campaign structure คือ

ก่อนทำ Google Ads รู้หรือยังว่า Campaign Structure คืออะไร?

Table of Contents

การจะทำธุรกิจให้มียอดขายที่เติบโตได้ ต้องมีการโฆษณาผ่านสื่อรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบสื่อที่เข้าถึงผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้มากที่สุดคือสื่อออนไลน์ และสำหรับการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ ไม่ว่าใครก็ต้องนึกถึง Google Ads ซึ่งถือเป็นเครื่องมือในการโฆษณาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดย Google Ads มี Campaign Structure หรือ โครงสร้างโฆษณา ที่ทั้ง Beginner และ Intermediate ควรต้องทำความเข้าใจก่อนวางแผนจะลง Ads ในแต่ละครั้ง มาเจาะลึกเกี่ยวกับ Campaign Structure ของ Google Ads กันดีกว่าว่าคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรในการวางแผนลงโฆษณาของธุรกิจ เพื่อให้การโฆษณาได้ผลตอบรับที่ดีที่สุด

องค์ประกอบของ campaign structure

Campaign Structure ของ Google Ads ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

Campaign Structure ของ Google Ads มีองค์ประกอบหลายส่วน ได้แก่ Account, Campaign, Ad Group และ Ads ซึ่งแต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกันไป โดยทาง Minimice จะเปรียบเทียบส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้าง Campaign Google Ads เป็นเสมือนบ้านที่ต้องมีโครงสร้างภายในอาคารเช่นเดียวกัน 

Account

Account หรือ บัญชีโฆษณา เป็นภาพรวมหลักในการโฆษณา มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารโดยตรงของภาพรวมทั้งหมด เช่น การชำระเงิน การตั้งค่า Time Zone และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของบัญชีรวมถึงการตั้งค่าในองค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ซึ่ง Account เปรียบเสมือนกับที่ดินผืนกว้างผืนหนึ่งที่สามารถปลูกสร้างบ้านได้หลายหลัง และบ้านแต่ละหลังคือ Campaign โฆษณา โดยการสร้างบัญชี Google Ads ต้องสร้างจากบัญชีดูแลจัดการเสียก่อน ดังขั้นตอนต่อไปนี้

  • ลงชื่อเข้าใช้บัญชีดูแลจัดการ Google Ads
  • คลิกการตั้งค่าที่เมนูหน้าเว็บทางด้านซ้าย แล้วคลิกการตั้งค่าบัญชีย่อย
  • คลิกปุ่มบวก
  • คลิกสร้างบัญชีใหม่
  • เลือกบัญชีที่ต้องการสร้าง ได้แก่ บัญชี Google Ads หรือ บัญชี Smart Campaign
  • ตั้งชื่อของบัญชีใหม่ (เป็นชื่อที่ลูกค้าจะเห็น)
  • เลือกประเทศและเขตเวลา ซึ่งต้องเลือกอย่างระมัดระวัง เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้
  • เลือกสกุลเงินถาวรของบัญชีนี้ และตรวจทานตัวเลือกการชำระเงินที่ใช้ได้กับสกุลเงินท้องถิ่น เพราะบางสกุลเงินมีให้บริการเฉพาะบางพื้นที่
  • หากต้องการให้ผู้ใช้รายอื่นเข้าถึงบัญชี Google Ads นี้ ให้ป้อนอีเมลของผู้ใช้ดังกล่าวแล้วเลือกระดับสิทธิ์ในการเข้าถึงที่ต้องการให้
  • คลิกสร้างบัญชี

Campaign

Campaign คือ ส่วนควบคุมที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนงบประมาณ โดย Campaign นั้นสามารถควบคุมได้หลายอย่างทั้งประเภทการโฆษณา ควบคุมค่าใช้จ่ายที่สามารถกำหนดจ่ายเป็นรายวันหรือตลอดอายุการใช้งานแบบ Lifetime รวมถึงควบคุมระยะเวลาวันที่แสดงโฆษณา ตั้งแต่เริ่มจนถึงสิ้นสุดได้ ซึ่งในหนึ่ง Account จะสร้างกี่ Campaign ก็ได้ เปรียบเสมือนกับที่ดินผืนใหญ่ที่สร้างบ้านได้หลายหลัง ส่วน Campaign จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำโฆษณา เพราะจะแยกตามหมวดหมู่สินค้า เช่น

เราจะขายอุปกรณ์เสริมของโทรศัพท์มือถือ มีสินค้า 3 อย่าง ได้แก่ สายชาร์จ หัวชาร์จ และหูฟัง ซึ่งแบ่งงบในการโฆษณาให้สายชาร์จ 10,000 บาท หัวชาร์จ 10,000 บาท และหูฟัง 50,000 บาท การแบ่งงบประมาณแบบนี้จะได้เป็น 3 Campaigns

Ad Group

Ad Group คือ ส่วนย่อยของ Campaign ซึ่งในหนึ่ง Campaign สามารถมีหลาย Ad Group ได้ เปรียบกับห้องในบ้านที่มีหลายห้อง แตกต่างกันตามฟังก์ชันการใช้สอย โดย Ad Group ก็จะแบ่งตามประเภทของกลุ่มลูกค้า หรือแบ่งประเภทของ Keywords ที่เราต้องการ นอกจากนี้ Ad Group ยังสามารถกำหนดมูลค่าการประมูล (Max. CPC) หรือราคาต่อการคลิกโฆษณาที่เรายินดีจ่ายสูงสุดได้อีกด้วย กล่าวได้ว่า Ad Group จะเป็นส่วนที่ใส่ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการโฆษณาไว้ทั้งหมด

ตัวอย่าง Ad Group

หาก Campaign โฆษณา คือ สายชาร์จ อาจจะแบ่ง Ad Group ได้ 3 อย่าง ได้แก่ สายชาร์จแบบ Lightning หรือสายชาร์จไอโฟน สายชาร์จแบบ Micro USB และสายชาร์จแบบ USB Type-C ซึ่งแต่ละอย่างก็จะใช้ Keywords และ Ads ที่แตกต่างกันไปเป็นเฉพาะของแต่ละแบบ

Ads

Ads คือ ส่วนที่เล็กที่สุดของ Google Ads Campaign Structure มีองค์ประกอบย่อยคือ Keyword และ Text Ads กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ตัวโฆษณาที่จะนำไปแสดงผลนั่นเอง และเช่นเดียวกันกับส่วนอื่น ๆ ของ Campaign Structure ในหนึ่ง Ad Group จะมีกี่ Ads ก็ได้ โดยในระดับ Ads จะสามารถควบคุมส่วนต่าง ๆ ได้ เช่น สื่อที่ใช้โฆษณา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ วิดีโอ ฯลฯ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทโฆษณาที่เลือกไว้ในระดับ Campaign และการลิงก์ไปยัง Landing Page รวมถึงการปรับ Bid เพิ่มหรือลดในระดับ Ads ทั้งนี้เราสามารถเปรียบเทียบ Ads เป็นสิ่งของหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง ที่พอเห็นแล้วเราจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นส่วนหนึ่งของห้องอะไร

Keyword

Keyword คือ คำหรือวลีที่ใช้ในการโฆษณาและคำที่ผู้ใช้ค้นหาใน Search Engine อย่าง Google ซึ่งการทำ Google Ads องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ Keyword เพราะการแสดงโฆษณาในระบบของ Google จะต้องอาศัย Keyword ที่ลูกค้าใช้เป็นคำค้นหา แล้ว Google จะแสดงผลโฆษณาที่เกี่ยวข้องให้ลูกค้าได้เห็น การเลือก Keyword ที่ดีจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากที่สุด ซึ่ง Keyword ในการทำ Google Ads มีหลายประเภทและจะแตกต่างกับการเลือกแบบ Organic Search ของ SEO ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจ Keyword Match Types ของ Google Ads เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการทำโฆษณา

Text Ads

Text Ads หรือ ข้อความโฆษณาใน Google Ads ซึ่งจะมี 2 ส่วนประกอบของคำโฆษณา

  1. Headlines คือ การพาดหัวโฆษณาในบรรทัดแรก เป็นการสื่อสารไปยังผู้อ่านว่า แบรนด์ของเราคืออะไร มีสินค้าและบริการอะไรมานำเสนอ หรือมีโปรโมชั่นอะไรในขณะนั้น ความยาวของ Headline จำกัดที่ 30 ตัวอักษร

    ตัวอย่าง
    • สายชาร์จ Type C ราคาพิเศษ
    • สายชาร์จ ที่ชาร์จโทรศัพท์ ราคาดี
    • สายชาร์จของแท้ คุณภาพดี

  2. Description คือ คำบรรยายโฆษณา กล่าวถึงรายละเอียดของแบรนด์ หรือสินค้าและบริการที่มานำเสนอ ความยาวของ Description จำกัดที่ 90 ตัวอักษร

    ตัวอย่าง
    • ซื้อสายชาร์จมือถือ Cable Charger สายชาร์จสำหรับสมาร์ทโฟนของแท้ คุณภาพดี ทนทาน ใช้งานยาวนาน
    • สายชาร์จ ที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ ช้อปออนไลน์ ราคาถูกที่สุด ส่งไว ส่งฟรี โปรโมชั่นหลากหลาย
    • หัวชาร์จมาตรฐานสากล ชาร์จได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ไอโฟน Samsung Vivo Xiaomi และโทรศัพท์ทุกรุ่น

จัด Campaign Structure ของ Google Ads อย่างไรถึงจะดี

จัด Campaign Structure ของ Google Ads อย่างไรถึงจะดี?

การจัด Campaign Structure ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี จะต้องรู้โครงสร้างพื้นฐานของ Google Ads ซึ่งเรียงประกอบตามความใหญ่สุดไปยังเล็กสุด คือ Account, Campaign, Ad Group และ Ads ซึ่งในส่วนของ Campaign, Ad Group และ Ads สามารถสร้างได้ไม่จำกัดจำนวน โดยขึ้นอยู่กับการวางแผนแยกประเภทโฆษณาแบบใด และแต่ละประเภทจะใช้กลยุทธ์โฆษณาแบบไหน นอกจากนี้ต้องจัดการวางแผนบริหารในแต่ละส่วนของโครงสร้างอย่างถูกต้อง เช่น การจัดการ Campaign จะเป็นการแยกหมวดหมู่สินค้าตามงบประมาณหรือตามเป้าหมาย การจัดการ Ad Group จะเป็นการแยกหมวดหมู่ตามกลุ่มลูกค้าหรือตามประเภทของ Keyword เป็นต้น การวางโครงสร้าง Campaign Google Ads ที่ดีจะส่งผลให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ทำงานได้อย่างเป็นระบบระเบียบ การนำเสนอโฆษณาได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งสามารถลดต้นทุนในการทำโฆษณา รวมถึงช่วยลดการทับซ้อนและควบคุมการประมูลราคา หรือ Bid Strategy ให้น้อยลงได้อีกด้วย

วัดประสิทธิภาพของ campaign structure ด้วย ab testing

วัดประสิทธิภาพของ Campaign Structure ด้วย AB Testing

การวัดประสิทธิภาพของ Campaign Structure สามารถทดสอบได้ด้วยวิธีการ A/B Testing ซึ่งจะเป็นการทดสอบ Ads ของแต่ละ Campaign ว่า Campaign ไหนได้ผลตอบรับดีที่สุด โดยการทำ A/B Testing ส่วนใหญ่จะใช้ Experimental Campaign หรือก็คือการสร้าง Draft Campaign เป็นการจำลองแคมเปญขึ้นมาจากแคมเปญหลักที่ต้องการทดสอบ แล้วระบบจะแบ่งส่ง Ads ไปหาผู้รับแบบสุ่มอย่างเท่า ๆ กันทั้ง 2 Campaign และจะได้ผลการวิเคราะห์ทางสถิติมากำหนด Campaign ที่ดีที่สุด ซึ่งมาถึงขั้นตอนนี้เราจะได้เห็นภาพรวมของ Campaign Structure หลังทำการทดสอบ ซึ่งจะสามารถปรับปรุงหรือพัฒนาต่อยอด Campaign อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ไม่มีการทับซ้อนกัน และให้ผลการวิเคราะห์ครั้งต่อไปออกมามีประสิทธิภาพตามที่ต้องการ

สรุป

จะเห็นได้ว่าการรู้จักพื้นฐานและทำความเข้าใจรายละเอียด Campaign Structure ของ Google Ads และการวางแผนโครงสร้าง Campaign Google Ads อย่างเป็นระบบ รวมถึงการวัดผลการทดสอบ Campaign ที่ถูกต้องจะช่วยนำไปสู่การซื้อโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ ไม่เกิดข้อผิดพลาดหรือตกหล่นข้อมูลสำคัญไปได้ง่าย ๆ นั่นหมายความว่าโฆษณานั้นก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้การตลาดออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ หากต้องการติดตามข่าวสารและศึกษาทำความเข้าใจ เพื่อเตรียมความพร้อมวางแผนในอนาคต ทาง Minimice ยังมีบทความความรู้อีกมากมายของฝั่ง Paid Media ให้ผู้อ่านได้ไปติดตามเพิ่มเติม

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

Campaign Structure คืออะไร?

Campaign Structure คือโครงสร้างการโฆษณา เปรียบเสมือน Guideline ในการทำโฆษณาออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้วางแผนสร้างโฆษณาให้ออกมาได้สมบูรณ์ ถูกต้อง และได้ผลลัพธ์การโฆษณาที่ตามที่มุ่งหวัง

Campaign Structure ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

โครงสร้าง Campaign Structure ประกอบด้วย

  • Account
  • Campaign
  • Ad Group
  • Ads

เราสามารถวัดผล Campaign Structure จากอะไร?

สามารถวัดผล Campaign Structure ได้จากการทดสอบ A/B Testing โดยจะใช้ Campaign ที่แตกต่างกันตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป สุ่มส่งไปหาผู้รับอย่างเท่าๆ กันและนำผลทางสถิติมาวิเคราะห์ว่า Campaign ไหนได้ผลตอบรับที่ดีที่สุด

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง