Ahrefs สุดยอดเครื่องมือสำหรับทำ SEO ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

Ahrefs สุดยอดเครื่องมือสำหรับทำ SEO ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

Table of Contents

หากพูดถึงเครื่องมือ SEO ต้องบอกเลยว่ามีให้เลือกมากมาย ทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย หนึ่งในเครื่องมือ SEO ที่เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกการใช้งาน พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย คงหนีไม่พ้นเครื่องมือ SEO อย่าง Ahrefs ที่ช่วยให้คุณวางแผน ติดตามผล รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับสวยๆ บน Google ได้ บทความนี้จะพาไปดูว่า Ahrefs คืออะไร ใช้งานอย่างไร และมีประโยชน์ต่อการทำ SEO มากแค่ไหนกัน!

ทำความรู้จัก Ahrefs คืออะไร

ทำความรู้จัก Ahrefs คืออะไร

Ahrefs คือ เครื่องมือ SEO ยอดนิยม แบบ all-in-one ครบ จบ ครอบคลุมทุกฟังก์ชันการใช้งาน มีความสามารถที่หลากหลาย และยังเป็นเครื่องมือที่ถูกแนะนำให้ใช้มากที่สุด จากเหล่าผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO

Ahrefs เป็นที่รู้จักในช่วงแรกๆ ว่าเป็นเครื่องมือตรวจเช็ก backlinks เพราะมีฐานข้อมูลของลิงก์ที่ใหญ่ที่สุด และมีสิ่งที่เรียกว่า AhrefsBot สุดแอคทีฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็น web crawler อย่างขะมักเขม้น เดินท่องไปยังเว็บต่างๆ เพื่อรวบรวม ประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน แต่ AHREFS ไม่ได้มีดีแค่นี้ ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่ช่วยติดตามผลการจัดอันดับ หรือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดอีกด้วย

เครื่องมือสำคัญของ Ahrefs

เครื่องมือสำคัญของ Ahrefs

Ahrefs เป็นตัวช่วยในการทำ SEO ที่มีเครื่องมือมากมาย เครื่องมือสำคัญที่ถือเป็นตัวชูโรงของ Ahrefs มีด้วยกัน 5 เครื่องมือหลักๆ ดังนี้

1. Site Explorer

Site Explore เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณรู้เท่าทันคู่แข่ง โดยการหาข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับของคู่แข่ง ทั้งแบบ organic traffic (ผู้เข้าชมเว็บไซต์แบบไม่เสียค่าโฆษณา) และ paid traffic (ผู้เข้าชมเว็บไซต์แบบไม่เสียค่าโฆษณา) ซึ่งประโยชน์ตรงนี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้คนกำลังสนใจอะไร และมองหาอะไรอยู่นั่นเอง

ความสามารถของเครื่องมือ Site Explorer ใน Ahrefs คือ มีการคอยติดตาม จับตามองคีย์เวิร์ดจำนวนหลายร้อยล้านคีย์เวิร์ด ซึ่งตัวระบบคอยทำให้ข้อมูล organic traffic ของเว็บไซต์บน Google น่าเชื่อถือได้อีกด้วย นอกจากนี้ Site Explorer ยังมีการวิเคราะห์ backlinks เปรียบเทียบกับเว็บไซต์คู่แข่ง จึงช่วยให้คุณสามารถประเมินผลคุณภาพ backlinks ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Keyword Explorer

คีย์เวิร์ด หนึ่งในองค์ประกอบหลักของการทำ SEO แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคีย์เวิร์ดไหนที่ใช่? Keyword Explorer จะช่วยแนะนำคีย์เวิร์ด แบบที่ว่ามีให้เลือกแบบจุใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีไอเดียในการหาคีย์เวิร์ดกันเลย พร้อมกับข้อมูลการคาดการณ์ traffic โดยดูจากความบ่อยครั้งที่คีย์เวิร์ดถูกค้นหา แถมยังอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ทุกเดือน ผ่าน 10 search engines นอกเหนือจาก Google เช่น Amazon, YouTube, Bing เป็นต้น

Keyword Explorer ใน Ahrefs ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความยากของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty Score) อีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าคีย์เวิร์ดนี้จะมีความยากง่ายแค่ไหนที่จะติดอันดับบนหน้าค้นหา โดยพิจารณาจากเว็บที่ติดอันดับ รวมไปถึงฟังก์ชันสุดพิเศษที่ให้ข้อมูลเกี่ยวคีย์เวิร์ดที่เรียกยอดคลิก ตรงนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้

3. Site Audit

Site Audit เครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ ในการตรวจสอบสุขภาพเว็บไซต์ Ahrefsbot จะไป crawl เว็บไซต์ของเราเพื่อหาว่ามีข้อมูลตรงไหนที่ขาดหายไป ลิงก์เสีย เนื้อหาซ้ำ ปัญหาเว็บเพจโหลดช้า และอื่นๆ ไม่เพียงเท่านั้นยังนำเสนอวิธีแก้ไขให้อีกด้วย ถ้าไม่มีเครื่องมือตัวนี้ แล้วคุณต้องลงมือหาข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเว็บไซต์คุณด้วยตัวเอง คุณคงเกิดอาการท้อไปเสียก่อนแน่นอน

การเช็กสุขภาพเว็บไซต์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการแสดงผล และการจัดอันดับบน search engines ได้เลย Site Audit จึงถือเป็นตัวช่วยที่ทุ่นทั้งแรงและเวลาให้กับคนทำ SEO ได้อย่างดีเลยแหละ

4. Rank Tracker

Rank Tracer เป็นเครื่องมือที่ช่วยรายงานผลการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณบน Google ทั้งบนมือถือ และ Desktop แบบรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน คุณสามารถดูได้ว่ามียอดคลิกเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนเท่าไร Rank Tracker ยังให้คุณเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างเว็บไซต์ของคุณ และคู่แข่งได้ เพียงป้อนคีย์เวิร์ดลงไป พร้อมกับเลือกประเทศได้แบบไม่จำกัด และจบที่การคัดลอก URLs ของคู่ลงไป เท่านี้ Rank Tracker ก็จะรายงานผลให้คุณอย่างสม่ำเสมอ

Rank Tracker สำคัญมากสำหรับการทำ SEO เพราะมันคอยช่วยรายงานผลการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้คุณสามารถวางแผน และพัฒนาการจัดอันดับของเว็บไซต์ได้

5. Content Explorer

Content Explorer คือผู้ช่วยนำเสนอไอเดียในการสร้างคอนเทนต์จากฐานข้อมูลของ Ahrefs กว่า 14 พันล้านเว็บเพจเลยทีเดียว ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาคีย์เวิร์ดที่ต้องการ จากนั้นระบบก็จะแสดงผลคอนเทนต์เกี่ยวข้องที่ได้รับความนิยม และมีการแชร์มากที่สุดออกมา ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยให้เราเห็นว่าเทรนด์ในตอนนี้เป็นอย่างไร ผู้คนกำลังสนใจอะไรอยู่ เพื่อที่คุณจะสามารถผลิตคอนเทนต์คุณภาพที่ตรงใจผู้บริโภคได้นั่นเอง

ค่าใช้จ่ายของเครื่องมือ Ahrefs

ค่าใช้จ่ายของเครื่องมือ Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO ที่มีทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่าในเวอร์ชั่นเสียเงินนั้น เราสามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่หลากหลาย ครอบคลุมกว่า ทำให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยแผนการใช้จ่ายแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้

  • Lite $99 ต่อเดือน แผนการใช้งานในราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 99 ดอลล่าร์สหรัฐ เหมาะสำหรับธุรกิจเล็กๆ หรือโปรเจ็กงานอดิเรก ฟีเจอร์ที่จะได้ในแพคเกจนี้ก็จะมี SEO Dashboard, Site Explorer, Keywords Explorer, SERP comparison, Site Audit, Rank Tracker และ Alerts
  • Standard $199 ต่อเดือน เหมาะสำหรับคนทำ SEO ฟรีแลนซ์ และที่ปรึกษาการตลาด ตัว Standard นี้ ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงการใช้งานที่มีใน Lite ได้หมดทุกตัว และที่มีเพิ่มขึ้นมาก็ประกอบไปด้วย Portfolios, Position history chart, SERP updates, Site Explorer, Alerts, Mentions, Batch Analysis, และ Reports sharing
  • Advanced $399 ต่อเดือน ในระดับนี้จะมีเครื่องมือเพิ่มเติม ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานของทีมการตลาด ฟีเจอร์ที่ได้ก็จะเพิ่มเติมจากตัว Standard อย่างเช่น Site Explorer (Site Structure,HTML history), Site Audit (HTTP authentication), Looker Studio และ Web Explorer
  • Enterprise  $999 ต่อเดือน แผนนี้เหมาะสำหรับเอเจนซี่และธุรกิจ ซึ่งตัวนี้จะได้ฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Advanced มี และได้ฟีเจอร์ Access management, Pay by invoice, Directory listingAudit log, API และ SSO เพิ่มเติมมาอีกด้วย

ประโยชน์ของ Ahrefs

ประโยชน์ของ Ahrefs กับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล

ต้องยอมรับเลยว่าการมีเครื่องมือ SEO เจ๋งๆ สักตัวเอาไว้ใช้งานช่วยในการทำ SEO ของเราง่ายขึ้นไปอีกหลายเท่าเลย แต่หลายๆ คนอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่า Ahrefs มีประโยชน์มากแค่ไหนกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล หลักๆ คือ Ahrefs

เป็นเครื่องมือ SEO ที่ครบครันและครอบคลุมแทบทุกฟังก์ชันการใช้งาน มีประสิทธิภาพสูงที่จะช่วยให้นักการตลาดออนไลน์ หรือธุรกิจวางแผนกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

แต่ถ้าใครยังไม่มีเวลาทำเอง หรือยังไม่มั่นใจว่าจะใช้เครื่องมือได้ถูกต้อง ก็สามารถให้ Minimice ช่วยได้ เพราะเราเป็นบริษัทเอเจนซีที่เชี่ยวชาญการตลาดดิจิทัลและการทำ SEO โดยเฉพาะ สามารถช่วยให้บริษัท หรือธุรกิจของคุณดีขึ้นได้ เพราะเราทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร โดยมีทีมงานคุณภาพที่พร้อมช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย

ทำไมธุรกิจถึงควรใช้ Ahrefs

ทำไมธุรกิจถึงควรใช้ Ahrefs

การที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ต้องไม่ลืมที่จะใส่ใจในการทำ SEO อย่างจริงจัง การมีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้น ซึ่ง Ahrefs นี่เองที่สามารถช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการทำ SEO ได้

มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุม และใช้งานง่าย

อย่างที่บอกไปแล้วว่า Ahrefs คือเครื่องมือแบบ all-in-one ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันอย่าง Site Exploere, Site Audit, Keyword Explorer, Rank Tracker และ Content Explorer ใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดาย เหมาะกับคนที่มองหาเครื่องมือ SEO แบบจบในที่เดียว

ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ SEO อย่างละเอียด

นอกจากฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายแล้ว Ahrefs ยังให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ SEO ได้อย่างละเอียด เพราะเครื่องมือนี้มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งเลยก็ว่าได้ ช่วยให้คุณวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ของตัวเอง และคู่แข่งได้อย่างหลากหลาย ครบครัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการวางกลยุทธ์ SEO

มีการปรับปรุง และอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

Ahrefs มี การปรับปรุงและอัปเดทฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะการทำ SEO เราต้องมีการพัฒนาอัปเดตให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ไม่งั้นจะตามคนอื่นไม่ทัน แน่นอนว่าส่งผลเสียให้กับการทำ SEO ของเราอย่างแน่นอน

มีบริการดูแลลูกค้า หรือผู้ใช้งานเป็นอย่างดี

โปรดักส์ดีแต่บริการหลังการขายห่วย อย่างนี้ก็ไม่เอานะ Ahrefs ไม่ได้ดีแค่ชื่อเพราะเขามีบริการดูแลลูกค้า หรือผู้ใช้งานอย่างดี Ahrefs มีทีมที่คอยตอบปัญหาให้แก่ผู้ใช้งาน และช่วยเหลือผู้ใช้งานหน้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับ การใช้งาน Ahrefs

ข้อจำกัดของเครื่องมือ Ahrefs

ข้อจำกัดของเครื่องมือ Ahrefs

แม้ Ahrefs จะสามารถช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในการทำ SEO ได้ และมีข้อดีมากมาย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง มาดูกันว่า ข้อจำกัดเหล่านั้นจะเป็นอะไร และส่งผลอย่างไรบ้างต่อการทำธุรกิจ

ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของ Ahrefs ค่อนข้งสูง หากต้องการใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชันก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายหนักอยู่เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นปัญหากับผู้เริ่มต้นทำ SEO และยังมีงบที่จำกัด

ฟีเจอร์และข้อมูลที่ซับซ้อน ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น

ด้วยความที่ Ahrefs ครอบคลุมทุกการใช้งาน ฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะเยอะมาก ทำให้คนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งานอาจเกิดอาการสับสน ทำให้ไม่สามารถใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ข้อมูลอาจจำกัดในบางประเทศ

Ahrefs สนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลของหลายๆ ประเทศ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างในบางประเทศ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งสาเหตุก็มาจากในบางประเทศ SEO เพิ่งจะได้รับความนิยมนั่นเอง

ตัวเลือกอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับ Ahrefs

ตัวเลือกอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับ Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO ยอดนิยม ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบนหน้า Google แต่เครื่องมือ SEO ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ Ahrefs แต่ยังมีเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมาย ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป ให้คุณได้เลือกใช้งานตามความต้องการ

  • SEMRush – เครื่องมือ SEO แบบ all-in-one อีกตัวที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ Ahrefs SEMRush มีฟีเจอร์ที่ครบครัน ใช้งานได้แบบครบเครื่อง แต่ขอแอบกระซิบว่าราคาก็แรงไม่แพ้ Ahrefs
  • Google Search Console – Google Search Console เป็นเครื่องมือ SEO ที่สามารถใช้งานได้แบบฟรีๆ สามารถช่วยตรวจสุขภาพเว็บไซต์ รายงานข้อผิดพลาดต่างๆ และรายงานการจัดอันดับ
  • Moz – Moz เครื่องมือ SEO ที่ช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ และมีฟีเจอร์ต่างๆ ให้เลือกใช้งาน แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่า Ahrefs ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของแต่ละบุคคล และธุรกิจ
  • Answer the Public – Answer the Public เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกว่าลูกค้าของคุณต้องการอะไร ช่วยค้นหา niche และคีย์เวิร์ดที่จะเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ รวมทั้งช่วยสร้างไอเดียในการผลิตคอนเทนต์ให้ตรงใจผู้บริโภคได้มากขึ้น
  • Ubersuggest – เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO ที่ให้คุณใช้งานได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยวิเคราะห์เว็บไซต์ของเราและคู่แข่ง เพื่อวางกลยุทธ์ในการสร้างคอนเทนต์ที่จะช่วยเพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์
  • SERPstat – SERPstat คือ เครื่องมือ SEO all=in-one อีกตัว ที่มีฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่ Rank Tracking, Backlink Analysis, Keyword Research, Site Audit และ Competitor Research

สรุป

Ahrefs คือเครื่องมือ SEO ที่ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO ทั้งหมด เช่น Site Exploere, Site Audit, Keyword Exploerer, Rank Tracker และ Content Explorer ที่ช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ จนขึ้นอันดับบน search engines ได้ง่ายๆ ด้วยจุดแข็งคือความครบครัน ทำให้ Ahrefs เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้ที่ทำ SEO ทั้งยังมีแพลนให้เลือกหลากหลายตามการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มเข้าวงการ SEO เป็นนักการตลาด หรือเป็นเอเจนซี และธุรกิจขนาดใหญ่ก็สามารถใช้งาน Ahrefs ได้ทั้งนั้น

Q&A

Ahrefs กับ Ubersuggest แตกต่างกันอย่างไร

Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO ที่ออกแบบมาให้ครอบคลุมทุกการใช้งานมากกว่า เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ หรือผู้ที่ต้องการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับ ในขณะที่ Ubersuggest เหมาะกับผู้ประกอบการหรือธุรกิจขนาดเล็ก มีฟีเจอร์น้อยกว่า แต่มีจุดเด่นคือ AI rewriter tool ที่ Ahrefs ไม่มี

Ahrefs สามารถใช้ฟรีได้หรือไม่

Ahrefs สามารถใช้งานได้ทั้งฟรีและมีค่าใช้จ่าย สำหรับการใช้งานฟรีนั้นจะมีข้อจำกัด ใช้งานได้เพียงบางฟีเจอร์เท่านั้น เช่น Keyword Difficulty Checker, Keyword Generator, SERP Checker และ Backlink Checker

Ahrefs ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ในหน้าค้นหา Google ได้หรือไม่

Ahrefs ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ในหน้าค้นหา Google ได้ เพราะมีเครื่องมือช่วยหาคีย์เวิร์ด แนะนำไอเดียสร้างคอนเทนท์ ช่วยวิเคราะห์ ติดตามผล เพื่อให้คุณสามารถวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง