inbound marketing

Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูด ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ยังไง

Table of Contents

เหล่านักการตลาดหลายคนรู้ดีว่าวิธีการดึงดูดกลุ่มลูกค้านั้นมีหลากหลาย แต่หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างความน่าสนใจ และเสริมความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี คงไม่พ้น Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูด โดยกลยุทธ์ Inbound Marketing เป็นการเลือกให้ข้อมูล และเนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย ชวนไปดูว่า Inbound Marketing เป็นอย่างไร และทำไมถึงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ ไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ในบทความนี้เลย

inbound marketing คืออะไร

Inbound Marketing คืออะไร

Inbound Marketing คือ การทำการตลาดเพื่อสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจในธุรกิจ หรือแบรนด์ด้วยการส่งต่อประโยชน์ และคุณค่าที่ลูกค้าสนใจ ก่อนทำการดึงความสนใจดังกล่าวโยงเข้าหาธุรกิจ และกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการใช้บริการ หรือซื้อสินค้าจากทางแบรนด์ในที่สุด กลยุทธ์นี้ถูกคิดค้นโดยบริษัทการตลาดอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง HubSpot ก่อนที่หลายธุรกิจจะนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจ และเป็นที่นิยมอย่างในปัจจุบัน

ความสำคัญของ Inbound Marketing

กลยุทธ์ทางการตลาดส่วนมากมักเป็นการวิ่งเข้าหากลุ่มเป้าหมายโดยตรง จนหลายครั้งทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สบายใจ และไม่ปลอดภัยจากกลยุทธ์ของแบรนด์ แต่รูปแบบของการตลาดแบบ Inbound Marketing จะเป็นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า และมีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกสนใจในเนื้อหา และเป็นฝ่ายเข้าหาแบรนด์ด้วยตัวเอง ทำให้ Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ไม่รบกวนกลุ่มเป้าหมาย และช่วยสร้างฐานกลุ่มลูกค้าที่แข็งแรงได้อย่างยั่งยืน

inbound marketing เหมาะกับธุรกิจไหนบ้าง

ธุรกิจอะไรที่เหมาะกับการทำ Inbound Marketing

เชื่อว่าคนที่รู้จัก และเข้าใจเกี่ยวกับ Inbound Marketing ต้องสนใจอยากนำกลยุทธ์ทางการตลาดนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันอย่างแน่นอน โดยรูปแบบ Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูดเหมาะกับธุรกิจหลายประเภท ดังนี้

  • ธุรกิจแบบ B2B (Business to Business)
  • ธุรกิจที่สินค้ามีความซับซ้อน หรือขายยาก (High-involvement)
  • ธุรกิจที่สินค้ามีมูลค่าต่อชิ้นสูง

กรอบแนวคิดของ inbound marketing

กรอบแนวคิดของ Inbound Marketing

กรอบแนวคิดของ Inbound Marketing ถูกพัฒนาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นำไปใช้งานได้จริง และปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจ โดยทาง Hubspot ได้พัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับ Inbound Marketing เอาไว้ถึง 2 เวอร์ชันด้วยกัน ซึ่งรูปแบบที่สองถือเป็นรูปแบบที่อัปเดตล่าสุด และเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน ในรูปแบบนี้มีแนวคิดเป็นวงล้อที่ไม่รู้จบ โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดังนี้

ดึงดูด (Attract)

กลยุทธ์ Inbound Marketing อย่างแรก คือ การดึงดูด (Attract) เปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้กลายเป็นผู้เข้าชม จากคนทั่วไปที่เล่นโซเชียลให้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตาม Buyer Persona ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และมีคุณค่าเพื่อให้กลุ่มลูกค้าเกิดการจดจำ และคุ้นเคยกับแบรนด์มากยิ่งขึ้น ทันทีที่กลุ่มเป้าหมายเจอแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลอื่นๆ ก็จะจำได้ว่านี่เป็นเนื้อหาของแบรนด์ใดนั่นเอง

สานสัมพันธ์ (Engage)

ในส่วนของการสานสัมพันธ์ (Engage) คือ ส่วนที่ครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มเป้าหมายที่พบเจอเนื้อหาของแบรนด์ ไปจนถึงขั้นตอนปิดการขายกันเลยทีเดียว การสานสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และลูกค้า มีหลากหลายวิธีที่ช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจในเนื้อหา ก่อนดึงให้พวกเขาเหล่านั้นอยากมีส่วนร่วม และเกิดความสนใจในสินค้า หรือบริการ

ตัวอย่างที่หลายๆ แบรนด์ชอบทำ คือ การหยิบปัญหา หรือ Pain Point มาเป็นประเด็นแรกเริ่ม เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเกิดจุดร่วมระหว่างสินค้า และกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกสนใจ และต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อหวังให้สินค้า หรือบริกาช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นเอง

ผูกใจ (Delight)

ส่วนสุดท้ายของกระบวนการ Inbound Marketing คือ การผูกใจกับลูกค้า (Delight) กระชับความสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายหลงรักในแบรนด์มากยิ่งขึ้น และประทับใจในแบรนด์จนอยากแบ่งปันสินค้า หรือบริการของคุณให้กับเพื่อนๆ หรือคนรอบตัวของลูกค้า

โดยวิธีผูกใจสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้ามีหลากหลาย ได้แก่ บริการหลังการขาย การไถ่ถามความพึงพอใจจากการใช้งาน หรือการสนับสนุนช่วยเหลือ หากลูกค้าพบเจอปัญหาจากการใช้สินค้า ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในแบรนด์ของคุณได้แบบที่คาดไม่ถึง จากความประทับใจนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากส่งต่อประสบการณ์ดีๆ ให้กับคนรอบตัว และทำให้เกิดการบอกปากต่อปาก (Word of Mouth) หนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังมากที่สุดที่เหล่านักการตลาดต้องการ

เปรียบเทียบ inbound marketing กับ outbound marketing

Inbound Marketing VS Outbound Marketing ต่างกันยังไง

หลังจากที่เห็นภาพรวมของการตลาดแบบ Inbound Marketing กันไปแล้ว แต่ Inbound Marketing ยังมีลักษณะ และความน่าสนใจของเทคนิคทางการตลาดที่ใกล้เคียงกันกับ Outbound Marketing เพียงแต่เป็นทิศทางตรงกันข้าม และให้ผลลัพธ์อีกขั้วเลยก็ว่าได้

Outbound Marketing คือ การวิ่งเข้าหา และผลักเนื้อหาเพื่อขายสินค้าให้กับกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของ Outbound Marketing มักเป็นการโปรโมต และบอกต่อส่วนลด เพื่อกระตุ้นความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด จะเห็นได้ว่าเป็นวิธีการสื่อสารที่แตกต่างคนละขั้วกับ Inbound Marketing ที่เน้นการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้าหาเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และมีคุณค่า สร้างฐานของแบรนด์ให้แข็งแรง กระตุ้นความอยากซื้อ หรือใช้บริการตามกลุ่มเป้าหมายที่ใช้บริการไปก่อนหน้า

ตัวอย่างการทำ inbound marketing

ตัวอย่างการทำ Inbound Marketing

การตลาดแบบ Inbound Marketing เป็นหนึ่งในเทคนิคที่แพร่หลาย และได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง มีนักการตลาด และเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่นำเทคนิคนี้ไปปรับใช้กับธุรกิจเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี โดยตัวอย่างการทำ Inbound Marketing สามารถทำได้ด้วยเทคนิคต่างๆ ดังนี้

Search Engine Optimization (SEO)

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ของแบรนด์ให้ขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของหน้าค้นหา หรือ Search Engine ผ่านการปรับเปลี่ยนการใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหาของเว็บไซต์ รวมถึงความสวยงาม สะดวกสบาย และมีฟังก์ชันการใช้งานของเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อกลุ่มเป้าหมายสามารถพบเจอเนื้อหาที่ดี และมีประโยชน์จากทางแบรนด์ ก็ยิ่งทำให้เกิดการรับรู้ของแบรนด์กว้างขวางขึ้น และเกิดความคุ้นเคยระหว่างแบรนด์ และกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น หากแบรนด์ หรือธุรกิจยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ทาง Minimice Group พร้อมให้คำปรึกษา และให้ความช่วยเหลือ เพราะเราเป็นบริษัทเอเจนซีรับทำโฆษณา การันตีผลลัพธ์ใน 90 วัน ช่วยทำให้ธุรกิจของคุณเกิดการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย

คลิปวิดีโอเรื่องราว

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินพลังในการส่งสารของคลิปวิดีโอมาก่อนกันอย่างแน่นอน คลิปวิดีโอสามารถถ่ายทอดสาร หรือเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างทรงพลัง และมีประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งในปัจจุบันเทรนด์การเสพสื่อของผู้คนคือวิดีโอแบบสั้นจากแพลตฟอร์มน้องใหม่อย่าง TikTok ทำให้ทุกแพลตฟอร์มต้องหันมาเอาดีด้วยการทำคลิปสั้นกันเพื่อส่งเสริมการขายสินค้า และบริการ

ลักษณะคลิปวิดีโอเรื่องราวที่ดี ควรมีประเด็นในการสื่อสารที่ชัดเจน การเล่าเรื่องไม่เยิ่นเย้อ ตรง ชัด และกระชับ ไม่ควรใช้ระยะเวลาในคลิปเกิน 1 นาที หากเป็นไปตามนี้มีโอกาสสูงที่กลุ่มเป้าหมายจะชมคลิปวิดีโอจนจบ ส่งผลให้เกิดการมองเห็นของคลิปวิดีโอมากขึ้น และเสริมสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

อินโฟกราฟิก

ภาพสามารถสื่อสารได้ดีมากกว่าตัวอักษร ยิ่งในยุคที่ผู้คนอ่านน้อยลง และหันมาเสพสื่อกันผ่านภาพ สื่อประเภทอินโฟกราฟิกจึงเป็นตัวเลือกในการสื่อสารที่ดูง่าย และตอบโจทย์กับผู้คนยุคใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม ลักษณะของอินโฟกราฟิกที่ดี คือ การใช้สัญลักษณ์ และภาพในการเล่าเรื่องแทนที่จะใช้ตัวอักษรเยอะๆ ในการสื่อสาร ทำให้ผู้พบเห็นสามารถเข้าใจได้รวดเร็ว และง่ายมากขึ้นกว่าเดิม

พอดแคสต์

หนึ่งในรูปแบบของการเล่าเรื่องที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจคงไม่พ้นพอดแคสต์ เนื่องจากพอดแคสต์สามารถเล่าเรื่องราว และถ่ายถอดรายละเอียด อารมณ์ ความรู้สึกผ่านโทนเสียง อีกทั้งยังเพิ่มความน่าสนใจได้ด้วยเสียงเอฟเฟคได้เพิ่มเติม ทำให้พอดแคสต์กลายเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสื่อสารที่นักการตลาดยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม เพียงแค่มีไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง และสคริปต์หัวข้อที่ต้องการพูดคุย เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณจัดรายการพอดแคสต์ได้แบบง่ายๆ

ข้อดีของ inbound marketing

ข้อดีของ Inbound Marketing

เชื่อว่าในตอนนี้หลายๆ คนน่าจะเห็นภาพรวมของการทำการตลาดด้วยวิธี Inbound Marketing กันขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย ในเนื้อหาส่วนนี้จะเป็นการเจาะลึกถึงข้อดีในการเลือกใช้เทคนิค Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูดที่หลายคนอาจยังไม่รู้

  • ไม่รบกวนกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจาก Inbound Marketing เป็นการผลิตเนื้อหาที่เน้นตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ทำให้ลูกค้าที่สนใจในเนื้อหา และอยากได้รับสาระจากคอนเทนต์ เข้ามารับชมเนื้อหาด้วยตัวเองในเวลาที่สะดวก หรือต้องการ
  • ไม่เน้นขาย เน้นให้ความรู้ ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าว่า Inbound Marketing เป็นการส่งเสริมสาระ  และความรู้ให้กับกลุ่มลูกค้ามากกว่าการขายตรง 
  • ประหยัดงบขั้นสุด การทำการตลาดด้วยรูปแบบ Inbound Marketing แทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะคุณสามารถเริ่มต้นทำการตลาดนี้ได้ง่ายๆ เพียงสร้างบล็อก หรือเว็บไซต์หลักให้กับแบรนด์ พร้อมกับนำเสนอเนื้อหาที่มีสาระ และประโยชน์ให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยต้องเป็นเนื้อหามีความเกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการของทางธุรกิจ
  • ไม่จำเป็นต้องยิงโฆษณา Inbound Marketing ถือเป็นการทำการตลาดที่ยั่งยืนวิธีหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องยิงโฆษณา หากคอนเทนต์ของคุณดีจริง ก็จะทำให้เว็บไซต์ของแบนด์ติดอันดับหน้าแรกๆ ของ Search Engine ได้อย่างไม่ยากนัก

ข้อเสียของ inbound marketing

ข้อเสียของ Inbound Marketing

แม้ว่าการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing จะมีข้อดีมากมาย อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เทคนิค Inbound Marketing ก็มีข้อเสียอยู่เช่นเดียวกัน

  • ใช้ระยะเวลานาน ในบางธุรกิจต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่า 1 ปีกันเลยทีเดียว เพื่อให้ผลลัพธ์ในการทำการตลาดด้วยวิธี Inbound Marketing แสดงผลลัพธ์ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • มีกระบวนการที่ซับซ้อน ถึงแม้ในช่วงต้นจะมีการพูดถึงองค์ประกอบของการทำการตลาดด้วย Inbound Marketing จะต้องมี 3 องค์ประกอบอย่าง Attract, Engage และ Delight แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ยังต้องอาศัยเทคนิค และกลยุทธ์ทางการตลาดอื่นๆ เข้าร่วมด้วย 
  • เนื้อหาต้องมีคุณภาพ และต่อเนื่อง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจหลักของการทำ Inbound Marketing คือ การผลิตเนื้อหาที่ต้องมีคุณภาพระดับสูง ต้องมีสาระ และอัดแน่นไปด้วยประโยชน์ต่อผู้อ่าน อีกทั้งยังต้องมีความถี่ในการลงเนื้อหาที่ต่อเนื่อง หากขาดประสบการณ์ในการผลิตคอนเทนต์ก็ยากที่จะทำการตลาดด้วยวิธีนี้ได้

ทำไมต้องทำ inbound marketing

ทำไมธุรกิจต้องทำ Inbound Marketing

นอกเหนือจากข้อดีของการทำการตลาด Inbound Marketing ที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว การเลือกใช้กลยุทธ์นี้ยังช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ และส่งเสริมปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้า หรือบริการของกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมธุรกิจของคุณถึงต้องเลือกทำ Inbound Marketing

ผู้คนเสิร์ชข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ

ผู้คนมากกว่า 53% มีพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลของสินค้าที่สนใจก่อนตัดสินใจซื้อ และมีผู้คนมากกว่า 85% ค้นหาข้อมูล และดูรูปรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าเสมอ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำการตลาดแบบ Inbound Marketing ถึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

โฆษณาไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป

ในปัจจุบันผู้คนกว่า 74% เบื่อหน่ายกับการโฆษณาบนโซเชียล และเริ่มกดปิดกั้นการขึ้นของโฆษณามากขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมค่ายิงโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ถึงดีดตัวสูงขึ้น เพราะผู้คนไม่อยากถูกรบกวน หรือถูกแทรกแซงด้วยโฆษณาจากแบรนด์ต่างๆ อีกต่อไปแล้ว

Inbound Marketing ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven)

การเลือกใช้การตลาดแบบ Inbound Marketing เป็นการตลาดที่คุณสามารถวัดผลได้จริง ทำให้ทุกผลลัพธ์เป็นเรื่องที่จับต้องได้ ไม่เหมือนกับการทำการตลาดบางประเภทที่ต้องลุ้น และคาดคะเนแบบไม่มีหลักการ ทำให้นักการตลาดสามารถปรับแผน และพัฒนาเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุป

การทำการตลาดด้วย Inbound Marketing คือ การนำเสนอด้วยเนื้อหาที่มีสาระ และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงดูดความสนใจ และกระตุ้นความต้องการซื้อโดยไม่รบกวนลูกค้า เหมาะสำหรับธุรกิจประเภท B2B ธุรกิจที่สินค้าซับซ้อน ขายยาก และธุรกิจที่สินค้ามีมูลค่าต่อชิ้นสูง โดยข้อดีของการตลาดแบบ Inbound Marketing คือ ช่วยให้ประหยัดงบประมาณการยิงโฆษณา ถือเป็นการทำการตลาดแบบยั่งยืน ไม่รบกวนลูกค้า และที่สำคัญยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านการนำเสนอเนื้อหาที่มีสาระ ทำให้การตลาด Inbound Marketing เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยม และมีธุรกิจน้อยใหญ่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่าย และก่อให้เกิดพลังของการบอกต่อได้ด้วยนั่นเอง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ inbound marketing

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Inbound Marketing (FAQ)

การใช้ SEO ใน Inbound Marketing มีความสำคัญอย่างไร

การทำ SEO จะช่วยดันหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ให้ติดเป็นอันดับต้นๆ ของหน้า Search Engine โดยเฉพาะ Google ยิ่งอันดับสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างการรับรู้ และทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงเนื้อหาที่แบรนด์ผลิตไว้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เนื้อหา Inbound Marketing ควรเป็นอย่างไร

เนื้อหาในการทำ Inbound Marketing ควรเป็นเนื้อหาที่มีสาระ และเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน โดยจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับสินค้า หรือแบรนด์ด้วย เพื่อให้ในช่วงท้ายของเนื้อหาพูดถึงบริการ หรือปิดการขายสินค้าได้

ทำไมธุรกิจจึงควรใช้ Inbound Marketing

ผู้คนมากกว่า 53% มีพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลของสินค้าที่สนใจก่อนตัดสินใจซื้อ และมีผู้คนมากกว่า 85% ค้นหาข้อมูล และดูรูปรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อสินค้าเสมอ ธุรกิจจึงควรใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing ในการทำการตลาดเสมอ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง