Google Ads หรือที่หลายๆ คนอาจจะรู้กันในชื่อว่า “การยิงแอด” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นการซื้อพื้นที่โฆษณา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าสามารถเห็นธุรกิจ สินค้า และบริการของเราได้ในหลายๆ พื้นที่ ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทันที ซึ่งสามารถรู้ถึงผลลัพธ์ได้จากการวัดค่าตัวชี้วัดต่างๆ ว่าการยิงแอดของเรานั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะมาแนะนำ 7 Google Ads Metrics พื้นฐานที่สำคัญสำหรับมือใหม่ที่กำลังจะหัดยิงแอด เพื่อช่วยให้การยิงแอดของเรานั้นเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Google Ads Metric แต่ละตัวนั้นคืออะไร และมีหน้าที่อะไรบ้าง ไปทำความรู้จักกันเลย!
1.Impression
Impression เป็น Google Ads Metric ที่จะแสดงถึงจำนวนครั้งที่โฆษณาของเราแสดงบนผลหน้าการค้นหา ยิ่งค่า Impression สูงมากเท่าไหร่ ก็จะแสดงว่ามีผู้ใช้งานเห็นโฆษณาของเรามากเท่านั้น และเป็นตัวชี้วัดที่จะบ่งบอกให้เรารู้ว่า Ads ที่เรายิงไปนั้นถูกกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ โดยในปัจจุบันนั้น Google ได้เพิ่ม Metrics ที่เกี่ยวข้องกับ Impression 2 ตัว ได้แก่
- Impr. (Abs. Top) % หรือ Search Absolute Top Impression Rate เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงอัตราการแสดงโฆษณาที่อยู่อันดับที่ 1 ของหน้าผลการค้นหาของ Google เท่านั้น
- Impr. (Top) % หรือ Search Top Impression Rate เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงอัตราการแสดงโฆษณาที่อยู่ส่วนด้านบน (อันดับ1-4) ของหน้าผลการค้นหาของ Google
2.Click
Click เป็น Google Ads Metrics ที่จะแสดงถึงจำนวนครั้งที่มีผู้ใช้งานคลิกโฆษณาของเรา เพื่อเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ สินค้า บริการ หรือ Landing Page ที่เรากำหนดไว้ ซึ่งค่านี้เป็นค่าที่มีความสัมพันธ์กับ Impression เพราะว่ายิ่งมีคนเห็นมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้ามามากเท่านั้น และที่สำคัญ คือ ค่านี้ก็เป็นอีกตัวชี้วัดที่บ่งบอกได้ว่าโฆษณาของเรามีความดึงดูดมากแค่ไหน Copywriting ของเราน่าสนใจหรือไม่ หรือว่าเรายิงแอดไปถูกกลุ่มเป้าหมายหรือเปล่า เพราะว่าถ้าจำนวนครั้งในการคลิกยิ่งมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าโฆษณาของเรามีความดึงดูด น่าสนใจ และถูกใจกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าจำนวนครั้งในการคลิกน้อย ก็แสดงว่าเราจะต้องปรับปรุง Ads ของเราให้ดีขึ้น
3.Cost Per Click (CPC)
Cost Per Click (CPC) เป็น Metrics ที่มีความหมายว่า ถ้าหากมีผู้ใช้งานคลิกเข้ามายังโฆษณานั้นๆ ที่เป็นของเรา เราก็จะต้องเสียเงินตามราคาที่กำหนดไว้ เช่น 5 บาทต่อคลิก หรือ 10 บาทต่อคลิก เป็นต้น และเป็น Google Ads Metrics ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นตัวชี้วัดนี้สามารถช่วยในการคำนวณต้นทุน เพื่อคาดคะเนงบค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาได้ ซึ่งราคาของ CPC นั้นจะขึ้นอยู่กับการประมูล Keyword ถ้าหากธุรกิจไหนประมูล Keyword นั้นๆ ในราคาที่สูง ก็จะทำให้โฆษณาของธุรกิจนั้นได้ Ad rank สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งาน หรือกลุ่มเป้าหมายสามารถเห็นได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
4.Click Through Rate (CTR)
Click Through Rate (CTR) คือ Google Ads Metrics ที่มีความสำคัญ เพราะว่าเป็น Metrics ที่แสดงถึงจำนวนคลิกต่อจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณา ยิ่งจำนวน CTR มีค่าสูงมากเท่าไหร่ ก็แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจของโฆษณามากเท่านั้น เพราะเป็นการบ่งบอกว่า Ads ของเรานั้นมีการคลิกเข้ามาทุกครั้งที่ผู้ใช้งานผ่านมาเห็น Ads ของเรา และทำให้เราสามารถทราบได้ด้วยว่าโฆษณาของเรานั้นตอบโจทย์ผู้ใช้งานหรือไม่ มีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้หรือเปล่า ถ้าหากค่า CTR ไม่เป็นตามที่หวังไว้จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
5.CPM (Cost Per Impression)
Cost Per Impression (CPM) คือ การบ่งบอกถึงค่าเฉลี่ยที่แสดงถึงราคาที่ต้องจ่ายเมื่อโฆษณาแสดงผลครบ 1,000 ครั้ง หรือยอด Impression ครบ 1,000 ครั้งนั่นเอง โดยเป็น Metrics ที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ที่ยิงแอดนำไปใช้ในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณา หรืองบประมาณในการลงโฆษณาได้ว่าถ้าหากต้องการให้ Ads ของเรานั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง เป็นอีกหนึ่ง Google Ads Metrics ที่มีความสำคัญ
6.Quality Score
Quality Score คือ การแสดงถึงคะแนนคุณภาพของตัวโฆษณาที่คิดจาก Metrics และค่าอื่นๆ ได้แก่ CTR (Click Through Rate), Keyword, Landing Page และ Use Experience ซึ่งจะมีคะแนนตั้งแต่ 1-10 คะแนน และค่าคะแนนของ Ads ที่ถือว่าอยู่ในอันดับที่ดีนั้นจะต้องมีคะแนนตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไป และเมื่อ Quality Score สูง ก็จะส่งผลให้คะแนนของ Ad Rank สูงขึ้นตาม และส่งผลให้อันดับของ Ads นั้นสูงมากขึ้นไปด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งาน หรือกลุ่มเป้าหมายเห็น Ads ของเราได้ง่ายมากขึ้น
7.Ad Rank
Google Ads Metrics ตัวสุดท้าย ได้แก่ Ad Rank โดย Ad Rank คือ ค่าในการประเมินคุณภาพของโฆษณา โดยโฆษณาของเรานั้นจะอยู่ในตำแหน่งไหน หรืออันดับที่เท่าไหร่นั้นก็จะขึ้นอยู่กับ Ad Rank ซึ่ง Google จะดูจาก 2 ปัจจัย เพื่อนำมาวัดว่า Ad Rank ของโฆษณาของเรานั้นควรอยู่ที่ตำแหน่งไหน นั่นก็คือ Maximum CPC และ Quality Score นอกจากนั้น Ad Rank ยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการแข่งขันการประมูล บริบทการค้นหาของผู้ใช้งาน และคุณภาพของโฆษณาในขณะนั้นด้วย
สรุป
Google Ads Metrics ทั้ง 7 ตัวที่ได้นำมาฝากในบทความนี้ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่มือใหม่หัดยิงแอดควรรู้จักไว้ เพราะว่าก่อนที่จะทำGoogle Ads นั้นควรจะต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ยิงแอดได้อย่างถูกต้อง มีคุณภาพ และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากที่สุด แต่ว่า Metrics ทุกตัวนั้นอาจจะไม่จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจเสมอไป ดังนั้น เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ยิงแอดนั้นควรจะดูเป้าหมายก่อนว่าแคมเปญ หรือโฆษณาของเรานั้นควรจะเน้นดูค่าการชี้วัดตัวไหน ถึงจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเรามากที่สุด
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Google Ads Metrics มีอะไรบ้าง
Google Ads Metrics มีด้วยกัน 7 ค่า ได้แก่ 1.Impression 2.Click 3.Cost Per Click (CPC) 4.Click Through Rate (CTR) 5.Cost Per Impression (CPM) 6.Quality Score 7.Ad Rank
Google Ads Metrics สำคัญอย่างไร
ไว้สำหรับวัดผลประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาที่เราทำการยิงไปว่ามีคุณภาพมากหรือน้อยเท่าใด ช่วยให้เราสามารถนำมาปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อให้การยิงโฆษณาของเราดีขึ้นได้