ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทุกคนบนโลกสามารถสื่อสารและเชื่อมโยงกันได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่อยากได้ข้อมูลอะไรก็สามารถเสิร์ชหาได้ง่าย เพียงแค่คลิกเดียวก็ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ต้องการในทันที
นอกจากการเสิร์ชด้วยตัวหนังสือแล้ว ในปัจจุบันยังมีสิ่งที่เรียก Voice Search ซึ่งเป็นการเสริชหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยเสียง แม้ว่าการสั่งงานด้วยเสียงจะมีมานานแล้ว แต่ในอดีตนั้นอาจจะรองรับแค่เพียงภาษาอังกฤษ แต่ในปัจจุบันระบบการเสริชด้วยเสียงรองรับภาษาที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งระบบ AI ที่ประมวลเสียง หรือคำพูดที่สั่งการก็มีความแม่นยำมากขึ้น ทำให้ Voice search ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะทำอย่างไรให้ให้การค้นหาด้วย Voice Search นั้นติด SEO ในหน้าที่เราต้องการ บทความนี้จะชวนทุกคนไปรู้จักกับการ Voice Search SEO กัน
Voice Search สำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร?
Voice Search คือ การค้นหาข้อมูลต่างๆ ด้วยเสียง หรือคำสั่งเสียง หลังจากนั้น AI จะทำการประมวลผลข้อมูลจาก Keyword ที่จับได้ เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เราต้องการ ซึ่ง Voice Search นั้นถือเป็นหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ในอีกขั้นที่มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์ ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ด้วยการปรับปรุงข้อมูลต่าง ๆ ให้รองรับคำสั่งเสียงก็จะช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าในการค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่ Google จะดึงหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อแสดงผล หรือตอบคำถามจาก Voice search ซึ่ง Voice search มีความสำคัญต่อการทำ SEO ดังนี้
- ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้ในระยะยาว
- ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา
- เป็นตัวช่วยในการสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี
- มีประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์
Voice Search ต่างจาก Text Search มากแค่ไหน?
สำหรับการค้นหาด้วย Voice Search และการค้นหาด้วย Text Search นั้น แม้จะเป็นการค้นหาด้วยเรื่องเดียวกัน แต่การค้นหาทั้งสองรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกัน ในส่วนของการใช้ภาษา การค้นหาข้อมูลด้วย Voice Search จะใช้ภาษาที่เป็นกันเอง มีความเป็นธรรมชาติ และส่วนใหญ่จะเป็นคำถามมากว่า ส่วน Text Search จะใช้เฉพาะคีเวิร์ดสำคัญ ๆ ซึ่งมักจะค้นหาด้วยคำสั้น ๆ ตัวอย่างเช่น
- Voice Search : ช่วยบอกวิธีเดินทางไปอยุธยาหน่อย
- Text Search : อยุธยา การเดินทาง
ข้อจำกัดของ Voice Search
Voice Search เป็นระบบการสั่งงานด้วยเสียงที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2011 แต่ในยุคนั้นยังไม่เป็นที่นิยม เพราะรองรับภาษาที่ไม่หลากหลาย แม้ว่าในปัจจุบัน Voice Search จะมีการพัฒนาไปมากแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ดังนี้
- สำเนียง สำหรับ Voice Search นั้นเป็นคำสั่งเสียงที่ AI จะทำการจับคีเวิร์ดแล้วนำไปค้นหาข้อมูล แต่หากพูดในสำเนียงที่ไม่ชัดเจนก็อาจจะทำให้ AI ไม่เข้าใจ จนไม่สามารถเสริชข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน
- ภาษา แม้ว่าในปัจจุบัน AI จะรองรับภาษาที่มีความหลากหลายมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในทุก ๆ ภาษา จึงอาจทำให้มีข้อจำกัดอยู่บ้าง
- ความเป็นส่วนตัว Voice Search เป็นระบบที่ยังไม่ได้รับความนิยมมาก ระบบความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวจึงอาจจะยังไม่ปลอดภัยเท่าที่ควรจะเป็น
วีธีทำคอนเทนต์ให้รองรับ Voice Search
ปัจจุบัน Voice Search มีแนวโน้มที่มีการใช้งานมากขึ้น ด้วยการใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องก้มพิมพ์ และสามารถสั่งการได้ด้วยระบบเสียง ซึ่งการทำคอนเทนต์ที่รองรับ Voice Search นั้นสามารถช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติด SEO ได้ง่ายขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำคอนเทนต์ให้รองรับคำสั่งเสียง สามารถทำได้ด้วยวิธีดังนี้
- ใช้ Long-Tail Keyword เปลี่ยนรูปแบบจากการใช้คีเวิร์ดเดิม ๆ ที่มักจะเป็นคีเวิร์ดคำสั้น ๆ เปลี่ยนมาใช้คีเวิร์ดแบบ Long-Tail ซึ่งเป็นคีเวิร์ดที่ยาวเป็นวลี หรือประโยค บางครั้งอาจมาเป็นประโยคคำถาม เพราะคีเวิร์ดเหล่านี้มีความใกล้เคียงกับภาษาพูดมากกว่าแบบสั้น ๆ
- เลือกคำถามที่มักใช้ในบทสนทนา นอกจากการเลือกใช้คีเวิร์ดที่เป็นแบบ Long-Tail แล้ว ยังควรเลือกใช้คีเวิร์ดที่เป็นคำถาม หรืออาจจะลองคาดการณ์คำถามที่ User มักจะใช้ตั้งคำถาม เพื่อช่วยให้ตรงกับการค้นหามากที่สุด
- อัปเดตเนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจ การใช้ Voice Search ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการค้นหาสถานที่ เวลาเปิดปิด หรือข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ ดังนั้นการที่จะทำ Voice Search SEO จึงจำเป็นต้องใส่ข้อมูลของธุรกิจให้มีความชัดเจน เช่น
- เวลาเปิดปิด
- ตำแหน่งที่ตั้ง
- เบอร์โทรศัพท์
- มีที่จอดรถหรือไม่
- ตั้งค่าให้เว็บไซต์พร้อมใช้งานด้วย Voice Search ก่อนที่จะทำ Voice Search SEO จะต้องมั่นใจก่อนว่าเว็บไซต์ของเรานั้นรองรับการค้นหาด้วยเสียง
เทคนิคการทำ Voice Search เพื่อส่งเสริม Local SEO
Local SEO เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนรู้จักและเข้าถึงร้านค้าของเรามากขึ้น ซึ่งเหมาะกับร้านค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยที่มีจุดมุ่งเน้นอยู่ที่สถานที่ หรือการวางตำแหน่งในการค้นหามน Google นั่นเอง ซึ่ง SEO นั้นจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดหน้าหนึ่งในการค้นหา
สำหรับใครที่อยากจะทำ Voice Search เพื่อส่งเสริม Local SEO จำเป็นจะต้องมีการอัปเดต Google My Business สำหรับธุรกิจ เพื่อให้ Google รู้รายละเอียดที่ตั้งของธุรกิจ รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิดร้าน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อร้าน นอกจากนี้ยังต้องมีการใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- มีการรีวิวจากลูกค้า เพื่อช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจเข้าใจบริการ
- สร้างคีเวิร์ดให้ตรงกับคำค้นหา โดยใช้เป็นคำถามที่คาดว่าลูกค้าจะสงสัย หรืออยากถาม
- เว็บไซต์ใช้งานง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มเป้าหมายอยากใช้งานต่อ
- เลือกใช้คำที่คนท้องถิ่นนิยม เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
เทคนิคและกลยุทธ์การทำ Voice Search ให้ประสบความสำเร็จ 2023
Voice Search เป็นรูปแบบการค้นหาที่ใช้งานง่าย และสะดวกสบาย หากต้องการให้การทำ Voice Search ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องมีเทคนิค และกลยุทธ์ ดังนี้
- ปรับปรุงและตั้งค่าให้รองรับการค้นหาด้วย Voice Search
- ปรับคอนเทนต์ในเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียง เช่น เลือกใช้ Long-Tail คีเวิร์ด หรือเลือกใช้คีย์เวิร์ดแบบคำถาม
- อัปเดตข้อมูลใน Google My Business เพื่อรองรับคำค้นหาจากกลุ่มเป้าหมาย
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
- เพิ่มในส่วนของ Schema Markup เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจว่าบทความมีวัตถุประสงค์อะไร เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด เช่นการมีส่วนของ FAQ ในบทความ
สรุป
Voice search คือ การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยเสียง หลังจากนั้น AI จะทำการประมวลผลข้อมูลจาก Keyword ที่จับได้ เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เราต้องการ แม้จะมีข้อจำกัดในด้านภาษา สำเนียง และความเป็นส่วนตัว แต่ Voice search ก็มีส่วนช่วยในการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ด้วยการทำคอนเทนต์ให้รองรับการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการทำ Voice Search ให้ประสบความสำเร็จ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Voice Search คืออะไร?
Voice Search คือ วิธีการค้นหาข้อมูลหรือคำตอบของผู้ใช้งานผ่านคำสั่งเสียง โดยระบบจะประมวล Keyword ผ่านระบบ AI เพื่อแสดงผลลัพธ์การค้นหาแก่ผู้ใช้งานต่อไป
Voice Search แตกต่างจาก Text Search อย่างไร?
Voice Search มีจุดที่แตกต่างจาก Text Search อยู่ 3 จุดหลัก ๆ คือ
- Voice Search มักจะถูกใช้เมื่อคนต้องการหาร้านค้าหรือบริการที่อยู่ใกล้
- Voice Search มักใช้เมื่อเราต้องการค้นหาคำตอบที่เฉพาะเจาะจงและเป็นประโยค
- Intent ของการค้นหาผ่าน Voice Search มักกจะเป็นภาษาพูด ส่วน Text search จะเป็นภาษาทางการมากกว่า
สำหรับคนทำ SEO ต้องปรับตัวอะไรบ้างในการทำ Voice Search
ในอนาคตพฤติกรรมการค้นหาผ่านเสียงจะเพิ่มมากขึ้นถึง 60% และ 20% ของการค้นหาข้อมูลผ่านมือถือเป็นการค้นหาผ่านเสียง ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่าควรโฟกัสที่การทำ Voice Search ให้มากขึ้นหรือไม่ ตรงส่วนนี้อาจจะบอกได้ว่าควรแบ่งน้ำหนักการทำ voice search และ Text search ให้พอดีกันจะดีกว่า เพราะ Text search ก็ยังมีความสำคัญต่อ SEO และผู้ใช้งาน