การทำ redirect คืออะไร

Redirect คืออะไร? ทุกอย่างที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ URL Redirection สำหรับ SEO

Table of Contents

เราเคยได้ยินเรื่อง Redirect ตลอดไม่ว่าจะเป็นนักการตลาด SEO หรือ Website Developer เองก็ตาม ทั้งนี้หลักการ URL Redirection นั้นหลักๆคือการสร้าง User Experience ที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เข้ามาในเว็บไซต์เรา เพื่อไม่ให้ผู้คนเข้ามาผิดแล้วเจอหน้า 404 Not Found การที่คนเข้ามาแล้วเจอปัญหานั้นจะทำให้ User อารมณ์เสียได้ Redirect จึงมีการสร้างขึ้นมา ทั้งนี้ Redirect นั้นสามารถใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ วันนี้ทีม Minimice จะลงลึกเข้าไปมาในทำ URL Redirection สำหรับหลักการ SEO กัน

ในบทความนี้เหมาะสำหรับ SEO Specialist Beginner Level และสำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้าน SEO เนื่องจาก Redirect นั้นเป็นสิ่งที่เราจะเจอกันในหลากหลาย สถานการณ์ของการทำ SEO และเป็นสิ่งแก้ไขปัญหาได้ดีมากๆ

Redirect คืออะไร? และทำไมการทำ Redirect ถึงสำคัญมากๆ

เพื่อเข้าใจ Redirect ในฉบับง่ายๆนั้นคือการย้าย Traffic จากหน้า A ไปหา หน้า B พร้อมกับ Google Bot ไปหาหน้าที่เราต้องการ

ถ้าเราไม่ได้ใส่ Redirect ให้ถูกที่นั้น ผู้คนที่เข้ามาในเว็บไซต์จะเจอหน้า 404 Not Found เหมือนรูปนี้

ทำไมการทำ Redirect ถึงสำคัญมากๆ สำหรับนักการตลาด SEO ทุกคน?

การที่ Landing Page นั้นเกิด Error จะทำให้ “Good Experience” ของผู้คนที่เข้ามาเสียหายได้ ซึ้งจะทำให้ Stat ใน Google Analytics เกิดค่า Bounce Rate ที่สูงขึ้น และทำให้ผู้คนที่เข้ามา (User) เกิดเป็น ผู้คนที่ซื้อขาย (Conversion) น้อยลงได้อย่างฉับพลัน

เมื่อผู้คนกดเข้ามาในลิงค์เรานั้น ผู้คนหวังที่จะเจอสินค้า หรือบริการของเรา การที่ผู้คนเข้ามาเจอหน้า 404 Not Found จะทำให้ Brand Image ของธุรกิจคุณเสียดายได้ ไม่มากก็น้อย

การที่เราใช้งาน Redirect นั้นจะทำให้ User ไปหาหน้าที่เข้ามาได้ ถึงจะใช้เวลาโหลดนิดนึงก็ตาม User ก็จะยังคงเจอสินค้า หรือบริการที่ต้องการจะหาได้

การที่เว็บไซต์เราขึ้นหน้า 404 Not Found นั้นจะทำให้ Google Bot ให้มูลค่าเว็บไซต์เราต่ำลง ซึ้งอาจจะทำให้ Keyword ที่เราติดอันดับอยู่นั้น ตกอันดับ มาอย่างรวดเร็ว และในบ้างกรณีสามารถทำให้ Index ของภาพรวมเว็บไซต์เราตกได้ด้วยเช่นเดียวกัน

อีกประเด็นหลักนั้นคือ Backlink ที่เราได้เคยสร้างมาเป็นเวลานานนั้นอาจจะศูนย์เปล่าได้ หากเราไม่ได้ทำ Redirect ที่ถูกต้อง การทำผิดวิธีนั้นจะทำให้ Backlink เสียหาย และกระทบกับ Ranking เราได้อย่างจริงจัง ถึง User Experience จะไม่เสียก็ตาม

ด้วยเหตุผลนี้เองการที่คุณจะออกแบบเว็บไซต์ใหม่, เปลี่ยนโครงสร้าง, หรือปรับเปลี่ยน URL คุณต้องคำนึงถึงการ Redirect ให้ดี และประเภทของ Redirect ด้วยเช่นเดียกัน

ประเภทของ Redirect มีอะไรบ้าง? และเราต้องใช้ Redirect แบบไหน ในสถานการณ์ไหนบ้าง?

ประเภทของ Redirectสถานะการย้ายสถานการณ์ที่เราต้องใช้ผลกระทบของ User Experienceผลกระทบของ SEO
301ถาวร(กรณี 301) หากเราต้องการ Redirect แบบถาวร เราจะใช้ในกรณีที่เราต้องการย้ายหน้าถาวร หรือ เราลบหน้านั้นๆเพื่อย้ายไปอีกหน้านึง(กรณี 301) User จะใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 0.5 – 3 วินาทีในการย้ายหน้า 
( ขึ้นอยู่กับ ความเร็วของเว็บไซต์ และ Server )
(กรณี 301) Google Bot จะตามไปหาหน้าที่เรา Redirect ไป และทำการ Index ใหม่ในหน้านั้นๆ Traffic และ Backlink จะโดนย้ายไปหา URL ใหม่ทั้งหมด
เราแนะนำการใช้วิธีนี้เท่านั้น
302ชั่วคราว(กรณี 302) การโยกย้าย URL แบบชั่วคร่าว หากหน้านั้นอยู่ในระหว่างปรับปรุงที่แบ่งเป็น Phase ในส่วนของ Website Develop (กรณี 302) User จะโดนย้ายไป เหมือนกันกรณี 307(กรณี 302) URL ที่ได้ Redirect ไป Google Bot จะเห็นว่าเป็นการย้ายชั่วคร่าว และจะยังคง SEO ของ URL เก่าไว้อยู่
307ชั่วคราว(กรณี 307) เหมือนกับ 302 แต่ใช้ในหน้า http เท่านั้น
308ถาวร(กรณี 308) การย้ายถาวร เหมือนกับ 301

301 Redirect คืออะไร? ทำไมนักการตลาด SEO ถึงนิยมใช้กัน

การใช้ 301 Redirect ในความหมายของ Google นั้นคือ การย้าย URL ไปหา URL ใหม่ อย่างถาวร โดย Google นั้นจะลบ URL นั้นจากการ Index ออก

การใช้ 301 Redirect จะใช้ต่อเมื่อเราต้องการให้ User ทุกคนที่เข้ามาใน User เก่า ไม่ว่าจะจากช่องทางไหน และ Google ให้ทราบถึง URL ใหม่ที่เราต้องการเท่านั้น

ในวงการ SEO นั้น การใช้ 301 Redirect เป็นการใช้ที่นิยมมากๆ และใช้กันทั่วหลาย เนื่องจากการใช้ 301 Redirect นั้นจะย้ายค่าคะแนน SEO ทุกอย่างไปหา URL ใหม่ และย้าย Backlink Authority จากหนัานั้นๆไปหาหน้าใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน

302 Redirect คืออะไร? เราจะใช้ในกรณีไหนบ้าง?

302 Redirect นั้นเป็นการย้าย URL จากหน้าเก่า ไปหา URL หน้าใหม่ เหมือนกับ 301 Redirect แต่การใช้ 302 Redirect นั้นจะแจ้ง Search Engine ให้ทราบว่า “เป็นการย้าย URL แบบชั่คร่าวเท่านั้น” และจะกลับมาใช้หน้าเก่าอีกครั้ง

ทาง Minimice เราได้ Confirm แล้วว่าการใช้ 302 Redirect นั้น ค่าคะแนน SEO ต่างๆจะทำการย้ายมาด้วย แต่อาจจะไม่ครบ 100%

ในกรณีการใช้ 302 Redirect นั้นต่อเมื่อเราต้องการจะย้ายหน้า ชั่วคร่าวเท่านั้น ส่วนมากในการใช้ 302 Redirect นั้นจะใช้ต่อเมื่อเราต้องการจะ A/B Test URL เท่านั้น เนื่องจากการทดสอบแบบนี้นั้นจะทำให้เราสามารถ เปลี่ยนหน้าหลักของเรา เพื่อทดสอบหน้าใหม่ที่เราคิดว่าจะสามารถเพิ่ม Conversion ได้ หรือในอีกกรณีนึงนั้นเป็นการเปลี่ยนเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อทดสอบการใช้งานของ User นั้นหน้านั้นๆได้

การทำ Redirect 302 นั้นหน้าเดิมจะยังคง Index อยู่ และจะอยู่อันดับที่เราอยุ่ ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้การใช้ 302 Redirect นั้นต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ 301 และ 302 Redirect นั้นอาจจะเกิดการสับสนได้ เนื่องจากอีกหนึ่งในความเชื่อนั้นคือ การใช้ 302 Redirect นานๆนั้นอาจจะโดนย้ายเป็น ถาวร หรือ 301 Redirect ได้

307 Redirect คืออะไร?

307 Redirect นั้นจะใช้เหมือนกับ 302 Redirect แต่เป็นการใช่ใน http เท่านั้น ซึ้งเป็นการย้ายแบบชั่วคร่าวเท่านั้น

308 Redirect คืออะไร?

308 Redirect นั้นเหมือนกับ 301 Redirect ในทุกกรณี และสามารถใช้ได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะ 301 หรือ 308

เราต้องใช้ Redirect แบบไหน ในสถานการณ์ไหนบ้าง?

การใช้ Redirect นั้นสามารถใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ ซึ้งจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน SEO จะใช้ในกรณีดั่งนี้

  • 301 Redirect – การจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ URL ผิด และต้องการย้าย URL ไปหาหน้าใหม่ที่ต้องการ

www.example.com/15502 และต้องการจะแก้ URL ในส่วนหน้านี้ เป็น www.example.com/product-a

การใช้ 301 Redirect จะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดการเสียหายในอันดับที่ติดอยู่แล้ว 

  • 301 Redirect – ต้องการย้าย Domain ทั้งหมด ไปหา Domain ใหม่

ยกตัวอย่างเช่น

www.example.com  และต้องการย้ายทั้งโดเมนมา www.sample.com 

เราแนะนำการใช้ 301 Redirect เท่านั้น ทั้งนี้การใช้ในกรณีนั้นต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะเราจะต้อง Redirect ให้ตรงไปหาหน้าที่ตรงกันกับที่เราสร้าง โดเมนใหม่ ทั้งหมด ไม่ใช่การ 301 Redirect ที่หน้า Homepage เท่านั้น

สิ่งที่ควรทำ

www.example.com/product-a      ———>     www.sample.com/product-a

www.example.com/product-b      ———>     www.sample.com/product-b

สิ่งที่ไม่ควรทำ

www.example/product-a   & www.example.com/product-b ———>  www.example.com

  • 301 Redirect – ถ้ามีปัญหา การทำ Index ผิดหน้า เป็นกรณีสุดท้ายในการใช้งาน

ปัญหาการ Index ผิดหน้านี้นั้น วิธีแก้ไขขั้นตอนสุดท้ายที่สุด คือการย้ายหน้า ไปหาหน้าที่สร้างขึ้นมาใหม่ ซึ้งทางเราได้มีบทความในส่วนนี้ให้ทุกท่านแล้ว เรียบร้อย สามารถเข้าไปดูได้เลยในลิงค์ที่แนบไว้

4 ขั้นตอนในการ แก้ปัญหา Google Index ผิดหน้า ที่ใช้ได้จริง!

  • 302 Redirect – ต้องการจะ A/B Test หน้าบริการ หรือสินค้า โดยไม่กระทบ SEO

การ A/B Test หน้าบริการ หรือสินค้า โดยการใช้ 302 Redirect นั้นไม่แนะนำหากไม่มี SEO Specialist ค่อยปรึกษาอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากการทำในรูปแบบนี้นั้น หากพลาดนิดนึง อาจจะทำให้เกิดปัญหาในส่วน ranking ทันที

 www.example.com/product-a      ———>     www.sample.com/product-ab

  • 302 Redirect – ต้องการ A/B Test เว็บไซต์ใหม่ ในการทดสอบ Conversion

อันนี้จะคล้ายกับเคส ก่อนหน้านี้ แต่เป็นการดูครอบคลุมทั้งเว็บไซต์ ทั้งนี้ในเคสนี้ทางเราไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่งเนื่องจากการทำในรูปแบบนี้นั้นจะเสียทรัพยากร เป็นอย่างมาก

4 สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงในการใช้ Redirect เพื่อให้การใช้ Redirect อย่างถูกวิธี

การใช้ Redirect นั้นมีหลากหลายวิธี ทั้งนี้การใช้ Redirect นั้นมีจุดที่เราต้องคำนึงเช่นเดียวกัน เนื่องจากการทำผิดวิธีนั้นอาจจะเกิดปัญหาได้ ทำให้ SEO Ranking เราตกอันดับได้ทันที ซึ้งเราจะต้องระวังในกรณีดั่งนี้

1. หลีกเลี่ยงการ Redirect ที่เป็น Chain and Loop

Redirect Chain and Loop นั้นเป็นสิ่งที่เราต้องระวังอย่างมาก เนื่องการจากทำเช่นนี้อาจจะทำให้ Ranking เกิดกระทบได้ง่ายมากๆ 

Redirect Chain and Loop นั้นหมายถึงการใช้งาน Redirect จาก หน้า A ไปหาหน้า B และมีการทำในส่วน Redirect อีกครั้งจาก B ไปหา C  ซึ้งปัญหานี้เกิดขึ้นมากกว่าที่คุณคิดเว็บไซต์นั้นอาจจะเจอปัญหานี้ได้โดยไม่ตั้งใจเป็นจำนวนมาก เว็บไซต์ส่วนใหญ่นั้นจะเจอปัญหา Redirect Chain and Loop ตอนทำการย้ายเว็บไซต์ใหม่ได้

ปัญหา Redirect Chain นั้นเจอส่วนใหญ่ในการย้ายเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ A นั้นเคยมีการเปลี่ยนโครงสร้างมาก่อนหลังจาก SEO Specialist A เข้ามาช่วย เช่น www.example.com/product-1  และเปลี่ยนเป็น www.example.com/product/1  ซึ้งเป็นการทำที่ดีแล้ว ทั้งนี้เจ้าของเว็บไซต์ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างสินค้า เป็น www.example.com/product-1/product-1-2  การทำเช่นนี้จะทำให้เกิด Redirect Chain ขึ้นมาได้

Redirect Loop นั้นหนักกว่า Redirect Chain อีก เนื่องจาก Redirect Loop นั้นคือการย้ายจากหน้า A ไปหาหน้า C แล้ว และอยู่ดีๆจะมีการย้ายกลับมาจาก หน้า C ไปหา หน้า A ซึ้งการทำในรูปแบบนี้นั้นต้องหลีกเลี้ยงเป็นอย่างมาก

การที่ Redirect Chain and Loop เกิดขึ้นมานั้น เพราะการทำส่วนมากนั้นจะเจอ Redirect Chain ก่อน และหากตรวจสอบไม่ดี ก็จะเกิด Redirect Loop ตาม ทำให้เกิดเป็นวงจร Redirect ที่ปวดหัว และ Search Engine อย่าง Google จะ downgrade เว็บไซต์เราในทันที

เครื่องมือที่เราใช้กันใน Minimice นั้นคือ SEMrush site audit tool ในหมวด Redirect Chain and Loops จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ขาดได้

2. หลีกเลี่ยงการลืม Redirect ที่เป็นในส่วน Internal Linking

ในการใช้ Redirect นั้นแต่ละ URL นั้น เราจะมีโอกาศง่ายมากๆที่จะลืมในส่วนการย้าย Internal Linking ในหน้านั้นๆมาด้วย เราจึงต้องทำการแก้ไข Internal Linking ในหน้านั้นๆด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาให้ Search Engine นั้นซับซน

ทั้งนี้ Google ไม่ได้แจ้งถึงกรณีการ downgrade Ranking จากกรณีที่เราไม่ได้ย้าย Internal Linking เข้ามาด้วย เพราะการทำ Redirect นั้นก็จะย้ายมาหมดอยู่แล้ว ซึ้งการป้องกันให้รอบครอบไว้ก่อนนั้นจะหลีกเลี่ยงปัญหาการ Ranking ตกแบบที่เราไม่รู้ได้

3. หลีกเลี่ยงการ Redirect ไปหาหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

พอเราทำการ Redirect แล้วนั้น เราไม่ควรที่จะ Redirect ทุกอย่างไปหาหน้าๆเดียวเด็ดขาด เนื่องจาก User Experience ที่เข้ามานั้น URL นั้นๆต้องการที่จะหาบริการ หรือสินค้านั้นๆ การที่เรา Redirect ไปหาหน้าอื่นจะทำให้ User Experience เสีย และแน่นอน Google จะลด Ranking ของเว็บไซต์เราเช่นเดียกัน เพราะ Google คำนึงถึง User Experience เป็นหลัก

กรณีส่วนใหญ่ที่เราเจอนั้นจะเจอจาก Website Developer ที่ทำการย้ายเว็บไซต์ใหม่ เผลอทำการ Redirect ทุกอย่างไปหาหน้า Homepage ทั้งหมด ซึ้งเป็นการทำที่ผิดพลาด และควรหลีกเลี่ยงในทุกกรณี

4. หลีกเลี่ยงการ Redirect ไปหา URL ที่ซ้ำซ้อนกัน

ปัญหาที่เกิดขึ้นได้นั้นจะเป็นในส่วน Technical ที่ User นั้นอาจจะไม่สังเกตุ ซึ้งส่วนใหญ่จะเป็น text sensitive case ที่ Google ให้ความสำคัญ

  • เว็บไซต์ที่มี www.example.com และ example.com
  • HTTPS และ HTTP
  • URL ที่มี / และ ไม่มี /
  • ตัวอักษรใหญ่ และเล็ก

วิธีการทำ URL Redirection สำหรับเว็บไซต์ที่เขียนด้วย WordPress

ถ้าคุณใช้ WordPress นั้นการทำ Redirect นั้นง่ายมาก เพราะเรามี Plugin เข้ามาช่วยให้ซีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ เราแนะนำการใช้ 301 Redirect

Plugin นี้ใช้ง่ายมาก พอเรา install และ active plugin นี้แล้วนั้นเราจะสามารถเข้าเจอตัว Plugin นี้ได้ที่

Setting > 301 Redirects

ในหน้าต่าง 301 Redirects นั้นเราสามารถหยิบเลือก Redirect ที่เราต้องการ ใส่ URL ที่เราต้องการเปลี่ยน และใส่ URL ที่เราอยากไปหาได้เลย

วิธีการทำ URL Redirection จาก Control Panel ใน Web Hosting

หากคุณใช้เป็นการเขียนด้วย PHP หรือ โปรแกรมอื่นๆนั้นหนึ่งในวิธีการทำ Redirect ง่ายที่สุดคือการเข้าไปที่  Control Panel หรือ C Panel ของ Web Hosting ของคุณ หน้าที่คุณเข้า CPanel นั้นจะเป็นในรูปแบบนี้

พอเรามาเจอหน้าตาแบบนี้แล้วนั้นให้เรากดไปที่ Site Redirection

ถ้าเรากดเข้าไปที่ Site Redirection แล้วเราจะเห็นหน้าต่างนี้ 

  • ซึ้งเราจะใส่ URL ที่ต้องการย้ายใน Local URL Path
  • เลือกรูปแบบการ Redirect ที่ Redirect Type
  • ใส่ URL ที่ต้องการลงใน Destination URL

วิธีการทำ URL Redirection จาก .htaccess

การแก้ไข Redirect ด้วย .htaccess เป็นสิ่งที่คนชอบใช้กันเช่นเดียวกัน เรามาดูกันว่าทำยังไง

เข้าไปใน File Manager

ไปที่ public_html

และเข้าไปใน .htaccess ในกรณีถ้าเรายังไม่มี .htaccess สร้างพิมพ์ลงไปในช่อง Create New File และกด create ได้เลย

หลังจากนั้นเราจะเข้าไปเจอหน้าเปล่าแบบนี้ ซึ้งชุด Code นั้นจะแยกเป็นดังนี้

Redirect URL ทั้งหมดไปหาหน้าใหม่

Redirect 301 / https://example.com/

Redirect URL หน้าเดี่ยว

ตัวอย่าง: Redirect 301 [/URLเก่า] [URL ใหม่]

Redirect 301 /product-a https://example.com/product-a

Redirect URL จาก www. ไปหา ที่ไม่มี www. นำหน้า

RewriteEngine On
RewriteCond %{HTTP_HOST} !^www\.example\.co\.th$ [NC]
RewriteRule ^(.*)$ http://example.co.th/$1 [L,R=301]

Redirect URL จาก ไม่มี www. นำหน้า ให้มี www. นำหน้า

RewriteEngine On
RewriteCond %{HTTP_HOST} !^www\.example\.co\.th$ [NC]
RewriteRule ^(.*)$ http://www.example.co.th/$1 [L,R=301]

Redirect URL ให้บังคับใช้ SSL

RewriteEngine On
RewriteCond %{SERVER_PORT} 80
RewriteRule ^(.*)$ https://www.example.co.th/$1 [R,L]

บทสรุปการทำ Redirect

การทำ Redirect นั้นเป็นสิ่งที่ทุกเว็บไซต์จะเจอ และเราครจะใช้ Redirect อย่างระมัดระวังมากๆ เนื่องจากจะทำให้ค่าคะแนน SEO ของเรานั้นกระทบในสิ่งที่ดี และไม่ดี ได้ในทันที ซึ้งการ Redirect จะมีดั่งนี้

  • 301 Redirect – ใช้ในกรณีที่เราจะต้องการย้าย URL ถาวร
  • 302 Redirect – ใช้ในกรณีที่เราต้องการย้าย URL ชั่วคร่าว
  • การทำ Redirect ควรระวังไม่ให้เกิด Redirect Chain and Loop

การทำ Redirect นั้นควรปรึกษานักการตลาด SEO ให้ดีเนื่องจากการทำนั้นจะผลิกเกม SEO ของเราได้อย่างถาวร และหากทำผิดพลาดแล้วนั้น ควรจะเปลี่ยนกลับให้เร็วที่สุด ไม่เกินระยะเวลา 1 – 3 วันเด็ดขาด ทางทีม Minimice ยินดีให้คำปรึกษา และช่วยคุณได้ สามารถกดลิงค์นี้ SEO ได้เลย!

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

การทำ Redirect จะส่งต่อคะแนน SEO หรือไม่?

คะแนน SEO จะส่งต่อ หากเรามีการเปลี่ยนแปลง URL และใช่ 301 Redirect ให้ถูกวิธี จะทำให้คะแนน SEO และ Backlink โดยย้ายมาหา URL ใหม่ทั้งหมดได้

เราควรจะ Redirect URL นานขนาดไหน?

เราสามารถทิ้ง Redirect URL ไว้ได้ตลอด และจะไม่ทรงผลกระทบกับ SEO หรือใดๆ ทั้งนี้ถ้า URL นั้นโดนย้ายมาเป็นเวลานานจะทำให้ Index หลุด แต่เราก็ยังไม่ควรที่จะยกเลิก Redirect ในทันที เนื่องจาก User จะยังคงสามารถเข้ามาได้ ถ้าระยะเวลาที่ปลอดภัยนั้นครจะทิ้งไว้ 1+ ปี

การทำ Redirect URL ส่งผลเสียต่อ SEO ไหม?

การทำ Redirect นั้นไม่ส่งผลเสียให้กับ SEO แต่เราควรจะระวังกับการ Redirect เป็นอย่างมาก เพราะการ Redirect ผิดพลาดนั้นจะทำให้ SEO เสียได้ในทันที

เราจะตรจสอบยังไงว่าเว็บไซต์เรามี Redirect Chain and Loop?

เครื่องมือที่เราชอบใช้นั้นจะเป็น SEMrush site audit tool ในหมวด Redirect Chain and Loop

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง