Key Takeaway
- SSL คือสิ่งที่จะช่วยตรวจสอบและยืนยันให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าเว็บไซต์นั้นๆ มีความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งจะต้องตรวจสอบความถูกต้องผ่านการเข้ารหัสในรูปแบบของ Public Key Cryptography
- ประเภทของ SSL มีด้วยกัน 6 ประเภท ซึ่งระดับการป้องกันความปลอดภัยก็จะมีแตกต่างกันออกไปตามลักษณะที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องการ ไม่ว่าจะระดับองค์กร ธุรกิจ หน่วยงาน ไปจนถึงเว็บไซต์ที่ไม่ได้ต้องการความปลอดภัยมากนักในการเข้าถึง
- SSL Certificate สำคัญมากต่อตัวของเว็บไซต์ เพราะจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ให้ผู้ใช้งานถูกโจรกรรมข้อมูล นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับบน Google ดีขึ้น จึงส่งผลดีต่อการทำ SEO
- การจะเช็กว่าเว็บไซต์มีความปลอดภัยหรือไม่และได้รับการติดตั้ง SSL เรียบร้อยแล้วหรือไม่ สามารถดูได้จากชื่อของ URL ที่จะเป็น https://:
ในยุคปัจจุบันที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การเข้าชมสื่อบันเทิง การทำงาน การเรียน หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน ล้วนสามารถทำได้อย่างสะดวกสบายบนเครือข่ายออนไลน์ทั้งสิ้น จึงทำให้การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายใต้การดูแลความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
บทความนี้จะมาแนะนำการทำ SSL กับ HTTPS การทำเว็บไซต์ให้มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานให้แก่ผู้คน SSL คืออะไร และสำคัญอย่างไร ไปดูกัน!

ทำความรู้จัก SSL คืออะไร
Secure Socket Layer (SSL) หรือ SSL Certificate คือเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาเพื่อการสร้างความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในยุคสมัยที่สื่อและเทคโนโลยีบนโลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทต่อผู้คนในสังคมตลอดเวลา
จึงทำให้ความปลอดภัยในระหว่างการทำกิจกรรมบนโลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งกิจกรรมเพื่อความบันเทิง การทำงานในองค์กร ตลอดจนการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ต่างต้องการความปลอดภัยทั้งสิ้น การมีอยู่ของ SSL Certificate จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นเอง

การทำงานของ SSL เป็นอย่างไร
SSL Certificate จะทำงานเพื่อการตรวจสอบความปลอดภัยและยืนยันความปลอดภัยให้แน่ชัดระหว่างผู้ใช้งานและเว็บไซต์ ซึ่งจะมีการใช้รหัสเพื่อยืนยันข้อมูลความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวต่างๆ การทำงานของ SSL ใช้เวลาแค่เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น โดยมีการทำงานดังต่อไปนี้
- การเริ่มเชื่อมต่อกับ Browser โดยเมื่อเริ่มต้นมีการใช้งานบน HTTPS จะมีการให้ยืนยันตัวตน Browser จะทำการส่งใบรับรอง SSL ผ่านการใช้คีย์สาธารณะ (Public Key)
- Browser จะมีการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของใบรับรอง จากหน่วยออกใบรับรอง (Certificate Authority)
- Session Key หรือคีย์ลับ จะเป็นคีย์ชั่วคราวโดยการใช้คีย์สาธารณะของเซิร์ฟเวอร์ เพื่อการเข้ารหัสระหว่าง Browser และ Server
- ข้อมูลที่ถูกส่งระหว่าง Browser และ Server จะถูกทำการเข้ารหัส เพื่อไม่ให้เกิดการดักจับข้อมูลระหว่างการใช้งาน
- เมื่อสิ้นสุดการเชื่อมต่อ คีย์ลับก็จะถูกทำลาย ในการเชื่อมต่อครั้งถัดไปก็จะเกิดกระบวนการใหม่

ประเภทของ SSL กับการนำไปใช้งานในเว็บไซต์
ประเภทของ SSL ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองโดย Certificate Authority (CA) ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 6 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. Extended Validation Certificates (EV SSL)
EV SSL เป็นการรับรองที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด มีการควบคุม ตรวจสอบเชิงลึกที่เข้มงวดมากๆ ใช้สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยภายในหน่วยงานและองค์กรที่ผ่านการลงทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ต้องผ่านการตรวจสอบทางกระบวนการยืนยันตัวตนว่ามีสิทธิ์ใน Domain
EV SSL คือ SSL ที่มีราคาแพงที่สุด เพราะต้องสามารถป้องกันการรั่วไหลข้อมูลของผู้ใช้งานได้ เช่น เว็บไซต์ของธนาคาร โรงพยาบาล เป็นต้น
2. Organization Validated Certificates (OV SSL)
OV SSL จะต้องได้รับการยืนยันและการตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก รองลงมาจาก EV SSL โดย OV SSL จะได้รับการประกันความปลอดภัยในระดับที่สูงมากเลยทีเดียว เหมาะสำหรับการยืนยันตัวตนในการเป็นเจ้าของ Domian สำหรับเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ และ E-Commerce ที่ต้องคอยจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า
3. Domain Validated Certificates (DV SSL)
DV SSL เป็นใบรับรองที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากราคาที่ถูก การป้องกัน ระดับการประกันความปลอดภัย และการเข้ารหัสอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งการยืนยันตัวตนในรูปแบบนี้เป็นแค่เพียงการยืนยันตัวตนของเจ้าของผ่านทางการใช้เบอร์โทรศัพท์หรือ E-mail
ดังนั้น DV SSL จึงเหมาะสำหรับ Blog Post หรือเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ต้องการข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
4. Wildcard SSL Certificates
SSL ประเภทนี้มีทั้ง OV SSL และ DV SSL เหมาะสำหรับผู้ใช้งานเว็บไซต์ที่มีการเข้ารหัสสำหรับ Domain ย่อย หลายๆ รายการ ซึ่งระดับความปลอดภัยของข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยทำได้แบบไม่จำกัด อีกทั้งราคายังถูกกว่าซื้อแค่ Domain เดียว แต่หลายรายการ
5. Multi-Domain SSL Certificates
Multi-Domain SSL Certificates คือการป้องกันความปลอดภัยของ Domain ย่อยรวมกัน 100 ชื่อ ในหนึ่งใบรับรอง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่มีการเปิดใช้งานในหลายภูมิภาค หลายประเทศ
6. Unified Communications Certificates (UCC)
UCC เรียกได้ว่าเป็น SSL Certificate แบบครบวงจร ที่สามารถรักษาความปลอดภัยของหลายๆ Domain ไปพร้อมๆ กันได้ เพื่อการทำงานแบบรวมศูนย์ ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์จะสามารถใช้ Domain เพื่อเข้ารหัสหลายๆ Domain ได้เพียงใบรับรองเดียว

ความสำคัญของ SSL ที่มีต่อ HTTPS
SSL มีความสำคัญมากต่อ HTTPS เนื่องจากจะเป็นตัวสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตว่าข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญของผู้ใช้งานจะไม่รั่วไหล เว็บไซต์ที่ใช้งานมีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อตัวเว็บไซต์ในการทำ SEO เพื่ออันดับที่ดีขึ้น
วิธีทำเว็บไซต์ให้เป็น HTTPS
การจะสร้างเว็บไซต์ให้ปลอดภัยเป็น HTTPS เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งานสามารถทำได้ ดังนี้
- ขอใบรับรอง SSL Certificate ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และแบบเสียค่าใช้จ่ายให้เราเลือก จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถืออย่าง Certificate Authprity (CA)
- เมื่อติดตั้ง SSL Certificate และเว็บไซต์ของเรามี HTTPS นำหน้าแล้ว เราจะต้องเข้าไปแก้ไขโคด มีการ Redirect เว็บไซต์ใหม่ และทำ 301 Redirect เพื่อเชื่อมหรือย้ายเส้นทางให้ลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์เดิมได้
- ตรวจสอบและแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานมีความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากบางส่วนของเว็บไซต์อาจยังเป็น HTTP ทำให้บางส่วนยังไม่มีความปลอดภัยที่มากพอ จึงต้องมีการทดสอบความปลอดภัยให้ถี่ถ้วน
- ทดสอบหน้าเว็บไซต์ว่าได้รับการแก้ไขเรียบร้อยดีหรือไม่ การตรวจสอบความปลอดภัยสามารถทำได้จากการเช็กการแสดงผลบนมือถือเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ของเรา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด

จะเกิดอะไรขึ้น? หากเว็บไซต์ไม่มี SSL
เนื่องด้วยการใช้งานบนโลกอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ความปลอดภัยในระหว่างการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย และถ้าหากว่าเว็บไซต์ไม่มี SSL อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวมากกว่าที่เราคิด
ดังนั้น เรามาดูกันว่า SSL มีความสำคัญอย่างไรบ้าง ดังนี้
- การเข้ารหัสข้อมูลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานให้มีความปลอดภัย ป้องกันการดักจับข้อมูลจากบุคคลที่สามที่ไม่หวังดีต่อผู้ใช้งาน และป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้งาน
- พิสูจน์ตัวตนของเว็บไซต์และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ว่าเป็นเว็บไซต์แท้และถูกต้อง เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานได้
- ป้องกันความไม่ปลอดภัยจากการแอบอ้างตัวตน ลดความเสี่ยงจากการโดนโจมตีแบบ Man-in-the-Middle
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เว็บไซต์และองค์กร ธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและลูกค้าของเรา
- เพิ่มผลประโยชน์ที่ดีต่อการทำ SEO เนื่องจาก Google จะให้อันดับที่ดีแก่เว็บไซต์ที่เป็น HTTPS ให้มีอันดับในการแสดงผลค้นหาที่ดีมากยิ่งขึ้น
- SSL เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสมัยใหม่ที่จำเป็นต่อเว็บไซต์ทุกประเภท สร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นที่ดีต่อการใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ตรวจสอบได้อย่างไรว่าเว็บไซต์มีความปลอดภัย?
การจะตรวจสอบว่าเว็บไซต์ที่ได้รับการติดตั้ง SSL Certifiacte ให้บริการอยู่นั้นมีความปลอดภัยหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ 3 วิธี ดังนี้
- เว็บไซต์ต้องมีชื่อ URL เป็น https//: หากยังคงเป็น http อยู่แสดงว่าเว็บไซต์ยังไม่มีการเข้ารหัสความปลอดภัย ยังไม่ได้รับการติดตั้ง SSl
- มีสัญลักษณ์แม่กุญแจบน URL ซึ่งจะแสดงถึงการติดตั้ง SSL Certificate เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้แล้ว หากคลิกไปที่สัญลักษณ์แม่กุญแจเรายังสามารถดูข้อมูลทางด้านความปลอดภัยอื่นๆ ได้เช่นกัน
- สามารถตรวจสอบว่าใบรับรองถูกต้อง สามารถเข้าไปที่ View กดเลือก Developer Tools เพื่อดูว่า SSL หมดอายุหรือไม่ เพื่อตรวจสอบวันที่ได้รับใบรับรอง ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเว็บไชต์มีการรับรองจากการต่อ SSL อย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
สรุป
โลกออนไลน์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและวนเวียนอยู่ในชีวิตของผู้คนเสมือนสังคมจริงในปัจจุบัน ดังนั้น การสร้างความปลอดภัยในระหว่างที่ผู้ใช้งานกำลังอยู่บนสังคมออนไลน์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งสำคัญ การที่เว็บไซต์ได้รับ SSL Certificate จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้ว่าข้อมูลของตัวเองจะไม่รั่วไหล มีความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลและการทำกิจกรรมต่างๆ บนสังคมออนไลน์
อีกทั้งการมี SSL Certificate ยังส่งผลดีต่อเจ้าของเว็บไซต์ในการทำ SEO และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรด้วยเช่นกัน ให้ Minimice Group ช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือและติดหน้าแรกในการค้นหา รับรองได้เลยว่าเว็บไซต์ของคุณจะมีอันดับที่ดีขึ้นแน่นอน!
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SSL พร้อมคำตอบ มีดังนี้
SSL และ TLS ต่างกันอย่างไร?
TLS หรือ Transport Layer Security เป็นมาตรฐานเปิดที่พัฒนามาจาก SSL โดย TLS จะมีประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยที่สูงกว่า และมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ SSL หรือ Secure Socket Layer เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ดี หากแต่การเข้ายังคงมีความซับซ้อนมากกว่าและช้ากว่า
ทำไมการชำระค่าสินค้าและบริการจึงต้องใช้ระบบ SSL?
การทำธุรกรรมบนโลกออนไลน์จะต้องมีการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน ดังนั้น ความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ SSL จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะบ่งบอกว่าเว็บไซต์ที่ให้บริการอยู่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และมีความน่าเชื่อถือด้วย
SSL Certificate Error คืออะไร?
เมื่อ Web Browser ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยของ SSL Certificate ได้ Browser จะทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานอยู่อาจไม่มีความปลอดภัย เพื่อแจ้งผู้ใช้งานและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานได้รับความเสียหายจากการรั่วไหลของข้อมูล
HTTPS VS. HTTP ต่างกันอย่างไร?
HTTP เป็นเว็บไซต์ที่ไม่ต้องมีการเข้ารหัสในระหว่างการใช้งาน จึงทำให้ระดับความปลอดภัยของการใช้งานนั้นค่อนข้างต่ำ และผู้ใช้งานอาจถูกดักจับข้อมูลในระหว่างที่ใช้งานบนเครือข่ายออนไลน์ได้ ดังนั้น HTTP จึงเหมาะกับเว็บไซต์ที่ให้เพียงข้อมูลอย่างเดียว และไม่ต้องการเก็บข้อมูลอื่นๆ ของผู้ใช้งาน
ในขณะที่ HTTPS เป็นเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยที่สูงกว่า ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่รั่วไหล และไม่ถูกดักจับขณะที่ใช้งาน เนื่องจากจะต้องมีการเข้ารหัสและยืนยันก่อนการใช้งาน