seo-tools-in-2026

รวมเครื่องมือทำ SEO ตัวเทพปี 2026 อัปเดตล่าสุด ครบจบทั้ง AI และ Manual ดันอันดับให้พุ่งทะยาน

Table of Contents

Key Takeaway: สรุปหัวใจหลัก เครื่องมือ SEO ที่ต้องมีติดตัว

ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเครื่องมือแต่ละตัว ผมขอสรุปภาพรวมให้เห็นชัดๆ ก่อนครับว่า ในการทำ SEO ยุคใหม่ เราควรแบ่งกลุ่มเครื่องมืออย่างไรเพื่อให้ครอบคลุมการทำงาน ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

หมวดหมู่เครื่องมือ (Category)ความสำคัญ (Priority)หน้าที่หลัก (Core Function)เครื่องมือแนะนำ (Top Picks)
1. All-in-One Suitesสูงมาก (Must Have)ดูภาพรวม, วิเคราะห์คู่แข่ง, ตรวจสุขภาพเว็บAhrefs, Semrush
2. Keyword Researchสูงค้นหาคำค้นหาทำเงิน, ดู Search VolumeGoogle Keyword Planner, Ubersuggest
3. Technical SEO & Auditสูงตรวจจับลิงก์เสีย, โครงสร้างเว็บ, SpeedScreaming Frog, PageSpeed Insights
4. Content & AI Assistantปานกลาง – สูงช่วยเขียนโครงร่าง, ปรับแต่งเนื้อหา, หาไอเดียChatGPT (GPT-5/4o), Surfer SEO
5. Analytics & Monitoringสูงมาก (Must Have)วัดผลลัพธ์, ดู Traffic จริง, แจ้งเตือนปัญหาGoogle Analytics 4, Google Search Central

คุณเคยรู้สึกไหมครับว่าโลกของ SEO มันหมุนเร็วเหมือนพายุ? ยิ่งเข้าสู่ปี 2026 แบบนี้ จำนวน เครื่องมือทำ SEO ที่ผุดขึ้นมาใหม่นั้นมีเยอะจนน่าเวียนหัว ไม่ว่าจะเป็น Tools ดั้งเดิมที่อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่ หรือ Tools น้องใหม่สาย AI ที่เคลมว่าช่วยทำงานแทนเราได้ทุกอย่าง ความท้าทายของนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจในวันนี้จึงไม่ใช่การหาเครื่องมือไม่ได้ แต่คือการ “ไม่รู้จะเลือกใช้อันไหน” ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ที่สุดต่างหาก

การเลือกเครื่องมือผิด อาจหมายถึงการเสียค่าสมาชิกรายเดือนราคาแพงโดยเปล่าประโยชน์ หรือแย่กว่านั้นคือการได้ข้อมูลที่ไม่แม่นยำจนพาหลงทาง ปรับแต่งเว็บไซต์ผิดจุดจนอันดับร่วงกราวรูด ผมเข้าใจดีครับว่าความรู้สึกที่เห็นคู่แข่งแซงหน้าไปทั้งที่เราก็พยายามเต็มที่แล้วมันน่าเจ็บใจแค่ไหน

ในฐานะที่ผมคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ และทีมงาน Minimice Group เองก็ได้ทดลองใช้เครื่องมือมาแล้วแทบทุกตัวในตลาด วันนี้ผมจึงคัดสรร “เนื้อๆ เน้นๆ” มาให้ครับ บทความนี้จะไม่ใช่แค่การลิสต์รายชื่อยาวเหยียด แต่จะเป็นคู่มือการเลือก รวมเครื่องมือทำ SEO ฉบับปี 2026 ที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ประหยัดงบ และที่สำคัญคือ “ดันอันดับ” ได้จริง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร เตรียมจดลิสต์ของดีเข้าคลังแสงของคุณได้เลยครับ

seo-tools-in-2026

1. สุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์ภาพรวม (All-in-One SEO Tools)

ถ้าเปรียบการทำ SEO คือการออกรบ เครื่องมือกลุ่มนี้ก็คือ “แม่ทัพ” ที่ช่วยให้เราเห็นสถานการณ์รบทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์เราหรือเว็บไซต์คู่แข่ง

Ahrefs: ครบเครื่องเรื่อง Backlink และ Content Gap

สำหรับปี 2026 Ahrefs ยังคงยืนหนึ่งในเรื่องของการเป็น Database ด้าน Backlink ที่ใหญ่และแม่นยำที่สุดในโลกครับ สิ่งที่ทำให้ Ahrefs พิเศษมากคือความสามารถในการเจาะลึกข้อมูลของคู่แข่งได้แบบทะลุปรุโปร่ง โดยเฉพาะฟีเจอร์ Content Gap ที่ช่วยหาว่า “คู่แข่งติดอันดับคำไหน ที่เรายังไม่ติด” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขยายฐาน Traffic นอกจากนี้ Ahrefs ยังมีการปรับปรุง UI ให้ใช้งานง่ายขึ้น และเพิ่มฟีเจอร์ AI ในการวิเคราะห์ Keyword Difficulty ได้แม่นยำกว่าเดิม ทำให้เรารู้ได้ทันทีว่า Keyword คำไหน “สู้ไหว” หรือคำไหน “หินเกินไป” สำหรับเว็บไซต์ของเราในตอนนี้

Actionable Tips:

  • ใช้ฟีเจอร์ Site Explorer: ใส่ URL คู่แข่งลงไป แล้วกดดูเมนู “Top Pages” เพื่อดูว่าหน้าไหนของเขาสร้าง Traffic ได้มากที่สุด แล้วนำมาเป็นไอเดียทำคอนเทนต์ที่ดีกว่า (Skyscraper Technique)
  • ตรวจสอบ Link Intersect: ดูว่าเว็บไหนบ้างที่ Backlink หาคู่แข่งเจ้า A และ B แต่ยังไม่ลิงก์หาเรา แล้วส่งอีเมลไปขอลิงก์ (Outreach)

Semrush: ตัวตึงสาย Marketing และ Keyword Magic Tool

หาก Ahrefs คือราชาแห่ง Backlink, Semrush ก็คือราชินีแห่ง Marketing Strategy ครับ จุดเด่นของ Semrush ที่ผมและทีม Minimice Group ชื่นชอบมากคือ Keyword Magic Tool ที่สามารถแตกแขนง Keyword ได้มหาศาล พร้อม Grouping คำที่เกี่ยวข้องให้อัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาในการวางโครงสร้างเว็บ (Site Structure) ได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ Semrush ยังมีฟีเจอร์ด้าน Local SEO และ Social Media Management ที่ครบจบในที่เดียว เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการดูแลภาพรวมการตลาดออนไลน์ไปพร้อมๆ กับ SEO

Actionable Tips:

  • ใช้ Keyword Magic Tool: พิมพ์ Keyword หลักลงไป แล้วเลือก Filter เป็น “Questions” เพื่อหาคำถามที่คนมักจะถาม (Long-tail Keywords) เอามาเขียนบทความตอบโจทย์ User Intent
  • ใช้ On Page SEO Checker: ให้ระบบช่วยสแกนหน้าเว็บไซต์และแนะนำว่าควรเติม Keyword คำไหน หรือปรับปรุง Semantics อย่างไรให้อันดับดีขึ้น
ahrefs-semrush

2. เครื่องมือเจาะลึก Keyword (Keyword Research Tools)

พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของ SEO คือ Keyword ครับ ถ้าเลือกคำผิด ชีวิตเปลี่ยนทันที เครื่องมือกลุ่มนี้จะช่วยให้คุณ “เข้าใจภาษาของลูกค้า”

Google Keyword Planner: พื้นฐานแน่น ข้อมูลตรงจาก Google

ถึงแม้จะเป็นเครื่องมือฟรีที่มาพร้อมกับ Google Ads แต่ Google Keyword Planner ก็ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่คลาสสิกและเชื่อถือได้ที่สุด เพราะข้อมูล Search Volume ที่ได้นั้นมาจากฐานข้อมูลของ Google โดยตรง สิ่งที่ต้องระวังคือหากคุณไม่ได้ลงโฆษณา ตัวเลขอาจจะเป็นช่วงกว้างๆ (เช่น 1k-10k) แต่สำหรับปี 2026 กูเกิลได้เริ่มเปิดเผยเทรนด์การค้นหาแบบละเอียดขึ้น ช่วยให้เราเห็น Seasonality (ความนิยมตามฤดูกาล) ของคำค้นหานั้นๆ ได้ชัดเจน เพื่อวางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้าได้ถูกจังหวะ

Actionable Tips:

  • ดู Forecast: ลองกด Plan overview เพื่อดูแนวโน้มว่า Keyword นี้จะมีคนค้นหาเพิ่มขึ้นหรือลดลงในอีก 3 เดือนข้างหน้า
  • ค้นหา New Keywords: ใช้ฟีเจอร์ “Start with a website” โดยใส่เว็บคู่แข่งลงไป เพื่อดูว่าเขาซื้อโฆษณาคำไหนบ้าง

Ubersuggest: เป็นมิตรกับมือใหม่ ภาษาไทยเป๊ะ

สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นและงบประมาณจำกัด Ubersuggest ของ Neil Patel เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากครับ จุดเด่นคือหน้าตาที่ใช้งานง่าย (User-friendly) และรองรับ ภาษาไทย ได้ค่อนข้างดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับเครื่องมือต่างชาติอื่นๆ ฟีเจอร์เด็ดคือการแสดง Keyword Ideas ที่แตกแขนงออกมา พร้อมบอกระดับความยาก (SD – SEO Difficulty) และยังมีการวิเคราะห์คู่แข่งแบบเข้าใจง่าย ทำให้คุณเห็นภาพรวมได้ภายในไม่กี่คลิก

Actionable Tips:

  • ใช้ Chrome Extension: ติดตั้งส่วนขยาย Ubersuggest บนเบราว์เซอร์ เวลาคุณค้นหาบน Google มันจะโชว์ Volume และ CPC ให้เห็นสดๆ ใต้ช่องค้นหาเลย
  • วิเคราะห์ Top SEO Pages: ดูว่าหน้าไหนของเว็บเราที่มีโอกาสเติบโต แต่ Traffic เริ่มตก เพื่อรีบเข้าไปปรับปรุงเนื้อหา (Content Refresh)

3. เครื่องมือสายเทคนิค ปรับแต่งหลังบ้าน (Technical SEO Tools)

สวยแต่รูป จูบไม่หอม ใช้กับ SEO ไม่ได้ครับ เว็บสวยแต่พังยับเยิน บอทเก็บข้อมูลไม่ได้ ก็ไม่มีทางติดอันดับ

Screaming Frog SEO Spider: เอกซเรย์เว็บไซต์แบบทุกซอกทุกมุม

นี่คือเครื่องมือที่ Technical SEO Specialist ขาดไม่ได้ Screaming Frog เปรียบเสมือนหุ่นยนต์ตัวน้อยที่เราส่งเข้าไปวิ่งเล่นในเว็บไซต์เพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมดมาให้เราดู ไม่ว่าจะเป็น Broken Links (404), Redirect Chains, Duplicate Content, หรือแม้แต่รูปภาพที่ไฟล์ใหญ่เกินไป มันจะลิสต์ออกมาเป็นตาราง Excel ให้เราไล่แก้ได้ทีละจุด การทำ Technical Audit ปีละ 2-3 ครั้งด้วยเครื่องมือนี้ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ “คลีน” และเป็นที่รักของ Google Bot เสมอครับ

Actionable Tips:

  • หา Broken External Links: กรองดูลิงก์ที่ส่งออกไปเว็บข้างนอกแล้วเสีย (404) เพราะมันทำลายประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) อย่างมาก
  • ตรวจสอบ Meta Title/Description: ดูว่ามีหน้าไหนที่ยาวเกินไป (Truncated) หรือหน้าไหนที่ลืมเขียน เพื่อปรับปรุง CTR

Google PageSpeed Insights: วัดความเร็ว เพื่อ Core Web Vitals

ในปี 2026 เรื่อง Core Web Vitals และ User Experience (UX) กลายเป็นปัจจัยชี้วัดอันดับที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม Google PageSpeed Insights จึงเป็นเครื่องมือสามัญประจำบ้านที่ต้องตรวจเช็คสม่ำเสมอ มันจะบอกคะแนนความเร็วทั้งบน Mobile และ Desktop พร้อมคำแนะนำเชิงเทคนิค เช่น การบีบอัดรูปภาพ (WebP), การลด Code JS/CSS ที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งถ้าคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้จนได้คะแนนโซนสีเขียว (90+) โอกาสที่อันดับจะพุ่งขึ้นก็มีสูงมากครับ

Actionable Tips:

  • โฟกัสที่ LCP (Largest Contentful Paint): ดูว่าองค์ประกอบไหนโหลดช้าที่สุดในหน้าเว็บ แล้วรีบแก้ไข ส่วนใหญ่มักจะเป็นรูป Banner หรือ Video
  • เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: เช็คสปีดเว็บเราเทียบกับเว็บอันดับ 1 ในคีย์เวิร์ดเดียวกัน ถ้าเขาเร็วกว่า เราต้องทำให้เร็วกว่าเขาให้ได้
core-web-vitals

4. ยุคแห่ง AI: ผู้ช่วยอัจฉริยะ (AI SEO Tools)

การ รวมเครื่องมือทำ SEO ปี 2026 จะขาด AI ไปไม่ได้ แต่ต้องใช้อย่างระวังและชาญฉลาดครับ

ChatGPT (GPT-5 / 4o) & Gemini: ผู้ช่วย Brainstorm และ Content Outline

AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ไม่ได้มีไว้เพื่อ “ลอก” มาวางบนเว็บนะครับ แต่หน้าที่ที่ดีที่สุดของมันคือการเป็น “Assistant” ช่วย Brainstorm ไอเดีย, สร้างโครงสร้างบทความ (Outline), หรือ สรุปข้อมูลจากงานวิจัย เพื่อให้เรานำมาเขียนต่อในภาษาของมนุษย์ การใช้ AI ช่วยร่าง Meta Description หรือ Title Tag หลายๆ แบบให้เลือก ก็ช่วยประหยัดเวลา Creative ได้มหาศาล ที่สำคัญคือต้องมีการตรวจทานความถูกต้อง (Fact-check) เสมอ เพราะ AI ยังมีโอกาส Hallucinate (มั่วข้อมูล) ได้อยู่ครับ

ข้อควรระวัง: อ้างอิงจาก Google Search Central (https://developers.google.com/search/blog/2023/02/google-search-and-ai-content) Google ไม่ได้แบนเนื้อหา AI แต่เน้นที่ “คุณภาพ” และ “ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้” ดังนั้นอย่าใช้ AI Gen แล้วโพสต์เลยเด็ดขาด ต้องใส่ความเป็นมนุษย์และประสบการณ์จริงลงไปเสมอ (E-E-A-T)

Actionable Tips:

  • Prompt Engineering: ลองใช้คำสั่งเช่น “Act as an SEO Expert, create a comprehensive outline for ‘Keyword’ targeting user intent: Informational including FAQs.”
  • ใช้ Re-write: ให้ AI ช่วยเกลาประโยคที่อ่านยากให้ลื่นไหลขึ้น หรือเปลี่ยน Tone of Voice ให้เข้ากับแบรนด์

ตารางเปรียบเทียบ: เลือกเครื่องมือไหนให้เหมาะกับงบประมาณ?

ชื่อเครื่องมือระดับราคา (โดยประมาณ)เหมาะกับใครจุดเด่นที่สุด
Google Search Centralฟรีทุกคน (บังคับใช้)ข้อมูลตรงจาก Google แจ้งเตือนปัญหาเว็บ
Google Analytics 4ฟรีทุกคน (บังคับใช้)วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ละเอียด
Ubersuggestเริ่มต้น $29/เดือนมือใหม่ / SMEใช้งานง่าย ราคาประหยัด ภาษาไทยดี
Ahrefsเริ่มต้น $99/เดือนมือโปร / Agencyฐานข้อมูล Backlink แน่นที่สุด
Semrushเริ่มต้น $129/เดือนนักการตลาดครบวงจรเครื่องมือการตลาดครบ จบในที่เดียว
Screaming Frogฟรี (จำกัด 500 URLs)สายเทคนิคตรวจสอบโครงสร้างเว็บได้ลึกมาก

5. กรณีศึกษา (Case Study): Minimice Group พลิกวิกฤตอันดับร่วง ด้วยพลังของ Data และ Tools

หลายคนอาจจะคิดว่า “มีเครื่องมือดี ก็เหมือนมีชัยไปกว่าครึ่ง” แต่จากประสบการณ์ของ Minimice Group เครื่องมือเป็นเพียง 30% อีก 70% คือ “กลยุทธ์และการวิเคราะห์” ครับ

มีลูกค้าท่านหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม “รับสร้างบ้าน” (ขอสงวนชื่อแบรนด์) เข้ามาปรึกษาเราด้วยปัญหา Traffic ตกลงกว่า 40% ภายใน 3 เดือน ทั้งที่โพสต์บทความทุกวัน

ทีม Minimice Group ทำอย่างไร?

  1. Diagnosis (วินิจฉัย): เราใช้ Google Search Central และ Google Analytics 4 ตรวจสอบก่อนเลยว่า Traffic หายไปจากหน้าไหน พบว่าเป็นหน้า “แบบบ้าน” ซึ่งเป็นหน้าทำเงิน
  2. Audit (ตรวจสอบ): เราใช้ Screaming Frog สแกนและพบปัญหาใหญ่คือ “Cannibalization” (เนื้อหากินกันเอง) ลูกค้าเขียนบทความเรื่องแบบบ้านซ้ำๆ กันหลายหน้า ทำให้ Google สับสนว่าจะเลือกหน้าไหนขึ้นอันดับ
  3. Strategy (กลยุทธ์): เราใช้ Ahrefs ดูคู่แข่ง และตัดสินใจทำ “Content Consolidation” คือยุบบทความย่อยๆ 5 บทความ มารวมเป็น “Super Guide: รวมแบบบ้านยอดนิยมปี 2025-2026” หน้าเดียวที่เนื้อหาแน่นปึ้ก
  4. Optimization: ปรับ Technical SEO และใช้ AI ช่วยร่างโครงสร้างใหม่ให้ครอบคลุม Long-tail Keyword ทั้งหมด

ผลลัพธ์:

ภายใน 2 เดือนหลังจากปรับปรุง หน้าเว็บไซต์หน้านั้นกลับมาติดหน้า 1 ใน Keyword หลัก และ Traffic โดยรวมของเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 65% (สูงกว่าจุดเดิมก่อนตก) นี่คือตัวอย่างของการใช้เครื่องมือเพื่อ “เห็นปัญหา” และใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อ “แก้ปัญหา” ครับ

minimice-content-consodilation

FAQs: 12 คำถามยอดฮิตเรื่องเครื่องมือ SEO (ถามมา-ตอบจริง)

1. จำเป็นต้องซื้อเครื่องมือแพงๆ อย่าง Ahrefs หรือ Semrush ไหม ถ้าเพิ่งเริ่มทำ?

ไม่จำเป็นเสมอไปครับ ถ้าเพิ่งเริ่มต้นและเว็บยังมีหน้าไม่เยอะ (ไม่เกิน 50 หน้า) การใช้ของฟรีอย่าง Google Keyword Planner คู่กับ Ubersuggest (ตัวฟรี) และ Google Search Central ก็เพียงพอสำหรับการวางพื้นฐานแล้วครับ เมื่อเริ่มมีรายได้หรือต้องการสเกลงาน ค่อยขยับไปใช้ตัวเสียเงินก็ยังทันครับ

2. ใช้ AI เขียนบทความ SEO จะโดน Google แบนไหม?

Google ไม่แบน AI ครับ แต่อัลกอริทึมฉลาดพอที่จะแยกแยะ “เนื้อหาขยะ” (Spam) ออกจาก “เนื้อหาที่มีประโยชน์” ถ้าคุณใช้ AI แล้วก๊อปวางเลยโดยไม่อ่านทาน ไม่ใส่บริบท หรือข้อมูลผิดๆ อันดับจะร่วงแน่นอนครับ หลักการคือ AI 50% + Human Edit 50% เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด

3. Google Search Console กับ Google Analytics ต่างกันยังไง?

จำง่ายๆ ครับ Google Search Console (GSC) ดู “ก่อนคนเข้าเว็บ” (อันดับเท่าไหร่, คนคลิกจากคำไหน, สุขภาพเว็บเป็นไง) ส่วน Google Analytics (GA4) ดู “หลังคนเข้าเว็บ” (เข้ามาแล้วอยู่กี่นาที, ไปหน้าไหนต่อ, ซื้อของไหม) ต้องใช้คู่กันขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ครับ

4. ควรเช็คอันดับเว็บไซต์บ่อยแค่ไหน?

สำหรับเว็บไซต์ทั่วไป เช็คสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอครับ เพื่อดูแนวโน้ม แต่ถ้าเป็นช่วงที่เพิ่งปรับปรุงเนื้อหาใหญ่ หรือช่วง High Season ของธุรกิจ อาจจะเช็คทุกวันเพื่อปรับกลยุทธ์ให้ทันคู่แข่งครับ แต่ระวังอย่าหมกมุ่นกับอันดับรายวันมากไปจนลืมโฟกัสที่คุณภาพเนื้อหาครับ

5. Yoast SEO กับ Rank Math อันไหนดีกว่ากันสำหรับ WordPress?

ปี 2026 นี้ Rank Math มาแรงมากครับ เพราะฟีเจอร์ตัวฟรีให้มาเยอะกว่าและเบากว่า แต่ Yoast SEO ก็ยังเป็นตัวเก๋าที่เสถียรมาก ถ้าชอบความง่าย เป็นระบบ Yoast ก็ยังดีเยี่ยม แต่ถ้าชอบลูกเล่นเยอะ ปรับแต่งได้ลึก Rank Math อาจจะตอบโจทย์กว่าครับ สรุปคือ “ดีทั้งคู่” อยู่ที่ความถนัดมือครับ

6. ทำไมค่า Search Volume ในแต่ละเครื่องมือถึงไม่เท่ากัน?

เพราะแต่ละเครื่องมือมีแหล่งข้อมูล (Data Source) และวิธีการประมาณการ (Estimation Method) ที่ต่างกันครับ Google Keyword Planner แม่นยำสุดเรื่อง Volume แต่เครื่องมืออย่าง Ahrefs อาจใช้ Clickstream data มาประกอบ ทำให้ตัวเลขต่างกัน ให้ดู “แนวโน้ม” (Trend) เป็นหลักดีกว่าดูตัวเลขเป๊ะๆ ครับ

7. เครื่องมือไหนช่วยเรื่อง Local SEO ได้ดีที่สุด?

Google Business Profile (ชื่อเดิม Google My Business) คือพระเจ้าของ Local SEO ครับ ต้องทำเป็นอันดับแรก ส่วนถ้าเป็น Tools เสริม Semrush มีฟีเจอร์ Listing Management ที่ช่วยกระจายข้อมูลธุรกิจเราไปตาม Directory ต่างๆ ได้ดีมากครับ

8. Screaming Frog เวอร์ชันฟรี เพียงพอไหม?

เวอร์ชันฟรีสแกนได้ 500 URLs ครับ ถ้าเว็บคุณเป็นเว็บองค์กรขนาดเล็ก หรือ Blog ส่วนตัว ก็เพียงพอครับ แต่ถ้าเป็น E-commerce ที่มีสินค้าหลายร้อยชิ้น URLs จะเกิน 500 แน่นอน แบบนั้นแนะนำให้ซื้อ License ครับ คุ้มค่าแน่นอน

9. มีเครื่องมือตัวไหนเช็ค Plagiarism (เนื้อหาซ้ำ) ภาษาไทยได้ดีๆ บ้าง?

สำหรับภาษาไทย เครื่องมืออย่าง CopyScape ยังคงเป็นมาตรฐานครับ แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มตรวจคำผิดภาษาไทยหลายเจ้าก็เริ่มมีฟีเจอร์นี้ หรือใช้ Quetext ก็ตรวจจับได้ค่อนข้างดีครับ สำคัญมากนะครับ ห้ามก๊อปงานคนอื่นเด็ดขาด

10. PageSpeed Insights ได้คะแนนมือถือต่ำมาก ต้องแก้ยังไง?

ส่วนใหญ่มักเกิดจากรูปภาพขนาดใหญ่เกินไป และ Code Javascript ที่รกรุงรังครับ เบื้องต้นลองติดตั้ง Plugin บีบอัดภาพ (เช่น Smush หรือ WebP Express) และใช้ Plugin ทำ Caching (เช่น WP Rocket) จะช่วยได้เยอะครับ แต่ถ้าจะเอา 90+ อาจต้องให้โปรแกรมเมอร์ช่วยปรับแต่ง Code ครับ

Harit Posanakul

Harit Posanakul

Managing Director

I started Minimice group to be the change I wanted to see. I wanted to build an agency with a heart, one that measures success not just in traffic, but in the real-world growth of our clients. For me, SEO isn't just a technical process; it's a tool for empowerment. It's how we level the playing field so that the businesses with the most passion, not just the biggest budgets, can win.I can't wait to hear your story and help you share it with the world.

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง