Hreflang Tag เป็นอีกสิ่งที่มีความสำคัญต่อการทำ SEO เพราะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ Google เข้าใจว่าในเว็บไซต์ของเรานั้นมีภาษาอะไรบ้าง และทำให้ Google วิเคราะห์ได้ว่าภาษา และเนื้อหาที่มีอยู่ภายในเว็บไซต์ของเราตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือไม่ และควรแสดงให้ผู้ใช้งานกลุ่มไหนเห็นบ้าง จึงทำให้การทำ SEO ของเราตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในบทความนี้ทาง Minimice Group จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Hreflang ว่าคืออะไร และมีความสำคัญต่อการทำ SEO มากแค่ไหน รวมถึงวิธีการติด และข้อควรระวังในการติด Hreflang SEO ที่ทุกคนควรรู้ไว้!
![hreflang tag คืออะไร](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/3-23-1-1024x536-1.webp)
Hreflang Tag คืออะไร? หน้าตาเป็นอย่างไร?
Hreflang หรือ Hypertext Reference Language คือ แท็กชนิดหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับ HTML5 ที่เป็นตัวช่วยระบุภาษาของเว็บไซต์ เพื่อให้ Google สามารถรู้ว่าภายในเว็บไซต์เรารองรับภาษาอะไรบ้าง ทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีภาษาที่ผู้ใช้งานค้นหาหรือไม่ รวมถึงเนื้อหานั้นมีความชัดเจนและตรงกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากเว็บไซต์ของเรามีภาษาและเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับ SEO อันดับแรกๆ ได้ง่ายมากขึ้น
โดย Hreflang นั้นจะมีรูปแบบ ดังนี้
<link rel=”alternate” hreflang=”x” href=”https://example.com/alternate-page” />
ซึ่งความหมายของโค้ดแต่ละส่วนของ Hreflang มีดังนี้
- link rel=”alternate” คือ แท็กที่ทำให้หน้าเว็บไซต์ หรือเพจนั้นๆ เป็นเวอร์ชันสำรอง เพื่อที่จะนำไปใส่ Hreflang Tag ให้เป็นอีกภาษา
- hreflang=”x” คือ แท็กที่จะเปลี่ยนให้เป็นภาษาอื่นๆ ด้วยการใส่ตัวย่อของภาษานั้นๆ แทนที่ “X” ยกตัวอย่างเช่น hreflang=”en” ก็จะเป็นภาษาอังกฤษ หรือ hreflang=”es” ก็จะเป็นภาษาสเปน เป็นต้น
- href=”https://example.com/alternate-page” คือ แท็กที่ระบุ URL ที่จะนำผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บไซต์ๆ นั้นที่เป็นเวอร์ชันสำรอง
ดังนั้น เมื่อมีการใส่โค้ดของ Hreflang เข้าไปแล้ว จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถไปยังหน้าเว็บไซต์ของเราที่เป็นภาษานั้นๆ ได้ทันที
![website แบบไหนต้องติด hreflang tag](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/3-23-2-1024x536-1.webp)
Website แบบไหนต้องติด Hreflang Tag บ้าง?
การติด Hreflang Tag นั้นเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีหลากหลายภาษา เพราะ Hreflang เป็นตัวช่วยระบุภาษา ทำให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google รู้ได้ว่าเว็บไซต์ของเราสามารถรองรับภาษาอะไรได้บ้าง เนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่ ถ้าหากมีภาษาตรงกับตำแหน่งที่ตั้งหรือภาษาที่ตั้งค่าไว้บนอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน รวมถึงมีเนื้อหาตรงตามที่ผู้ใช้งานต้องการ จะทำให้ Google แสดงเว็บไซต์ของเราที่เป็นภาษานั้นๆ ให้ตรงกับที่ผู้ใช้งานค้นหา เช่น ผู้ใช้งานอยู่ที่ประเทศจีน ตั้งค่าภาษาของอุปกรณ์เป็นภาษาจีน หรือค้นหาด้วยภาษาจีน และในเว็บไซต์ของเรานั้นมีการติด Hreflang Tag เป็นภาษาจีนไว้ พร้อมกับมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์การค้นหา จะทำให้ Google แสดงผลการค้นหาเว็บไซต์ของเราในหน้านั้นๆ ที่เป็นภาษาจีนให้กับผู้ใช้งานตามที่ได้ติดแท็กไว้นั่นเอง
![](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/3-23-3-1024x536-1.webp)
Hreflang Tag สำคัญในการทำ SEO มากแค่ไหน?
หลาย ๆ คนที่ทำ SEO หรือเพิ่งเริ่มต้นทำ SEO อาจจะไม่ได้ติด Hreflang ใน SEO เพราะยังไม่รู้ว่าการติด Hreflang Tag มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร และมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน จึงทำให้มองข้ามในเทคนิคนี้ไป โดยการติด Hreflang Tag สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของเรารองรับได้หลายภาษา โดย Hreflang Tag มีการแยกลิงก์และเนื้อหาออกมาเป็นของภาษานั้นๆ ทำให้ Google แสดงเว็บไซต์ของเราขึ้นมา เพื่อพาผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บไซต์ที่เป็นภาษานั้นๆ ได้โดยตรงและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้หลากหลายมากกว่า
ซึ่งการติด Hreflang Tag นั้นสามารถช่วยให้เราไม่ต้องมานั่งเสียเวลาในการแปลเว็บไซต์ของเราทีละหน้า และไม่ต้องกังวลว่าบทความหรือคอนเทนต์ที่เราทำไปจะเป็นการทำบทความซ้ำ หรือที่เรียกกันว่าการ Duplicate ที่อาจทำให้ Google เข้าใจผิดได้ว่าเป็นการคัดลอกกันมา ทำให้ดันเพียงหน้าใดหน้าหนึ่งให้ติดอันดับเพียงหน้าเดียว
นอกจากนั้นการใส่ Hreflang ยังช่วยลดโอกาสในการกดออกจากหน้าเว็บไซต์ของเราน้อยลง เพราะ Google ได้ดันอันดับเว็บไซต์ของเราที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหาไว้ในหน้า SERP (Search Engine Results Page) เมื่อเราลดปัญหาในการกดออกได้ จะทำให้คะแนนที่ได้จากเว็บไซต์ภาษาอื่นๆ ที่เป็นเวอร์ชันสำรอง ส่งมายังเว็บไซต์หลัก จะทำให้มีโอกาสในการติดอันดับ SEO ได้ง่ายมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการติด Hreflang Tag ถึงมีความสำคัญในการทำ SEO
![วิธีการติด hreflang tag ที่ถูกต้อง](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/3-23-4-1024x536-1.webp)
วิธีการติด Hreflang Tag ที่ถูกต้องทำอย่างไร?
การติด Hreflang Tag ต้องทำการติดให้ถูกต้อง เพื่อให้โค้ดสามารถระบุภาษาแบบที่เราต้องการได้ และสามารถนำไปใช้งานได้จริง สำหรับใครที่อยากลองติด Hreflang Tag แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี สามารถทำตามวิธีการติด Hreflang Tag ที่ถูกต้องแบบง่าย ๆ ได้ ดังนี้
- HTML Tags เป็นวิธีการติดตั้ง Hreflang Tag ด้วยการใช้ภาษา HTML ซึ่งเป็นการติดตั้งที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากที่สุด โดยทำการติดตั้งโค้ดลงไปในส่วน <Head> ของโค้ด HTML ในหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ที่เราต้องการระบุภาษาเพิ่มเข้าไป ยกตัวอย่างเช่น
- ภาษาอังกฤษ : https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/ เป็น URLs ที่หน้าเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ และใช้โค้ด Hreflang Tag ใส่ลงไปในส่วน <Head> ของโค้ด HTML ดังนี้
<link rel=”alternate” hreflang=”en”href=”https://www.minimicegroup.com/blog/zh/digital-marketing-agency/” /> - ภาษาจีน : https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/ เป็น URLs ที่หน้าเว็บไซต์เป็นภาษาจีน และใช้โค้ด Hreflang Tag ใส่ลงไปในส่วน <Head> ของโค้ด HTML ดังนี้
<link rel=”alternate” hreflang=”en”href=”https://www.minimicegroup.com/blog/zh/digital-marketing-agency/” />
ซึ่งสังเกตได้ว่า ถ้าหากต้องการระบุภาษาของหน้าเว็บไซต์เรานั้นให้เป็นภาษาอะไร ให้ทำการใส่ตัวย่อของภาษานั้นๆ เข้าไปใน URLs และ Hreflang Tag ให้ถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสในการติดอันดับ SEO มากขึ้นแล้ว
- HTTP Headers เป็นวิธีการติดตั้ง Hreflang Tag ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ภาษา HTML ได้ เช่น หน้าเว็บไซต์ที่เป็น PDF ซึ่งจะเปลี่ยนมาใส่ Hreflang ในส่วนของ HTTP Headers แทน เพื่อให้หน้าเว็บไซต์ที่เป็น PDF นั้นยังสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ โดยตัวอย่างของการติดตั้งโค้ดลงไปในส่วน HTTP Headers มีดังนี้
- ภาษาอังกฤษ : <https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency.pdf>; และสามารถใส่โค้ด Hreflang ดังนี้ rel=”alternate”;hreflang=”en” ต่อท้ายได้เลย
- ภาษาจีน : <https://www.minimicegroup.com/blog/zh/digital-marketing-agency.pdf>; และสามารถใส่โค้ด Hreflang ดังนี้ rel=”alternate”;hreflang=”zh” ต่อท้ายได้เลย
ซึ่งการใส่ Hreflang Tag ด้วย HTTP Headers สามารถใช้กับเว็บไซต์ปกติได้เช่นกัน แต่เหมาะกับการใช้กับเว็บไซต์แบบอื่นๆ มากกว่า เช่น PDF ตามที่ยกตัวอย่างไปข้างต้น
- Sitemap เป็นวิธีการติดตั้ง Hreflang Tag ใน Sitemap ของเว็บไซต์เรา ด้วยการใช้ภาษา HTML เช่นกัน แต่มีวิธีการติดตั้งที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น เว็บไซต์ของเราเป็นภาษาอังกฤษ และต้องการเพิ่มภาษาจีนไปด้วย โค้ดที่จะใส่ใน Sitemap ก็จะเป็นดังนี้
<url>
<loc>https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/</loc>
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”x-default” href=”https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/” />
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”en” href=”https://www.minimicegroup.com/blog/en/digital-marketing-agency/” />
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”zh” href=”https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/” />
</url>
<url>
<loc>https://www.minimicegroup.com/blog/zh/digital-marketing-agency/</loc>
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”x-default”
href=”https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/” />
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”en” href=”https://www.minimicegroup.com/blog/digital-marketing-agency/” />
<xhtml:link rel=”alternate” hreflang=”zh” href=”https://www.minimicegroup.com/blog/zh/digital-marketing-agency/” />
</url>
อะไรคือ hreflang=”X-default”?
Hreflang=”X-default” คือ แท็กที่นำมาใส่ไว้เป็นทางเลือกให้กับเว็บไซต์ของเรา โดยแท็กนี้ใส่ไว้เผื่อในกรณีที่เว็บไซต์ของเราไม่มีตัวเลือกภาษาที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ หากเกิดกรณีนี้ขึ้นมา ทาง Google จะแสดงผลลัพธ์เป็นหน้าแรกหรือหน้าเว็บไซต์เดิมที่เป็นต้นฉบับให้กับผู้ใช้งานแทน
โดยการติดโค้ด Hreflang=”X-default” นั้นจะติดไว้ในส่วนของ Tag Head ของโค้ด HTML ในหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ของเราที่รองรับมากกว่า 1 ภาษา ถ้าหากเว็บไซต์มีภาษาอื่นๆ ก็จะใส่ภาษาอื่นๆ ก่อน และค่อยวางโค้ดดังกล่าวไว้อันล่างสุด เพื่อให้หน้าเว็บไซต์ต้นฉบับแสดงผลขึ้นมา หรือพาผู้ใช้งานไปยังหน้าหลัก เมื่อภาษาของเว็บไซต์เรานั้นไม่แมตช์กับภาษาของผู้ใช้งานได้นั่นเอง
![ข้อควรระวังในการติด hreflang tag](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/3-23-5-1024x536-1.webp)
ข้อควรระวังในการติด Hreflang Tag
ถึงแม้ว่าการติด Hreflang Tag นั้นจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในการติด Hreflang สำหรับทำ SEO ดังนี้
- การใช้เครื่องหมายขีดล่าง (Underscore) แทนขีดกลาง (Dash)
- ใช้รหัสภาษาให้ถูกต้องเสมอ เช่น en (ภาษาอังกฤษ) zh (ภาษาจีน) หรือ th (ภาษาไทย) เป็นต้น
- ถ้าหากใช้รหัสประเทศ ต้องใช้รหัสภาษาควบคู่ด้วยเสมอ เช่น hreflang=”en-US” เป็นต้น
- ระวังเว็บไซต์เปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าเว็บไซต์หลักหรือต้นฉบับของหน้านั้นๆ โดยอัตโนมัติ
- ไม่มีการยืนยันลิงก์ระหว่างลิงก์ A และลิงก์ B ว่าเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว
- ไม่มีหน้าลิงก์ส่งกลับมา เช่น ลิงก์ A ลิงก์ไปยังลิงก์ B แล้ว แต่ลิงก์ B ไม่ลิงก์กลับมา
โดยข้อควรรระวังทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนที่กำลังจะทำการติดตั้ง Hreflang Tag ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนอาจมองข้ามความสำคัญ และยังเป็นตัวการที่ทำให้เว็บไซต์ของเราโดน Google มองข้ามไปได้อีกด้วย
สรุป
หลังจากทำความรู้จักกันไปแล้วว่า Hreflang Tag เป็นแท็กชนิดหนึ่งของ HTML5 ที่ช่วยระบุภาษาของเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นสามารถรองรับได้หลากหลายภาษามากขึ้นและทำให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้กว้างขึ้น จึงเป็นอีกตัวช่วยที่สำคัญในการทำ SEO โดยการทำ Hreflang SEO มีวิธีการติดตั้งที่ไม่ยาก ผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO ก็สามารถทำได้ แต่มีข้อควรระมัดระวังในการใช้ Hreflang บนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องหมาย การระบุรหัสภาษา หรือรหัสประเทศ รวมถึงการลิงก์ไป-กลับระหว่างหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น ดังนั้น หากอยากจะติด Hreflang ก็ต้องศึกษาวิธีการติดตั้งให้ดีก่อน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ในด้านของ SEO อย่างชัดเจนมากที่สุด
หากใครที่สนใจเรียนรู้การทำ SEO เพิ่มเติม ทาง Minimice ของเรายังมีบทความ SEO อีกมากมายให้คุณได้เรียนรู้ที่ MINIMICE JOURNAL – SEO BLOG คลังความรู้ SEO ที่จะช่วยให้การทำ SEO ของคุณง่ายและได้ผลดีมากยิ่งขึ้น
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Hreflang Tag คืออะไร?
Hreflang หรือ Hypertext Reference Language คือ แท็กชนิดหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับ HTML5 ที่เป็นตัวช่วยระบุภาษาของเว็บไซต์ เพื่อให้ Google สามารถรู้ว่าภายในเว็บไซต์เรารองรับภาษาอะไรบ้าง ทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ของเรามีภาษาที่ผู้ใช้งานค้นหาหรือไม่ รวมถึงเนื้อหานั้นมีความชัดเจนและตรงกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน
Website แบบไหนต้องติด Hreflang Tag บ้าง?
การติด Hreflang Tag นั้นเหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีหลากหลายภาษา เพราะ Hreflang เป็นตัวช่วยระบุภาษา ทำให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google รู้ได้ว่าเว็บไซต์ของเราสามารถรองรับภาษาอะไรได้บ้าง เนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่
Hreflang Tag สำคัญในการทำ SEO มากแค่ไหน?
การติด Hreflang Tag สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของเรารองรับได้หลายภาษา โดย Hreflang Tag มีการแยกลิงก์และเนื้อหาออกมาเป็นของภาษานั้น ๆ ทำให้ Google แสดงเว็บไซต์ของเราขึ้นมา เพื่อพาผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บไซต์ที่เป็นภาษานั้น ๆ ได้โดยตรงและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้หลากหลายมากกว่า