service Page)

  • ยุคเก่า (SEO): Traffic 1,000 คน -> Conversion 1% = ขายได้ 10 คน (คนเข้ามาเยอะแต่เข้ามาดูเฉยๆ)
  • ยุคใหม่ (AI Search): Traffic 500 คน -> Conversion 3-5% = ขายได้ 15-25 คน (คนน้อยลง แต่พร้อมโอน)

สิ่งที่ต้องทำ:

คุณต้องปรับหน้า Product/Service Page ให้ “ปิดการขาย” ให้ได้ทันที เลิกเขียนน้ำท่วมทุ่ง ให้เน้น Social Proof, Pricing ที่ชัดเจน, และ Call to Action ที่เร้าใจ หาก Traffic จาก AI เข้ามาแล้ว Conversion Rate ยังต่ำ แสดงว่าหน้าเว็บของคุณ “ตกม้าตาย” ตอนจบ

Tips การดัน Conversion Rate:

  • Clear Value Proposition: บรรทัดแรกต้องบอกเลยว่า “เราแก้ปัญหาอะไรให้เขา” (AI ส่งเขามาเพราะปัญหานี้)
  • Trust Signals: ใส่โลโก้ลูกค้าที่ผ่านมา, รางวัล, หรือ Case Study ให้เห็นชัดๆ ทันที
  • Easy Checkout: ลดขั้นตอนการติดต่อหรือซื้อให้เหลือน้อยที่สุด
citation-is-the-most-important-factor-in-ai-search

***Citation สำคัญที่สุดใน AI Search การวัดผลว่าหน้าไหน Cited ได้สามารถรู้ได้ถึงความก้าวหน้าของเรา

Citation & Source Tracking: การเป็น “แหล่งอ้างอิง” คือชัยชนะใหม่

เมื่อ AI สรุปคำตอบ มันมักจะมีลิงก์เล็กๆ หรือหมายเลขกำกับท้ายประโยคเพื่อบอกที่มา (Footnotes) การที่เว็บไซต์ของคุณไปปรากฏอยู่ตรงนั้น คือเป้าหมายสูงสุดใหม่แทนการติดอันดับ 1

แม้คนจะไม่คลิกเข้ามา (Zero-click) แต่การที่ Logo หรือชื่อเว็บปรากฏอยู่ คือการสร้าง Brand Awareness และ Trust ระดับสูง ลูกค้าจะจำได้ว่า “ข้อมูลนี้มาจากเว็บนี้” ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อในระยะยาว การวัดผลตรงนี้ต้องใช้ Tools ที่สามารถ Track “Featured Snippets” และ “AI Overviews” ได้

สรุปใจความ:

  • Schema Markup Is King: ต้องทำ Structured Data (Schema.org) ให้แม่นยำที่สุด เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลไปใช้ง่ายๆ (https://schema.org)
  • Track Impressions: ใน Google Search Console ให้ Filter ดูผลลัพธ์ที่เป็น “AI Overviews” แม้คลิกจะน้อย แต่ Impression ต้องสูง
  • Check Referring Domain: ใช้เครื่องมืออย่าง Ahrefs หรือ SEMrush ตรวจสอบ Backlink ที่มาจากแพลตฟอร์ม AI หรือหน้า Aggregator ใหม่ๆ
  • Focus on ‘Definition’ Keywords: คีย์เวิร์ดประเภท “คืออะไร” มักถูกดึงไปเป็น Citation ได้ง่ายที่สุด

Correlation of Direct Traffic & Branded Search: วัดผลทางอ้อมที่ทรงพลัง

เมื่อ AI แนะนำแบรนด์คุณ ลูกค้าอาจจะไม่คลิกลิงก์อ้างอิงทันที แต่จะจำชื่อแบรนด์แล้วไปค้นหาชื่อแบรนด์ (Branded Search) ใน Google หรือพิมพ์ URL เข้าเว็บโดยตรง (Direct Traffic) ในภายหลัง

ดังนั้น เส้นกราฟที่ต้องดูคู่กันคือ “Organic Traffic ทั่วไปลดลง” แต่ “Direct Traffic และ Branded Search เพิ่มขึ้น” หรือไม่? ถ้าใช่ แสดงว่ากลยุทธ์ AI Optimization ของคุณได้ผล AI ทำหน้าที่เป็น PR แจ้งเกิดแบรนด์ แล้วลูกค้าตามมาหาคุณเองที่ “บ้าน”

สรุปใจความ & Tips:

  • GA4 Analysis: เข้า Google Analytics 4 ดูที่ Direct Traffic และ Organic Search (เฉพาะ Branded Keywords)
  • Compare Timeline: เปรียบเทียบช่วงเวลาที่คุณเริ่มปรับปรุงเนื้อหาเพื่อ AI กับยอดการค้นหาชื่อแบรนด์
  • User Survey: เพิ่มคำถามในหน้าขอบคุณหรือแบบสอบถามว่า “รู้จักเราจากที่ไหน” (ตัวเลือก: AI Chatbot / ChatGPT)
  • Homepage Optimization: หน้าแรกของเว็บต้องรองรับคนที่รู้จักชื่อแบรนด์แล้ว (Navigation ต้องง่าย ปุ่มซื้อต้องชัด)

Conversion Rate on Landing Page: ปริมาณน้อยลง แต่คุณภาพคับแก้ว

ในยุค AI Search คนที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์มักจะเป็น High Intent User หรือคนที่ “เอาจริง” เพราะเขาได้คำตอบเบื้องต้นจาก AI มาแล้ว และต้องการเข้ามาเพื่อ “ซื้อ” “สมัคร” หรือ “ดูรายละเอียดเชิงลึก”

ดังนั้น Metrics ที่ชื่อว่า Conversion Rate จะมีความสำคัญมากกว่า Pageviews หาก Traffic หายไป 50% แต่ Conversion Rate เพิ่มขึ้น 100% และยอดขายรวมเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ถือว่าธุรกิจยังเติบโตได้ดี เราต้องเลิกยึดติดกับ Vanity Metrics (ตัวเลขสวยหรูแต่กินไม่ได้)

สรุปใจความ & Tips:

  • Re-calculate CPA: คำนวณ Cost Per Acquisition ใหม่ โดยมองภาพรวม ไม่ใช่แยกตาม Channel
  • Optimize for Action: หน้า Landing Page ต้องลดน้ำเนื้อ (Intro ยาวๆ) ออก แล้วเน้นสิ่งที่ AI ตอบไม่ได้ เช่น ตารางราคาที่ซับซ้อน, วิดีโอรีวิว, หรือ Case Study จริง
  • Track Micro-Conversions: วัดผลการกระทำเล็กๆ เช่น การกดดูแผนที่, การดาวน์โหลด Brochure
  • Quality over Quantity: ท่องไว้เสมอว่า “คนคลิกน้อยลง แต่คนที่คลิกคือคนที่พร้อมจ่าย”

Sentiment Analysis: AI รักหรือเกลียดแบรนด์คุณ?

มี Share of Voice เยอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องลบก็จบกัน เพราะ AI อาจจะจำข้อมูลผิดๆ (Hallucination) หรือไปดึงรีวิวแย่ๆ มาสรุป การวัดผล Sentiment ใน AI Search จึงสำคัญมาก คุณต้องรู้ว่าเมื่อ AI แนะนำคุณ มันแนะนำด้วยน้ำเสียงแบบไหน?

  • Positive: “Minimice Group เชี่ยวชาญเรื่อง SEO และ E-commerce มาก ทีมงานตอบไว”
  • Neutral: “Minimice Group เป็นเอเจนซี่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ”
  • Negative: “แบรนด์นี้ติดต่อยาก ข้อมูลไม่อัปเดต” (อันตรายที่สุด)

วิธีแก้เกม: หาก AI จำข้อมูลผิด คุณต้องรีบแก้ข้อมูลในหน้าเว็บไซต์ตัวเอง (Schema Markup) และทำ PR เชิงบวกเพื่อ “Feed” ข้อมูลใหม่ให้ AI เรียนรู้

(อ้างอิง: https://searchengineland.com/measuring-geo-whats-trackable-now-and-whats-still-missing-461759)

Tips:

  • ใช้ AI Tools วิเคราะห์ Sentiment ของคำตอบที่ได้
  • ถ้าเจอข้อมูลเท็จ (Hallucination) ให้รีบทำ Content แก้ต่างในเว็บตัวเองทันที
  • Sentiment ส่งผลต่อ Conversion Rate โดยตรง มากกว่าแค่การเห็นชื่อ

Zero-Click Attribution: ตามรอยเท้าที่มองไม่เห็น

เมื่อคนอ่านคำตอบจบในหน้า Chat แล้วไม่คลิกมาที่เว็บ เราจะวัดผลอย่างไร? คำตอบคือ “Correlation Study” (การหาความสัมพันธ์)

เราต้องจับคู่ข้อมูล 2 ชุดเข้าด้วยกัน:

  1. Direct Traffic & Brand Search Volume: จำนวนคนที่พิมพ์ชื่อเว็บเราตรงๆ หรือค้นหาชื่อแบรนด์ใน Google
  2. Conversion / Sales: ยอดขายจริงที่เกิดขึ้น

ถ้าคุณทำ GEO (ปรับแต่งเนื้อหาให้ AI) แล้ว Traffic รวมลดลง แต่ Direct Traffic พุ่งสูงขึ้น และยอดขายไม่ตก แสดงว่า Strategy ของคุณมาถูกทางแล้ว คนคุยกับ AI จบ แล้วจำแบรนด์คุณได้ จึงพุ่งตรงมาหาคุณเลยม่ตก แสดงว่า Strategy ของคุณมาถูกทางแล้ว คนคุยกับ AI จบ แล้วจำแบรนด์คุณได้ จึงพุ่งตรงมาหาคุณเลย

📌 สรุปใจความ:

  • สร้าง “How did you hear about us?” ในหน้า Checkout หรือ Form เพื่อเก็บตกข้อมูลที่ Tracking จับไม่ได้
  • สังเกต Time-on-site ของ Direct Traffic มักจะสูงกว่าปกติ เพราะเขา “ซื้อใจ” มาจาก AI แล้ว
  • อย่าดูแค่ Last Click Attribution ให้ดู First Touch ด้วย

***หลังจากได้ทำเทคนิคนี้ให้ลูกค้าเราเพียง 1 เดือน New User พร้อมกับ Conversion rate พุ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ***ทางเราไม่สามารถเปิดเผยในส่วน conversion หรือ conversion rate ได้เนื่องจากเป็นข้อมูลภายในของลูกค้า

The “Conversion-First Authority” Strategy

นี่คือกลยุทธ์ลับที่ Minimice Group ใช้กู้สถานการณ์ให้ลูกค้ากลุ่ม B2B เจ้าหนึ่งที่ Traffic หายไปกว่า 40% ในปี 2025

ปัญหา: ลูกค้าขาย Software บัญชี Traffic ลดฮวบเพราะ AI ตอบวิธีลงบัญชีให้หมดแล้ว คนไม่เข้าเว็บมาอ่าน How-to อีกต่อไป

ทางแก้: เราเลิกโฟกัสที่ “Keyword Traffic” แต่หันไปสร้าง “Conversion-Ready Content”

  1. ปรับหน้า Service Page ใหม่หมด: ใส่ตารางเปรียบเทียบ “Software เรา vs คู่แข่ง” (เพื่อให้ AI ดึงไปตอบเวลามีคนถามเปรียบเทียบ) และใส่ Case Study ที่วัดผลเป็นตัวเงินชัดเจน
  2. กระจายชื่อแบรนด์ (SoV): ไปฝากบทความ PR ในเว็บข่าวธุรกิจชั้นนำ 5 แห่ง เพื่อเพิ่ม Share of Voice ในฐานข้อมูล AI
  3. YouTube Video: ทำคลิป “รีวิวเจาะลึก” เพราะ Gemini ดึงข้อมูลจาก YouTube ได้เก่งมาก

ผลลัพธ์:

  • Organic Traffic: ลดลง 30% (ตามคาด)
  • Service Page Conversion Rate: เพิ่มขึ้นจาก 1.5% เป็น 4.8%
  • Share of Voice: ชื่อแบรนด์ลูกค้าติด Top 3 คำแนะนำของ Gemini เมื่อถามเรื่องโปรแกรมบัญชี

สรุปคือ “คนเข้าน้อยลง แต่เป็นคนที่พร้อมจ่ายเงินมากขึ้น” นี่คือชัยชนะที่แท้จริง

คลังศัพท์วัดผล AI ฉบับมือใหม่

  • SoV (Share of Voice): สัดส่วนที่แบรนด์เราถูกพูดถึงเทียบกับคู่แข่ง ในพื้นที่การตอบคำถามของ AI
  • GEO (Generative Engine Optimization): การปรับแต่งเนื้อหาเพื่อให้ AI เข้าใจและหยิบไปตอบ (คล้าย SEO แต่ทำให้ Robot อ่าน ไม่ใช่แค่จัดอันดับ)
  • High Intent Traffic: กลุ่มคนค้นหาที่มีความต้องการซื้อสูง มักจะเข้ามาที่หน้าสินค้าโดยตรงหลังจากได้ข้อมูลจาก AI
  • Hallucination: อาการ “หลอน” ของ AI ที่มั่วข้อมูลขึ้นมาเอง เพราะไม่มี Source ที่น่าเชื่อถือให้อ้างอิง
  • Zero-Click Search: การค้นหาที่ผู้ใช้ได้คำตอบทันทีในหน้าผลลัพธ์ โดยไม่ต้องกดเข้าเว็บ

Actionable Checklist: สิ่งที่ต้องทำทันทีเดือนนี้

  • [ ] Test Share of Voice: ลองถาม ChatGPT/Gemini ด้วย 10 คำถามเกี่ยวกับสินค้าเรา ดูว่ามีชื่อเรากี่ครั้ง
  • [ ] Optimize Service Page: เช็คหน้าขายของด่วน ว่า UX/UI เอื้อต่อการกดซื้อไหม (Conversion Rate ต้องดีขึ้น)
  • [ ] Check Analytics: แยกดู Direct Traffic เทียบกับช่วงที่ AI เริ่มบูม
  • [ ] Update Schema: เช็ค Organization Schema บนหน้าเว็บว่าครบถ้วนไหม
  • [ ] Content Refresh: ปรับบทความเก่าให้มี “ตารางเปรียบเทียบ” และ “ความเห็นผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อให้ AI ดึงไปใช้ง่ายๆ

FAQs: 15 คำถามยอดฮิตเรื่องวัดผล AI Search

  1. SEO ตายแล้วจริงไหมในปี 2026?
    • SEO ไม่ตายครับ แต่ “กลายพันธุ์” ไปเป็น GEO การหาลูกค้ายังต้องใช้ Search แต่พฤติกรรมเปลี่ยนไปถาม Chatbot มากขึ้น
  2. เราจะดู Data ของ ChatGPT ได้ที่ไหน?
    • ปัจจุบันยังไม่มี Official Dashboard แบบ Google Search Console ครับ ต้องใช้ 3rd Party Tools หรือ Manual Test เท่านั้น
  3. ทำไม Conversion Rate ถึงสำคัญกว่า Traffic ในยุคนี้?
    • เพราะ AI กรองคนมาให้แล้ว คนที่หลุดมาคือหัวกะทิ ถ้าคุณปิดการขายคนกลุ่มนี้ไม่ได้ คือคุณเสียโอกาสทอง
  4. ยอด Traffic ตกถือว่าล้มเหลวไหม?
    • ไม่เสมอไปครับ ถ้า Traffic ตกแต่ยอดขายเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น แปลว่าคุณได้ Quality Traffic ที่ดีขึ้น
  5. ค่าจ้างทำ GEO แพงกว่า SEO ไหม?
    • มักจะสูงกว่านิดหน่อยครับ เพราะต้องใช้ทักษะ PR และ Technical ที่ลึกกว่าแค่การเขียนบทความ SEO ทั่วไป
  6. ทำไมค้นใน ChatGPT กับ Gemini ผลไม่เหมือนกัน?
    • เพราะใช้ Database และ Algorithm คนละตัวกันครับ Gemini จะ Real-time กว่า (ดึงจาก Google Index) ส่วน ChatGPT จะเก่งเรื่องสรุปความรู้เดิม
  7. ธุรกิจเล็กๆ จะสู้แบรนด์ใหญ่ใน AI Search ได้ไหม?
    • ได้แน่นอนครับ AI ชอบ “Niche Expert” ถ้าคุณเขียนเนื้อหาเจาะลึกเฉพาะทางมากๆ AI จะมองว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญกว่าแบรนด์ใหญ่ที่เขียนกว้างๆ
  8. Social Media มีผลต่อ AI Search ไหม?
    • มีผลมากครับ โดยเฉพาะ YouTube และ LinkedIn ที่ AI สามารถดึงข้อมูลไปประมวลผลได้ดี
  9. ระยะเวลาเห็นผลของ GEO นานแค่ไหน?
    • ประมาณ 3-6 เดือนครับ AI ต้องใช้เวลาในการ Crawl และ Re-train ข้อมูลใหม่
  10. ถ้าไม่มีเว็บเลย ทำ GEO ได้ไหม?
    • ยากครับ เว็บไซต์คือ “บ้าน” ที่ยืนยันตัวตนที่แท้จริง ถ้าไม่มีเว็บ AI จะไม่มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องไหม
  11. Voice Search เกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม?
    • เกี่ยวโดยตรงครับ เพราะเวลาคนสั่งงานด้วยเสียง AI ก็ใช้กระบวนการคิดแบบเดียวกันในการหาคำตอบสั้นๆ มาตอบ
  12. เริ่มต้นวัดผลตัวไหนก่อนดี?
    • เริ่มจาก Citation และ Visibility percentage ครับ ลองเทสต์ดูว่าวันนี้ AI รู้จักเราหรือยัง และรีบไปแก้หน้า Service Page รอรับคน

บทสรุป: อย่ารอให้ AI รู้จักคุณเอง คุณต้อง “แนะนำตัว”

การวัดผลในยุค AI Search ไม่ใช่เรื่องของการนับจำนวนคนเดินเข้าร้าน (Traffic) อีกต่อไป แต่คือการวัดว่าร้านของคุณมีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือแค่ไหนในสายตาของ “ผู้ช่วยส่วนตัว” (AI) ที่ลูกค้าทุกคนพกติดตัว

ตัวเลขอาจจะน้อยลง แต่ความแม่นยำและโอกาสในการขายจะสูงขึ้น หากคุณจับจุดถูกและปรับตัวได้ทันท่วงที หากคุณยังสับสนว่าจะเริ่มวางแผน GEO (Generative Engine Optimization) อย่างไร หรืออยากให้ทีมงานมืออาชีพเข้าไปช่วยวางโครงสร้าง Data เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็น “The Chosen One” ของ AI

Minimice Group พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์เคียงข้างคุณ ปรับกลยุทธ์ให้ธุรกิจคุณไม่เพียงแค่รอด แต่ต้อง “รุ่ง” ในยุค AI นี้ครับ

👉 อยากรู้ว่าตอนนี้ AI มองแบรนด์คุณยังไง? และหน้า Service Page ของคุณพร้อมปิดการขายแค่ไหน? ปรึกษาเราได้ที่ Minimice Group – SEO AI Search Service

Harit Posanakul

Harit Posanakul

Managing Director

I started Minimice group to be the change I wanted to see. I wanted to build an agency with a heart, one that measures success not just in traffic, but in the real-world growth of our clients. For me, SEO isn't just a technical process; it's a tool for empowerment. It's how we level the playing field so that the businesses with the most passion, not just the biggest budgets, can win.I can't wait to hear your story and help you share it with the world.

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง