ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทุกคนบนโลกสามารถสื่อสารและเชื่อมโยงกันได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่อยากได้ข้อมูลอะไรก็สามารถเสิร์ชหาได้ง่าย เพียงแค่คลิกเดียวก็ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ต้องการในทันที
นอกจากการเสิร์ชด้วยตัวหนังสือแล้ว ในปัจจุบันยังมีสิ่งที่เรียก Voice Search ซึ่งเป็นการเสริชหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยเสียง แม้ว่าการสั่งงานด้วยเสียงจะมีมานานแล้ว แต่ในอดีตนั้นอาจจะรองรับแค่เพียงภาษาอังกฤษ แต่ในปัจจุบันระบบการเสริชด้วยเสียงรองรับภาษาที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งระบบ AI ที่ประมวลเสียง หรือคำพูดที่สั่งการก็มีความแม่นยำมากขึ้น ทำให้ Voice search ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะทำอย่างไรให้ให้การค้นหาด้วย Voice Search นั้นติด SEO ในหน้าที่เราต้องการ บทความนี้จะชวนทุกคนไปรู้จักกับการ Voice Search SEO กัน
![voice search สำคัญต่อการทำ seo อย่างไร](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-01-1024x536-1.jpg)
Voice Search สำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร?
Voice Search คือ การค้นหาข้อมูลต่างๆ ด้วยเสียง หรือคำสั่งเสียง หลังจากนั้น AI จะทำการประมวลผลข้อมูลจาก Keyword ที่จับได้ เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เราต้องการ ซึ่ง Voice Search นั้นถือเป็นหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ในอีกขั้นที่มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์ ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ด้วยการปรับปรุงข้อมูลต่าง ๆ ให้รองรับคำสั่งเสียงก็จะช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าในการค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น ทำให้มีโอกาสสูงขึ้นที่ Google จะดึงหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อแสดงผล หรือตอบคำถามจาก Voice search ซึ่ง Voice search มีความสำคัญต่อการทำ SEO ดังนี้
- ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้ในระยะยาว
- ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา
- เป็นตัวช่วยในการสร้าง Engagement ได้เป็นอย่างดี
- มีประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์
![](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-02-1024x536-1.jpg)
Voice Search ต่างจาก Text Search มากแค่ไหน?
สำหรับการค้นหาด้วย Voice Search และการค้นหาด้วย Text Search นั้น แม้จะเป็นการค้นหาด้วยเรื่องเดียวกัน แต่การค้นหาทั้งสองรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกัน ในส่วนของการใช้ภาษา การค้นหาข้อมูลด้วย Voice Search จะใช้ภาษาที่เป็นกันเอง มีความเป็นธรรมชาติ และส่วนใหญ่จะเป็นคำถามมากว่า ส่วน Text Search จะใช้เฉพาะคีเวิร์ดสำคัญ ๆ ซึ่งมักจะค้นหาด้วยคำสั้น ๆ ตัวอย่างเช่น
- Voice Search : ช่วยบอกวิธีเดินทางไปอยุธยาหน่อย
- Text Search : อยุธยา การเดินทาง
![](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-03-1024x536-1.jpg)
ข้อจำกัดของ Voice Search
Voice Search เป็นระบบการสั่งงานด้วยเสียงที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2011 แต่ในยุคนั้นยังไม่เป็นที่นิยม เพราะรองรับภาษาที่ไม่หลากหลาย แม้ว่าในปัจจุบัน Voice Search จะมีการพัฒนาไปมากแล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง ดังนี้
- สำเนียง สำหรับ Voice Search นั้นเป็นคำสั่งเสียงที่ AI จะทำการจับคีเวิร์ดแล้วนำไปค้นหาข้อมูล แต่หากพูดในสำเนียงที่ไม่ชัดเจนก็อาจจะทำให้ AI ไม่เข้าใจ จนไม่สามารถเสริชข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้จึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน
- ภาษา แม้ว่าในปัจจุบัน AI จะรองรับภาษาที่มีความหลากหลายมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในทุก ๆ ภาษา จึงอาจทำให้มีข้อจำกัดอยู่บ้าง
- ความเป็นส่วนตัว Voice Search เป็นระบบที่ยังไม่ได้รับความนิยมมาก ระบบความปลอดภัย หรือความเป็นส่วนตัวจึงอาจจะยังไม่ปลอดภัยเท่าที่ควรจะเป็น
![](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-04-1024x536-1.jpg)
วีธีทำคอนเทนต์ให้รองรับ Voice Search
ปัจจุบัน Voice Search มีแนวโน้มที่มีการใช้งานมากขึ้น ด้วยการใช้งานที่ง่าย ไม่ต้องก้มพิมพ์ และสามารถสั่งการได้ด้วยระบบเสียง ซึ่งการทำคอนเทนต์ที่รองรับ Voice Search นั้นสามารถช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติด SEO ได้ง่ายขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำคอนเทนต์ให้รองรับคำสั่งเสียง สามารถทำได้ด้วยวิธีดังนี้
- ใช้ Long-Tail Keyword เปลี่ยนรูปแบบจากการใช้คีเวิร์ดเดิม ๆ ที่มักจะเป็นคีเวิร์ดคำสั้น ๆ เปลี่ยนมาใช้คีเวิร์ดแบบ Long-Tail ซึ่งเป็นคีเวิร์ดที่ยาวเป็นวลี หรือประโยค บางครั้งอาจมาเป็นประโยคคำถาม เพราะคีเวิร์ดเหล่านี้มีความใกล้เคียงกับภาษาพูดมากกว่าแบบสั้น ๆ
- เลือกคำถามที่มักใช้ในบทสนทนา นอกจากการเลือกใช้คีเวิร์ดที่เป็นแบบ Long-Tail แล้ว ยังควรเลือกใช้คีเวิร์ดที่เป็นคำถาม หรืออาจจะลองคาดการณ์คำถามที่ User มักจะใช้ตั้งคำถาม เพื่อช่วยให้ตรงกับการค้นหามากที่สุด
- อัปเดตเนื้อหาเกี่ยวกับธุรกิจ การใช้ Voice Search ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการค้นหาสถานที่ เวลาเปิดปิด หรือข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจ ดังนั้นการที่จะทำ Voice Search SEO จึงจำเป็นต้องใส่ข้อมูลของธุรกิจให้มีความชัดเจน เช่น
- เวลาเปิดปิด
- ตำแหน่งที่ตั้ง
- เบอร์โทรศัพท์
- มีที่จอดรถหรือไม่
- ตั้งค่าให้เว็บไซต์พร้อมใช้งานด้วย Voice Search ก่อนที่จะทำ Voice Search SEO จะต้องมั่นใจก่อนว่าเว็บไซต์ของเรานั้นรองรับการค้นหาด้วยเสียง
![เทคนิคการทำ voice search เพื่อส่งเสริม local seo](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-05-1024x536-1.jpg)
เทคนิคการทำ Voice Search เพื่อส่งเสริม Local SEO
Local SEO เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนรู้จักและเข้าถึงร้านค้าของเรามากขึ้น ซึ่งเหมาะกับร้านค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยที่มีจุดมุ่งเน้นอยู่ที่สถานที่ หรือการวางตำแหน่งในการค้นหามน Google นั่นเอง ซึ่ง SEO นั้นจะช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดหน้าหนึ่งในการค้นหา
สำหรับใครที่อยากจะทำ Voice Search เพื่อส่งเสริม Local SEO จำเป็นจะต้องมีการอัปเดต Google My Business สำหรับธุรกิจ เพื่อให้ Google รู้รายละเอียดที่ตั้งของธุรกิจ รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิดร้าน สถานที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อร้าน นอกจากนี้ยังต้องมีการใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- มีการรีวิวจากลูกค้า เพื่อช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจเข้าใจบริการ
- สร้างคีเวิร์ดให้ตรงกับคำค้นหา โดยใช้เป็นคำถามที่คาดว่าลูกค้าจะสงสัย หรืออยากถาม
- เว็บไซต์ใช้งานง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มเป้าหมายอยากใช้งานต่อ
- เลือกใช้คำที่คนท้องถิ่นนิยม เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
![](https://minimicegroup.co.th/wp-content/uploads/2023/04/MNM-3-13-06-1024x536-1.jpg)
เทคนิคและกลยุทธ์การทำ Voice Search ให้ประสบความสำเร็จ 2023
Voice Search เป็นรูปแบบการค้นหาที่ใช้งานง่าย และสะดวกสบาย หากต้องการให้การทำ Voice Search ประสบความสำเร็จจำเป็นจะต้องมีเทคนิค และกลยุทธ์ ดังนี้
- ปรับปรุงและตั้งค่าให้รองรับการค้นหาด้วย Voice Search
- ปรับคอนเทนต์ในเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียง เช่น เลือกใช้ Long-Tail คีเวิร์ด หรือเลือกใช้คีย์เวิร์ดแบบคำถาม
- อัปเดตข้อมูลใน Google My Business เพื่อรองรับคำค้นหาจากกลุ่มเป้าหมาย
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์
- เพิ่มในส่วนของ Schema Markup เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจว่าบทความมีวัตถุประสงค์อะไร เพื่อตอบคำถามของผู้ใช้งานได้อย่างตรงจุด เช่นการมีส่วนของ FAQ ในบทความ
สรุป
Voice search คือ การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยเสียง หลังจากนั้น AI จะทำการประมวลผลข้อมูลจาก Keyword ที่จับได้ เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เราต้องการ แม้จะมีข้อจำกัดในด้านภาษา สำเนียง และความเป็นส่วนตัว แต่ Voice search ก็มีส่วนช่วยในการทำ SEO ที่ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ด้วยการทำคอนเทนต์ให้รองรับการค้นหาด้วยคำสั่งเสียง ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการทำ Voice Search ให้ประสบความสำเร็จ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Voice Search คืออะไร?
Voice Search คือ วิธีการค้นหาข้อมูลหรือคำตอบของผู้ใช้งานผ่านคำสั่งเสียง โดยระบบจะประมวล Keyword ผ่านระบบ AI เพื่อแสดงผลลัพธ์การค้นหาแก่ผู้ใช้งานต่อไป
Voice Search แตกต่างจาก Text Search อย่างไร?
Voice Search มีจุดที่แตกต่างจาก Text Search อยู่ 3 จุดหลัก ๆ คือ
- Voice Search มักจะถูกใช้เมื่อคนต้องการหาร้านค้าหรือบริการที่อยู่ใกล้
- Voice Search มักใช้เมื่อเราต้องการค้นหาคำตอบที่เฉพาะเจาะจงและเป็นประโยค
- Intent ของการค้นหาผ่าน Voice Search มักกจะเป็นภาษาพูด ส่วน Text search จะเป็นภาษาทางการมากกว่า
สำหรับคนทำ SEO ต้องปรับตัวอะไรบ้างในการทำ Voice Search
ในอนาคตพฤติกรรมการค้นหาผ่านเสียงจะเพิ่มมากขึ้นถึง 60% และ 20% ของการค้นหาข้อมูลผ่านมือถือเป็นการค้นหาผ่านเสียง ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่าควรโฟกัสที่การทำ Voice Search ให้มากขึ้นหรือไม่ ตรงส่วนนี้อาจจะบอกได้ว่าควรแบ่งน้ำหนักการทำ voice search และ Text search ให้พอดีกันจะดีกว่า เพราะ Text search ก็ยังมีความสำคัญต่อ SEO และผู้ใช้งาน