Key Takeaway
| องค์ประกอบ E-E-A-T | คำอธิบาย | สิ่งที่ต้องทำบนเว็บไซต์ใหม่ |
| Experience (ประสบการณ์) | การมีประสบการณ์จริงในการใช้ ทำ หรือแก้ปัญหาเรื่องนั้นๆ | แสดงขั้นตอน (How-to) จากประสบการณ์ตรง รีวิวสินค้าหรือบริการของตัวเอง |
| Expertise (ความเชี่ยวชาญ) | ความรู้ในหัวข้อนั้นๆ ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง | สร้างหน้า “เกี่ยวกับเรา” (Author Bio) ที่ชัดเจน อ้างอิงแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ |
| Authoritativeness (อำนาจ) | ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม | การได้รับการกล่าวถึง (Backlinks) จากเว็บไซต์คุณภาพ มีการรับรอง (Certificates) |
| Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ) | ความปลอดภัย ความถูกต้อง และความโปร่งใสของเว็บไซต์ | ใช้ HTTPS มีนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ข้อมูลติดต่อชัดเจน |

เว็บไซต์ใหม่ VS การเอาชนะความน่าเชื่อถือของ Google
เมื่อคุณเริ่มสร้างเว็บไซต์ใหม่ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่แค่การสร้างเนื้อหา แต่คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ ในสายตาของ Google โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก Google ได้อัปเดตแกนหลัก (Core Update) ครั้งใหญ่ ที่เน้นย้ำเรื่องE-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) มากยิ่งขึ้น
เว็บไซต์ใหม่มักจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Untrusted” หรือมีความน่าเชื่อถือต่ำจนกว่าจะพิสูจน์ตัวเองได้ นี่คือสาเหตุที่หลายเว็บไซต์ที่เพิ่งเกิดใหม่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเริ่มเห็นอันดับที่ดีขึ้น แต่ข่าวดีคือ มีกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งกระบวนการนี้โดยเฉพาะ
คุณไม่จำเป็นต้องมีอายุเว็บไซต์เป็นสิบปีเพื่อพิชิต E-E-A-T หากเข้าใจหลักการที่ถูกต้อง และนี่คือบทความที่คุณจะได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็นในการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รักของ Google ตั้งแต่หน้าแรกที่คุณเผยแพร่
สำหรับใครที่ต้องการวางแผนการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการสร้างความน่าเชื่อถือระดับสูง ทีมงาน Minimice Group คือผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing ที่พร้อมให้คำปรึกษาและลงมือปฏิบัติการทั้งหมดนี้

คำแนะนำในการทำ E-E-A-T ให้กับเว็บไซต์ใหม่
วิธีการทำ E-E-A-T ให้กับเว็บไซต์ใหม่ต้องเน้นที่การแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
E ตัวที่หนึ่ง Experience (ประสบการณ์) การลงมือทำจริง
E ตัวแรกนี้คือสิ่งที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในปี 2022 และกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเว็บไซต์ใหม่ ประสบการณ์คือหลักฐานของการลงมือทำจริง คุณต้องแสดงให้ Google เห็นว่าเนื้อหาของคุณไม่ได้มาจากการค้นคว้าบน Google เท่านั้น แต่มาจากการที่คุณเคย “ใช้” “ลอง” หรือ “แก้ปัญหา” นั้นด้วยตัวเองจริงๆ
สำหรับเว็บไซต์ใหม่
- เน้นเนื้อหาแบบ First-hand หากทำรีวิวสินค้า ต้องมีภาพถ่ายหรือวิดีโอที่เป็นของคุณเอง ไม่ใช่ภาพสต๊อก หากสอนการทำอะไรบางอย่าง ต้องแสดงขั้นตอนอย่างละเอียดพร้อมผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
- ใช้มุมมองผู้ใช้จริง (User Perspective) เขียนเนื้อหาในลักษณะ “ฉันได้ลองทำสิ่งนี้แล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น” แทนที่จะเป็น “สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น”
- Case Studies หรือ Before/After หากเป็นเว็บไซต์บริการ ให้ใช้กรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่ประสบความสำเร็จ
สรุปใจความ
- Experience คือการแสดงหลักฐานว่าคุณได้ลงมือทำหรือใช้สิ่งนั้นจริง
- เว็บไซต์ใหม่ควรเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีภาพหรือวิดีโอต้นฉบับ
- เขียนในมุมมองของ “ผู้ใช้” ไม่ใช่แค่ “ผู้รู้”
- หลีกเลี่ยงการคัดลอกประสบการณ์ของคนอื่นโดยเด็ดขาด
E ตัวที่สอง Expertise (ความเชี่ยวชาญ) การพิสูจน์ความรู้
Expertise คือการแสดงความรู้ที่ลึกซึ้งในหัวข้อที่คุณเขียน ซึ่งมักจะเชื่อมโยงกับภูมิหลังหรือคุณวุฒิของผู้เขียนเนื้อหา (Author) Google ต้องการให้แน่ใจว่าข้อมูลที่คุณให้มีความถูกต้องและสามารถนำไปใช้งานได้จริงโดยไม่เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะในกลุ่มเนื้อหา YMYL (Your Money Your Life)
สำหรับเว็บไซต์ใหม่
- สร้าง Author Bio ที่แข็งแกร่ง ทุกบทความควรมีผู้เขียน (Author) ที่ระบุตัวตนชัดเจน พร้อมประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน หรือวุฒิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่เขียน
- เชื่อมโยงผู้เขียนไปยัง LinkedIn/Social Media เพื่อพิสูจน์ว่าบุคคลนี้มีตัวตนจริงและมีประวัติการทำงานที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญ
- เนื้อหาต้องมีความลึก (Depth) อธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แต่ยังคงความถูกต้องทางวิชาการ (Academic Soundness)
“Tips
ความเชี่ยวชาญไม่ได้แปลว่าต้องเป็นปริญญาเสมอไป อาจเป็นประสบการณ์ 10,000 ชั่วโมงก็ได้ ใช้ภาษาเฉพาะทาง (Jargon) อย่างเหมาะสมและอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจ ทุกบทความควรมีการระบุชื่อผู้เขียนที่ชัดเจน (Author Schema) อัปเดตความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพราะความเชี่ยวชาญในโลกดิจิทัลเปลี่ยนไปเร็ว”
A Authoritativeness (อำนาจ) การยอมรับจากภายนอก
อำนาจในที่นี้คือการเป็นที่ยอมรับในวงกว้างจากชุมชนหรืออุตสาหกรรมของคุณ เป็นเหมือน “เสียงส่วนใหญ่” ที่บอกว่าเว็บไซต์ของคุณคือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ Google ใช้ Backlinks (ลิงก์จากเว็บไซต์อื่น) เป็นตัวชี้วัดหลักของ Authoritativeness
สำหรับเว็บไซต์ใหม่
- เน้นการสร้าง Backlinks คุณภาพ (Quality over Quantity) Backlinks จากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเดียวกัน มีพลังมากกว่า Backlinks จากฟอรัมหรือเว็บไดเรกทอรีที่ไม่เกี่ยวข้อง (https://developers.google.com/search/docs/fundamentals/how-search-works)
- สร้างเนื้อหาที่น่าอ้างอิง (Linkable Assets) ทำ Infographics การวิจัยเชิงลึก สถิติเฉพาะอุตสาหกรรม หรือเครื่องมือฟรีที่คนอื่นอยากนำไปอ้างอิงถึง
- การกล่าวถึงทางอ้อม (Mentions) การถูกกล่าวถึงชื่อแบรนด์หรือผู้เขียนในสื่ออื่นๆ แม้จะไม่มีลิงก์กลับมา ก็ยังช่วยเพิ่มอำนาจได้
สรุปใจความ
- Authoritativeness คือการที่คนอื่น (เว็บไซต์อื่น) ยอมรับคุณ
- กลยุทธ์สำคัญคือการทำ Outreach เพื่อขอลิงก์จากเว็บไซต์คุณภาพ
- สร้างเนื้อหาที่ “ต้อง” มีคนมาอ้างอิงถึง เช่น การวิจัยใหม่ๆ
- การเข้าร่วมงานสัมมนาและให้ความรู้ในวงกว้างช่วยเสริมสร้างอำนาจ
T Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ) พื้นฐานของเว็บไซต์ที่ดี
Trustworthiness คือองค์ประกอบที่พื้นฐานที่สุดแต่สำคัญที่สุด มันครอบคลุมตั้งแต่ความปลอดภัยของเว็บไซต์ไปจนถึงความถูกต้องของข้อมูล Google ต้องมั่นใจว่าผู้ใช้จะไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
สำหรับเว็บไซต์ใหม่
- ใช้ HTTPS/SSL เสมอ การเข้ารหัสเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ต้องมีตั้งแต่เริ่มแรก
- มีหน้าสำคัญที่ครบถ้วน ต้องมีหน้า Privacy Policy, Terms and Conditions ที่ชัดเจนและเข้าถึงง่าย
- ข้อมูลติดต่อที่ตรวจสอบได้ (Verifiable Contact Information) มีเบอร์โทรศัพท์ อีเมล และที่อยู่สำนักงานที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
- ความโปร่งใสในข้อมูลผู้เขียน แหล่งที่มา หากข้อมูลมาจากแหล่งอื่น ต้องมีการอ้างอิง (Citation) ที่ชัดเจน
| องค์ประกอบความน่าเชื่อถือ | วิธีการตรวจสอบของ Google | ผลกระทบต่อเว็บไซต์ใหม่ |
| HTTPS | การมีใบรับรอง SSL ที่ใช้งานได้ | บังคับใช้ ไม่มีอันดับที่ดีได้หากไม่มี HTTPS |
| นโยบายสำคัญ | การมีหน้า “Privacy Policy” และ “About Us” | สร้างความมั่นใจว่าเว็บไซต์ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง |
| ความถูกต้องของข้อมูล | มี Citation และมีการอัปเดตข้อมูลเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง | แสดงความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่เผยแพร่ |
“Tips
เว็บไซต์ที่ทำธุรกรรม (E-commerce) ต้องมีนโยบายการคืนสินค้าหรือคืนเงินที่ชัดเจนทำให้ข้อมูลติดต่อมองเห็นง่ายใน Footer และหน้า Contact Us ใช้ Schema Markup เช่น Organization หรือ Person เพื่อบอก Google ว่าคุณเป็นใคร แก้ไขข้อผิดพลาดทางเทคนิค (Technical SEO) และข้อความผิดพลาด (Typo) ทันทีที่พบ”

The Triple-Threat Strategy กลยุทธ์เร่งเครื่อง E-E-A-T
สำหรับเว็บไซต์ใหม่ การทำ E-E-A-T แบบตั้งรับอาจไม่ทันการณ์ แต่เราต้องใช้กลยุทธ์เชิงรุกที่เรียกว่า “The Triple-Threat Strategy”
กลยุทธ์นี้เน้นการสร้างความเชื่อมั่นใน 3 ระดับพร้อมกัน
- Level 1 Internal Proof (พิสูจน์ภายใน) เน้นการเติมเต็ม Experience และ Trustworthiness ภายในเว็บไซต์ของคุณเอง เช่น มีหน้า Author Page นโยบาย HTTPS และเนื้อหาแบบลงมือทำ
- Level 2 External Validation (การรับรองจากภายนอก) เน้นที่ Authoritativeness ผ่านการสร้าง Backlinks และ Mention คุณภาพ โดยการทำ Guest Posting บนเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูงในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- Level 3 Perpetual Update (การอัปเดตต่อเนื่อง) เน้นที่ Expertise โดยการกลับมาอัปเดตเนื้อหาเก่า (Content Refresh) ให้ทันสมัยทุก 3 – 6 เดือน เพื่อแสดงให้ Google เห็นว่าคุณเป็นแหล่งข้อมูลที่ทันยุค
Minimice Group กับการสร้าง E-E-A-T ให้ธุรกิจ Niche
ปัญหา ลูกค้าของ Minimice Group รายหนึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ด้านเทคโนโลยีการแพทย์ (Health-Tech) ซึ่งเป็นกลุ่ม YMYL (Your Money Your Life) ที่ Google เข้มงวดเรื่อง E-E-A-T มาก การทำ SEO แบบปกติไม่สามารถทำให้อันดับขึ้นได้
- E-E-A-T Audit ทีมงานวิเคราะห์ช่องว่าง E-E-A-T พบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นคำนิยาม แต่ขาด Experience และ Expertise ของผู้เขียน
- Expert Content Strategy Minimice Group แนะนำให้ดึงผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ภายในบริษัททุกคนมาเขียนบทความ โดยบังคับให้ใส่ Author Bio ที่มีใบอนุญาตและประสบการณ์ชัดเจน (Expertise & Trustworthiness)
- Data-Driven Experience ทุกบทความด้านเทคโนโลยีต้องมีการอ้างอิงงานวิจัยทางการแพทย์ที่ตีพิมพ์แล้ว (Citation) และมีการนำเสนอ Case Study การใช้เทคโนโลยีนั้นๆ ที่ประสบความสำเร็จ (Experience)
- Authority Building ทีมงานเน้นการทำ Digital PR โดยการส่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ไปยังสื่อสุขภาพชั้นนำ เพื่อให้ได้ Backlinks จากแหล่งข้อมูลที่มี Authoritativeness สูง
ผลลัพธ์ ภายใน 6 เดือน เว็บไซต์ได้รับ Trust Score สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มติดอันดับ Top 3 ในคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงในตลาด Health-Tech เพราะ Google มองว่านี่คือ “แหล่งข้อมูลที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง”
คลังศัพท์น่ารู้สำหรับมือใหม่
- YMYL (Your Money Your Life) เนื้อหาที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ความมั่นคงทางการเงิน ความปลอดภัย หรือความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้ Google เข้มงวดเรื่อง E-E-A-T กับเนื้อหาเหล่านี้เป็นพิเศษ
- Search Quality Rater Guidelines คู่มือที่ Google ใช้ฝึกอบรมผู้ประเมินคุณภาพการค้นหา (Raters) ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของแนวคิด E-E-A-T (https://static.googleusercontent.com/media/guidelines.raterhub.com/th/assets/searchqualityevaluatorguidelines.pdf)
- Author Schema Markup โคดที่ใส่เข้าไปใน HTML ของเว็บไซต์เพื่อระบุว่าใครคือผู้เขียนบทความและแสดงข้อมูลของผู้เขียนนั้นๆ ต่อ Google โดยตรง
- Backlinks ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์อื่นชี้มายังเว็บไซต์ของคุณ ถือเป็น “คะแนนเสียง” ที่แสดงถึง Authoritativeness

สิ่งที่ต้องทำทันทีเพื่อ E-E-A-T
Checklist ทำ E-E-A-T สำหรับเว็บไซต์ใหม่
- ติดตั้ง SSL/HTTPS ให้เรียบร้อย
- สร้างหน้า About Us, Contact Us, Privacy Policy และ Terms of Service ให้ครบถ้วน
- ระบุชื่อผู้เขียน (Author) ที่มีตัวตนจริงในทุกบทความ
- สร้าง Author Bio Page ที่ระบุความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ของผู้เขียนอย่างชัดเจน
- ปรับเนื้อหาเก่าให้มีองค์ประกอบ Experience (เช่น รูปจริง วิดีโอจริง ขั้นตอนทำเอง)
- ตรวจสอบ Citation และแหล่งอ้างอิงทุกครั้งที่เขียนข้อมูลเชิงสถิติหรือวิชาการ
- เริ่มวางแผนการทำ Content Outreach เพื่อให้ได้ Backlinks คุณภาพ
สรุป
การทำ E-E-A-T ไม่ใช่แค่เทคนิค SEO ชั่วคราว แต่คือ การสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับธุรกิจออนไลน์ของคุณ ในระยะยาว มันคือการปรับมุมมองจากการเป็นแค่ “เว็บไซต์” ไปสู่การเป็น “แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ที่สุด” ในสายตาของผู้คนและ Algorithm ของ Google
สำหรับเว็บไซต์ใหม่ การทำ E-E-A-T คือการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก แต่ถ้าทำได้สำเร็จ ผลลัพธ์คือการจัดอันดับที่ยั่งยืน Traffic ที่มีคุณภาพ และความน่าเชื่อถือที่นำไปสู่ยอดขายจริง
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นวางโครงสร้าง E-E-A-T ที่ซับซ้อนนี้อย่างไร หรือต้องการทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถนำกลยุทธ์เชิงรุกอย่าง The Triple-Threat Strategy ไปปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราพร้อมช่วยเหลือ
พร้อมที่จะเปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่ของคุณให้เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นมิตรกับ Google แล้วหรือยัง?เริ่มต้นปรึกษากลยุทธ์ E-E-A-T และ Digital Marketing แบบครบวงจรได้ที่ Minimice Group วันนี้
FAQs คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ E-E-A-T
เว็บไซต์เล็กๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงจะทำ E-E-A-T ได้อย่างไร?
เว็บไซต์เล็กๆ ควรเน้นไปที่ E ตัวแรกคือ Experience ก่อนเป็นอันดับแรก ให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche) ของคุณเอง สร้างเนื้อหาที่ไม่มีใครมีได้ เช่น การทดลอง การใช้สินค้า การรีวิวแบบเจาะลึกที่อิงจากประสบการณ์ตรง เมื่อคุณทำเนื้อหาที่ “ดีที่สุด” ในหัวข้อนั้นๆ ได้ Authority จะตามมาเอง
E-E-A-T สำคัญกว่าการทำ On-Page SEO หรือไม่?
ไม่เชิง E-E-A-T เป็นส่วนหนึ่งของ On-Page SEO ที่เน้นไปที่คุณภาพของเนื้อหาและผู้เผยแพร่ ในขณะที่ On-Page SEO อื่นๆ เน้นที่โครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็ว และการใช้คีย์เวิร์ด การทำ SEO ที่ดีที่สุดต้องทำทั้งสองส่วนพร้อมกัน
สามารถสร้างผู้เขียนปลอมเพื่อเพิ่ม Expertise ได้ไหม?
ไม่แนะนำ Google มีความสามารถในการตรวจสอบความเชื่อมโยงของชื่อผู้เขียน ข้อมูลติดต่อ และประวัติการทำงานผ่านเครื่องมือต่างๆ หากตรวจพบว่าผู้เขียนไม่มีตัวตนจริง (Fictitious Author) จะส่งผลเสียต่อ Trustworthiness อย่างรุนแรง
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่า E-E-A-T จะส่งผลต่ออันดับ?
การเปลี่ยนแปลงด้าน E-E-A-T มักจะเห็นผลเมื่อ Google มีการอัปเดตแกนหลัก (Core Update) ซึ่งอาจใช้เวลา 3 – 6 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม การปรับปรุง Trustworthiness (HTTPS และ นโยบาย) จะเห็นผลเร็วกว่า
E-E-A-T มีผลกับทุกเว็บไซต์ไหม หรือแค่ YMYL?
E-E-A-T มีผลกับทุกเว็บไซต์ แต่จะมีความสำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ YMYL (สุขภาพ การเงิน) อย่างไรก็ตาม Google แนะนำให้ทุกเว็บไซต์พยายามแสดง E-E-A-T ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
Backlinks ที่ซื้อมาช่วยทำ Authoritativeness ได้ไหม?
การซื้อ Backlinks ที่ไม่มีคุณภาพหรือมาจาก PBNs (Private Blog Networks) จะไม่ช่วย และอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษ (Penalty) ได้ ควรเน้นการสร้างลิงก์ด้วยเนื้อหาคุณภาพ (Editorial Backlinks) เท่านั้น
ควรจ้างนักเขียนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญมาเขียนบทความหรือไม่?
หากคุณจ้างนักเขียน แต่เนื้อหานั้นถูกตรวจสอบ (Fact-Checked) และรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญภายในของคุณเอง (Subject Matter Expert) ก็สามารถทำได้ โดยชื่อผู้เชี่ยวชาญควรเป็นผู้ที่ปรากฏเป็น Author
หน้า About Us ต้องใส่อะไรบ้างเพื่อช่วย E-E-A-T?
ควรอธิบายพันธกิจ วิสัยทัศน์ ประวัติบริษัทหรือทีมงาน และที่สำคัญที่สุดคือ หลักฐานความสำเร็จ หรือ การรับรอง วุฒิบัตร ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณ
E-E-A-T เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ในปี 2026 อย่างไร?
ในปี 2026 AI Search Engine อย่าง SGE (Search Generative Experience) จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น AI จะเลือกใช้ข้อมูลจากแหล่งที่ “เชื่อถือได้สูงสุด” (Highest E-E-A-T Score) ในการสร้างคำตอบ ทำให้ E-E-A-T เป็นตัวชี้วัดความอยู่รอดทาง SEO
ควรใช้ Social Media เพื่อช่วย E-E-A-T ได้อย่างไร?
การมีโปรไฟล์โซเชียลมีเดียที่ Active และมีการปฏิสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับเนื้อหาบนเว็บไซต์ ช่วยยืนยันว่าแบรนด์หรือผู้เขียนมีตัวตนจริง (Trustworthiness) และมีส่วนร่วมในชุมชน (Authoritativeness)



