SGE ตัวช่วยค้นหาข้อมูลตัวใหม่จาก Google ที่คนทำ SEO ต้องรู้!

SGE ตัวช่วยค้นหาข้อมูลตัวใหม่จาก Google ที่คนทำ SEO ต้องรู้!

Table of Contents

Key Takeaway

  • Google Search Generative Experience (SGE) เป็นฟีเจอร์ที่ใช้ Generative AI และ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น PaLM 2 เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำตอบที่รวดเร็ว โดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การค้นหาให้แม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น
  • Google Search Generative Experience (SGE) ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เพื่อวิเคราะห์และสรุปข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยแสดงผลลัพธ์ด้านบนสุดของหน้าค้นหา พร้อมอ้างอิงแหล่งที่มา และยังสามารถโต้ตอบเพิ่มเติมกับผู้ใช้เพื่อการค้นหาที่ลึกขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น
  • SGE Google ช่วยให้ธุรกิจสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านโฆษณาและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยแสดงรายละเอียดสินค้า เช่น ราคา รีวิว และคุณสมบัติ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

Google SGE เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลได้สะดวก และรวดเร็วเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยใช้ AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในการสรุป และแสดงผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรง มาทำความรู้จักว่า SGE คืออะไร ทำงานอย่างไร และแนวทางในการปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้!

Search Generative Experience (SGE) คืออะไร?

Search Generative Experience (SGE) คืออะไร?

Search Generative Experience (SGE) เป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Google ที่พัฒนาด้วย Generative AI เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การค้นหาของผู้ใช้งาน โดยทำให้การค้นหาข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และตรงประเด็นมากขึ้น ผู้ใช้สามารถรับข้อมูลที่ต้องการได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าไปอ่านจากเว็บไซต์หลายๆ แห่ง SGE ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การค้นหาข้อมูลผ่าน Google เป็นเรื่องง่ายและให้ข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุด

เปิดใช้งาน Google SGE ทำได้อย่างไร

เปิดใช้งาน Google SGE ทำได้อย่างไร

ก่อนที่จะสามารถใช้งาน Google SGE (Search Generative Experience) ได้ คุณต้องมีโปรแกรม Google Chrome ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักที่รองรับ SGE และต้องมีบัญชี Google เพื่อใช้ฟีเจอร์นี้ รวมถึงอายุของคุณต้องไม่น้อยกว่า 18 ปี SGE เปิดให้ใช้งานเฉพาะในบางประเทศที่ Google รองรับ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก หากอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่รองรับ คุณอาจไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ในขณะนี้

ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Google SGE

1. เปิดเบราว์เซอร์ Chrome และลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ของคุณ

2. เปิดแท็บใหม่แล้วไปที่หน้าแรกของ Google

3. เลือกไอคอน “Labs” ที่อยู่ด้านบนขวาของหน้า Google หากคุณไม่พบไอคอนนี้ อาจเป็นไปได้ว่าฟีเจอร์ SGE ยังไม่พร้อมใช้งานในประเทศของคุณ

4. เมื่อพบการ์ด “SGE, Generative AI in Search” ให้คลิกเปิดใช้งานด้วยไอคอนสลับเพื่อเริ่มต้นใช้งาน

หลังจากเปิดใช้งาน Google SGE แล้ว สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ในการค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เช่น หากคุณต้องการหาคำตอบเกี่ยวกับสารเคมี PFAS คุณสามารถพิมพ์ “What are PFAS chemicals?” ลงในช่องค้นหา Google และ SGE จะให้ภาพรวมของหัวข้อนี้พร้อมข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้อง

ทำความเข้าใจหลักการทำงานของ SGE

ทำความเข้าใจหลักการทำงานของ SGE

Google SGE เป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่เราค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยให้การค้นหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และตรงประเด็นมากขึ้น ระบบนี้ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน โดยหลักการทำงานสำคัญจะแบ่งออกได้ ดังนี้

1. AI-Powered Snapshots

AI-Powered Snapshots เป็นฟีเจอร์สำคัญของ Google SGE (Search Generative Experience) ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น PaLM 2 ในการประมวลผลและสรุปข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยจะแสดงผลลัพธ์อยู่ด้านบนสุดของหน้าค้นหาในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่านหลายเว็บไซต์

2. มอบประสบการณ์การค้นหาแนวตั้ง

Vertical Experience ใน SGE (Search Generative Experience) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า และบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแนวตั้งเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเห็นรายละเอียดสินค้าอย่างครบถ้วนในที่เดียว เช่น ภาพสินค้า คำอธิบาย คุณสมบัติ ราคา คะแนนรีวิว และลิงก์ไปยังร้านค้า

ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบสินค้าและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและ Local SEO เนื่องจากสามารถแสดงข้อมูลสินค้าจาก Google Shopping Graph ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากกว่า 35 พันล้านรายการ และอัปเดตแบบเกือบเรียลไทม์

3. การค้นหาในโหมดสนทนา

Conversational Mode ใน SGE (SGE Google) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับระบบค้นหาได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเปิดโอกาสให้สามารถถามคำถามเพิ่มเติมผ่านปุ่ม “Ask a follow up” หลังจากที่ได้รับคำตอบเบื้องต้นแล้ว ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อให้การค้นหามีความต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเจาะลึกประเด็นที่สนใจ โดยไม่ต้องเริ่มค้นหาใหม่จากศูนย์ 

4. โฆษณารูปแบบใหม่

โฆษณารูปแบบใหม่ใน Google SGE (SGE Google) เป็นการปรับปรุงการแสดงผลโฆษณาให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยใช้ AI และข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่าการโฆษณาแบบเดิม ระบบจะนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น รายละเอียดสินค้า รีวิว ข้อมูลเปรียบเทียบ หรือคำแนะนำที่ช่วยในการตัดสินใจ ทำให้โฆษณาดูน่าเชื่อถือและมีคุณค่าต่อผู้ใช้มากขึ้น

5. คิดและการสร้างสรรค์ผลงานได้

Google SGE (Search Generative Experience) ไม่เพียงแต่ช่วยค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการคิดและสร้างสรรค์ผลงาน โดยใช้ AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ในการประมวลผลและให้คำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเนื้อหา ออกไอเดียสำหรับโปรเจกต์ หรือแนะนำวิธีการทำสิ่งต่างๆ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาความคิดและสร้างสรรค์งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

6. รวบรวมข้อมูลผู้เข้าใช้งาน

Google SGE มีความสามารถในการรวบรวมและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานผ่าน AI-Powered Snapshots ซึ่งช่วยให้ Google เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ได้ลึกขึ้น โดยฟีเจอร์นี้จะดึงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการค้นหา นำเสนอผลลัพธ์แบบไดนามิก และปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของข้อมูลให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละคน 

หัวใจหลักของ SGE

หัวใจหลักของ SGE

Google SGE (Search Generative Experience) เป็นนวัตกรรมที่พลิกโฉมการค้นหาข้อมูลด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่รวดเร็ว แม่นยำ และมีข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ไปดูกันว่าหัวใจหลักของ SGE ประกอบด้วยอะไรบ้าง ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การค้นหาให้มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น

ความปลอดภัย 

รวบรวมและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของ AI แต่ยังคงมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะในหัวข้อ สุขภาพ การเงิน และความปลอดภัย (YMYL) เพื่อลดความเสี่ยงจากข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้อง SGE ยังแสดงข้อความแจ้งเตือนว่าเป็น ระบบทดลอง (Experimental) ทำให้บางกระบวนการตัดสินใจของ AI อาจไม่สามารถตรวจสอบได้โดยผู้ใช้

คุณภาพ

SGE มุ่งเน้นให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยใช้ AI ในการสรุปข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงพัฒนาและอาจมีความคลาดเคลื่อน แต่ Google ได้ใส่ข้อความเตือนเกี่ยวกับคุณภาพของข้อมูล

ความเกี่ยวข้อง

SGE ใช้ AI ขั้นสูง เช่น Natural Language Processing (NLP) และ Machine Learning เพื่อทำความเข้าใจคำถามของผู้ใช้และแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก และสร้างคำตอบที่แม่นยำ

ความคล่องตัว

เพิ่มความคล่องตัวในการค้นหาข้อมูลโดยสรุปหัวข้อที่ซับซ้อนให้อ่านง่ายและเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดเวลาการค้นคว้าและให้คำตอบที่ ตรงประเด็นและแม่นยำ โดยไม่ต้องคลิกเข้าไปยังหลายเว็บไซต์ ฟีเจอร์นี้ยังรองรับการโต้ตอบแบบ Conversational Mode

ระบบนิเวศทางธุรกิจ

SGE ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางธุรกิจ โดยช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์มากนัก ซึ่งอาจลด Traffic เว็บไซต์ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น 

เข้าถึง SGE จากต่างประเทศได้อย่างไร?

Google SGE (SGE คือ) มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึง โดยเปิดให้ใช้งานในบางประเทศเท่านั้น หากต้องการเข้าถึง ต้องใช้ Chrome Browser มีบัญชี Google อายุ 18 ปีขึ้นไป และอยู่ในประเทศที่รองรับ เช่น สหรัฐฯ หรือประเทศไทย การเปิดใช้งานต้องสมัครผ่าน Google Labs และหากไม่มีไอคอน Labs บนหน้าค้นหา แสดงว่า SGE ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศของคุณ ปัจจุบัน SGE รองรับ 7 ภาษา และยังอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน

ประโยชน์ของ SGE ในมุมมองทางธุรกิจ

ประโยชน์ของ SGE ในมุมมองทางธุรกิจ

SGE (Search Generative Experience) คือ เทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำธุรกิจดิจิทัล ด้วยความสามารถในการให้ข้อมูลที่แม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ใช้ และช่วยให้ธุรกิจปรับกลยุทธ์ทางการตลาดได้ดีขึ้น มาดูกันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง!

เพิ่มพื้นที่สำหรับโฆษณา

Google SGE ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยการขยายพื้นที่โฆษณาผ่านผลการค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้โฆษณามีความสอดคล้องกับบริบทของผู้ใช้มากขึ้น แทนที่จะแสดงแยกจากเนื้อหาหลัก โฆษณาจะถูกผสานเข้ากับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ช่วยเพิ่มอัตราการมองเห็น (Visibility) และสร้างโอกาสให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุดได้มากขึ้น

ลดจำนวน Organic Traffic

Google SGE อาจส่งผลให้ Organic Traffic ลดลง เนื่องจากข้อมูลที่ถูกสรุปโดย AI-Powered Snapshots มักจะครบถ้วน และแสดงอยู่ด้านบนสุดของหน้าผลการค้นหา ทำให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบโดยไม่ต้องคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ การให้คำตอบที่ตรงประเด็นและรวดเร็วผ่าน SGE อาจลดอัตราการคลิก (CTR) ซึ่งหมายความว่าผลกระทบต่อ Organic Traffic อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

เพิ่มการรับส่งข้อมูลผ่าน AI

Google SGE ช่วยเพิ่มการรับส่งข้อมูลผ่าน AI-Powered Snapshots และ Conversational Mode ทำให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับ AI เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและเจาะลึกในหัวข้อที่ต้องการได้โดยไม่ต้องเริ่มการค้นหาใหม่ SGE และยังสามารถใช้ AI เพื่อช่วยสร้างสรรค์เนื้อหา ทำให้กระบวนการทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ 

SGE คือ เทคโนโลยี AI-Powered Search ที่ช่วยให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยให้คำตอบที่แม่นยำและครบถ้วนทันที แต่ในขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบต่อ Organic Traffic และ SEO ของเว็บไซต์ มาดูกันว่าข้อดีและข้อเสียของ SGE มีอะไรบ้าง

ข้อดีของ SGE

  • สรุปข้อมูลที่ซับซ้อนให้อ่านง่าย SGE นำเสนอภาพรวมของหัวข้อที่ซับซ้อนในรูปแบบที่กระชับและเข้าใจง่าย 
  • การค้นหาผ่านโหมดสนทนา (Conversational Mode) ผู้ใช้สามารถถามคำถามต่อเนื่องผ่านฟีเจอร์ “Ask a follow up” เพื่อขยายข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ให้ข้อมูลที่ตรงจุดและรวดเร็ว ลดเวลาการค้นหาด้วยผลลัพธ์ที่แม่นยำและตรงประเด็น โดยไม่ต้องกดเข้าไปยังหลายเว็บไซต์
  • แสดงข้อมูลที่ครอบคลุม มีทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เว็บไซต์อ้างอิง ราคาสินค้า และคำถามที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
  • ช่วยสร้างสรรค์ไอเดียและคอนเทนต์ AI สามารถช่วยในการเขียน แนะนำแนวคิด และสร้างเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาในการคิดและผลิตงาน
  • ช่วยให้การเลือกซื้อสินค้าและบริการง่ายขึ้น แสดงข้อมูลสินค้าพร้อมรายละเอียดสำคัญ เช่น ราคา รีวิว และคุณสมบัติ ทำให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์การค้นหา SGE ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ต้องการได้เร็วขึ้น ประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากในการค้นหาหลายขั้นตอน

ข้อเสียของ SGE

  • ข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ ปัจจุบัน SGE ให้บริการในบางประเทศและรองรับเพียง 7 ภาษา ทำให้ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก
  • ความแม่นยำของข้อมูลยังไม่เสถียร SGE อยู่ในช่วงทดลองและอาจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในบางกรณี โดยเฉพาะหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ สุขภาพ การเงิน และความปลอดภัย (YMYL)
  • ลดการเข้าถึงเว็บไซต์และ Web Traffic เนื่องจาก SGE แสดงข้อมูลสรุปที่ครบถ้วน ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ ทำให้ Organic Traffic และ Featured Snippet อาจได้รับผลกระทบ
  • ขาดความโปร่งใสในการสรุปผลลัพธ์ โมเดล PaLM 2 ของ Google เป็นระบบปิด ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถตรวจสอบที่มาของข้อมูลที่ AI นำมาใช้ได้
  • อาจลดประสิทธิภาพของโฆษณาแบบเดิม SGE อาจลด Visibility ของโฆษณาแบบเสียเงิน (Paid Search Ads) ทำให้แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่
  • ไม่รองรับคำค้นหาที่ซับซ้อนบางประเภท แม้ว่า SGE จะสามารถตอบคำถามได้ดี แต่สำหรับการค้นหาข้อมูลที่ต้องใช้ ประสบการณ์จริง เช่น รีวิวสินค้า อาจยังให้คำตอบที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • การค้นหาบางประเภทอาจไม่มี SGE แสดงผล โดยเฉพาะหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน หรือคำถามที่ต้องการคำตอบที่มีโครงสร้างซับซ้อน

SGE ส่งผลกระทบต่อ SEO อย่างไร

Google SGE เปลี่ยนแปลงแนวทาง SEO โดยช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนจาก AI-Powered Snapshots ซึ่งอาจลด Organic Traffic และ CTR เนื่องจากผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องคลิกเข้าไปอ่านเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม SGE ยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่สร้าง เนื้อหาคุณภาพสูงและตรงกับ Search Intent ได้รับ Leads ที่มีคุณภาพมากขึ้น ดังนั้นการปรับกลยุทธ์ SEO โดยใช้ Long-Tail Keywords ภาษาที่เป็นธรรมชาติและ Structured Data ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

แนวทางปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับ SGE

แนวทางปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับ SGE

Google SGE กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทาง SEO โดยให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ มากกว่าการเน้นอันดับเพียงอย่างเดียว นักการตลาดและธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์โดยใช้ Long-Tail Keywords ภาษาที่เป็นธรรมชาติ และ Structured Data เพื่อให้เนื้อหาสอดคล้องกับ AI-Powered Search การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับ Search Intent จะช่วยให้เว็บไซต์ยังคงได้รับการจัดอันดับที่ดีในยุคของ SGE ด้วยวิธีการดังนี้

1. ระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัด

SGE Google ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้แม่นยำขึ้น โดยการสร้างเนื้อหาที่ตรงกับ Search Intent และใช้ Long-Tail Keywords ที่เฉพาะเจาะจงกับพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้

2. ปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาให้ดี

SGE Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ ดังนั้นการปรับปรุงเนื้อหาควรเน้นการตอบโจทย์ Search Intent อย่างแม่นยำ ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ และอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ 

3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำ Keyword Research Session

SGE Google เน้นให้ความสำคัญกับ Long-Tail Keywords และ Search Intent เพื่อช่วยให้ผลการค้นหาตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น การใช้ Keyword Research Tools เพื่อค้นหาคำหลักที่เฉพาะเจาะจงและง่ายต่อการจัดอันดับ รวมถึงการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์ Intent ของผู้ค้นหา จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏใน SGE Results ได้ดีขึ้น ส่งผลให้ได้รับ Traffic ที่มีคุณภาพสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสในการ Conversion

4. ใช้ AI ช่วยคิดหัวข้อและรูปแบบเนื้อหา

SGE Google สนับสนุนการใช้ AI เพื่อช่วยคิดหัวข้อและออกแบบโครงสร้างเนื้อหา โดย AI สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของหัวข้อที่กำลังเป็นที่นิยม และช่วยสร้างเนื้อหาในรูปแบบที่ตรงกับ Search Intent การใช้ AI ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลาในการสร้างคอนเทนต์ แต่ยังช่วยให้เนื้อหามีคุณภาพสูงขึ้น ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และ SEO มากขึ้น ทำให้มีโอกาสปรากฏใน SGE Results ได้ดีขึ้น

5. ใช้ AI ช่วยปรับแต่งเนื้อหา

SGE Google ทำให้การใช้ AI ในการปรับแต่งเนื้อหากลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO โดย AI สามารถช่วยปรับปรุง คุณภาพภาษา ความถูกต้องของข้อมูล และโครงสร้างเนื้อหา ให้เหมาะสมกับ Search Intent นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม Keyword Optimization, Meta Tags และ Structured Data เพื่อให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับและปรากฏในผลการค้นหาของ SGE มากขึ้น ส่งผลให้เนื้อหาน่าเชื่อถือ มีคุณภาพสูงและดึงดูดผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

สรุป

Google Search Generative Experience (SGE) เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ Generative AI เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ SGE ใช้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เช่น PaLM 2 ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การค้นหา แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อ SEO และ Organic Traffic 

เนื่องจากผู้ใช้ได้รับคำตอบจาก AI โดยตรง อย่างไรก็ตาม การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับ Search Intent และใช้กลยุทธ์ SEO ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏบนผลการค้นหาของ SGE ดังนั้น ธุรกิจและนักการตลาดควร ปรับตัวและติดตามแนวโน้ม SEO อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในยุคของ AI-Driven Search

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

SGE กับ Bard ใช่สิ่งเดียวกันไหม

SGE และ Bard ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน โดย Bard เป็นแชทบอท AI ของ Google ในขณะที่ SGE ถูกพัฒนาเพื่อการค้นหาโดยเฉพาะ ทำให้ SGE ให้คำตอบที่แม่นยำและมีข้อผิดพลาดน้อยกว่าจากการประมวลผลข้อมูลที่เชื่อถือได้มากขึ้น

ปิดการใช้งาน SGE ได้หรือไม่

ผู้ใช้งานสามารถปิด SGE ได้ผ่าน Search Labs แต่ไม่ใช่ทุกบัญชีที่สามารถเข้าถึงได้ ปัจจุบัน SGE อยู่ในช่วงทดลองจนถึงเดือนธันวาคม 2023 และอาจเปิดตัวอย่างเป็นทางการในอนาคต

SGE รับข้อมูลมาจากไหน

SGE รับข้อมูลจาก Google Merchant Center, Google Business Profile และแหล่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เพื่อนำเสนอผลลัพธ์ที่แม่นยำและแสดงบน SERP (Search Engine Results Page) เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น

ใครใช้ Google SGE ได้บ้าง

ผู้ใช้ Google ในสหรัฐอเมริกา สามารถเปิดใช้งาน SGE บน Google Chrome ได้โดยใช้บัญชี Google ส่วนตัว แต่ยังไม่เปิดให้บริการสำหรับผู้ใช้งานในประเทศอื่น

Google SGE ฟรีไหม

Google SGE ให้บริการฟรี โดยแสดงสรุปผลการค้นหาควบคู่กับลิงก์แบบดั้งเดิมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขับเคลื่อนด้วย Google AI ทำให้เป็นวิธีการค้นหาข้อมูลที่ล้ำสมัยและสะดวกยิ่งขึ้น

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง