Featured Snippets นับเป็น Ranking Position สำคัญที่เจ้าของธุรกิจ ตลอดจนนักการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาว SEO Specialist ต่างใฝ่ฝัน และมุ่งผลักดันคอนเทนต์ของตัวเองด้วยเทคนิคมากมายเพื่อให้ไปอยู่จุดนั้น และที่สำคัญ คือ สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย!
ในบทความนี้ จะมาแนะนำทั้งมือใหม่ตลอดจนผู้ที่มีความรู้ SEO ระดับหนึ่งแล้วให้รู้จักกับ Featured Snippets ว่าคืออะไร มีรูปแบบไหนบ้าง รวมไปถึงถึงเทคนิคการทำคอนเทนต์ให้ติด Featured Snippets กัน
Rich Snippets หรือ Featured Snippets คืออะไร?
อันดับแรกต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานการแสดงผลบน SERPs แบบนี้ว่า ก่อนจะมาเป็น Rich Snippets เรามีสิ่งที่เรียกกันว่า Snippets อยู่แล้ว ซึ่ง 2 สิ่งนี้จะคล้ายกัน คือ แสดงรายละเอียดของคอนเทนต์หน้านั้น ๆ
แต่ Snippets จะแสดงข้อมูลทั่วไป ที่บ่งบอกแค่ชื่อของคอนเทนต์ (Mata Title) และคำอธิบายเนื้อหาภายในของคอนเทนต์ (Meta Description) ตลอดทั้งองค์ประกอบต่าง ๆ ดังรูปภาพ
ส่วน Rich Snippets หรือ Featured Snippets คือ รูปแบบการแสดงผลที่ทาง Google นำเสนอ ‘ข้อมูล’ ในอันดับ ‘บนสุด’ ของผลการค้นหา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานโดยการ ‘นำเสนอคำตอบที่กระชับและรวดเร็ว’ แบบพิเศษ บนหน้าผลการค้นหา เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้งานและเพิ่มความพึงพอใจโดยรวมให้กับผู้ใช้งาน Google
Featured Snippet เราสามารถเรียกได้อีกชื่อหนึ่ง นั่นก็คือ Position Zero หรือ หากแปลเป็นไทยง่าย ๆ คือ อันดับ 0 นั่นเอง
สถิติเกี่ยวกับ Featured Snippets ที่น่าสนใจ
จากการรวบรวมข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับ Featured Snippets ของ SEMRush และ Brado ที่ได้ศึกษาคีย์เวิร์ดบนเดสก์ท็อปจำนวณ 160 ล้านคำ และบนมือถือจำนวณ 46.1 ล้านคำ ทาง Minimice เราก็ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝาก ดังนี้ :
- 19% ของ SERPs มีการแสดงผลแบบ Featured Snippets
- 50% ของการแสดงผลบนมือถือเป็น Featured Snippets
- 70% ของการแสดงผล Featured Snippets ในรูปแบบ paragraphs มีคำนวณคำเฉลี่ย 42 คำ และมี 249 ตัวอักษร (การศึกษาข้อมูลนี้เป็นภาษาอังกฤษ ในภาษาไทยอาจมีความแตกต่าง)
- 19.1% ของการแสดงผล Featured Snippets ในรูปแบบ Lists มีการแสดงผล 6 รายการ และมีจำนวณเฉลี่ย 44 คำ
- 6.3% ของการแสดงผล Featured Snippets ในรูปแบบ Tables มีการแสดงเฉลี่ย 5 Rows และมี 2 Columns
- 4.6% ของการแสดงผล Featured Snippet ในรูปแบบ videos มีความยาววีดีโอเฉลี่ย 6 นาที 35 วินาที
ประโยชน์ของการติด Featured Snippets / Rich Snippets
การติดผลการค้นหาแบบ Featured Snippets จะช่วยให้เว็บไซต์และธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์มากมายเหนือคู่แข่ง ดังนี้
1. ได้ที่ดินทำเลทองในผลการค้นหาบนมือถือ
จากข้อมูลของ SEMRush ที่ได้ทดสอบจาก 10,000 ผลการค้นหาบนโทรศัพท์มือถือพบว่า “การติด Featured Snippets มักกินพื้นที่การแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ 50% หรือมากกว่านั้น” ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาศให้ผู้ใช้งานคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น และลดโอกาสคู่แข่งอื่น ๆ ที่ต้อง Scroll Down ลงไปกว่าจะเจอ
2. เพิ่มการรับรู้แบรนด์และการมองเห็น
อีกหนึ่งประโยชน์จากการที่เว็บไซต์ของคุณติดอันดับแบบ Featured Snippets คือการเพิ่มการมองเห็น (Impression) และเพิ่มความรับรู้ของแบรนด์มากยิ่งขึ้นเนื่องจากการนำเสนอที่โดดเด่นบน SERPs ของ Google
3. เพิ่มอัตรา Click Through Rate (CTR)
Rich Snippets ช่วยเพิ่มอัตราการคลิกผ่าน (CTR) เนื่องจากมีการแสดงผลที่โดดเด่นกว่าผลลัพธ์การค้นหาแบบปกติทั่วไป จากข้อมูลของ Search Engine Watch พบว่ารูปแบบการแสดงผลแบบ Featured Snippets สามารถเพิ่มอัตรา CTR ได้มากถึง 35.1%
4. เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียง
Featured Snippets มักถูกนำไปใช้กับระบบผู้ช่วยส่วนตัว (Voice-Controlled Personal Assistants) เช่น Siri, Cortana, Alexa, หรือ Google Assistant
จากข้อมูลของ Backlinko Analysis พบว่า 40% ของคำตอบที่ได้รับจากการค้นหาด้วยเสียงนำข้อความมาจาก Google Featured Snippets
ทำความรู้จัก Featured Snippets แต่ละประเภทกันเถอะ
การทำความเข้าใจประเภท เงื่อนไข และรูปแบบการแสดงผลของ Featured Snippets จะช่วยให้เรามีไอเดียในการปรับให้คอนเทนต์มีโอกาสติด Position Zero ได้มากขึ้น โดย Featured Snippets มีรูปแบบมากมาย ดังนี้
1. Paragraph Snippets
Paragraph Snippets คือ การแสดงผลแบบตัวหนังสือในลักษณะย่อหน้าสั้นๆ มีจุดประสงค์เพื่อให้คำตอบที่รวดเร็วและกระชับ ความยาวของเนื้อหาที่นำมาแสดงเฉลี่ยประมาณ 42 คำ หรือ 250 อักขระ
การแสดงผลในรูปแบบ Paragraph Snippets ส่วนใหญ่มาจากคำถามเช่น
- …คืออะไร
- …ทำอย่างไร
- ทำไม…
Note เพิ่มเติมจากทางทีม Minimice
จริงอยู่ที่การติด Position Zero โดยรวม ทำให้อัตรา CTR สูงขึ้น แต่จากเคสจริงที่เราเจอในพักหลัง ๆ พบว่า ในกลุ่มของ Paragraph Snippet ให้ Traffic น้อยมากหากเทียบกับ Impression ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Google เลือกโชว์รายละเอียดให้ทาง User รู้ก่อนแล้ว โดยเฉพาะ Paragraph Snippet ที่ตอบคำถามครบเรียบร้อย User จึงไม่จำเป็นต้องกดเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติมอีก
“แต่การติดอันดับแรกสุดแล้ว Traffic อาจน้อย ก็ย่อมดีกว่าไม่ติดอะไรเลย”
2. The Bulleted / Numbered List Snippets
The Bulleted / Numbered List Snippets จะแสดงข้อมูลในรูปแบบรายการ ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถสแกนอ่านแบบรวดเร็วและทำความเข้าใจกระบวนการแต่ละขั้นตอนได้
Featured Snippets ประเภทนี้ใช้สำหรับข้อมูลที่สามารถแยกย่อยเป็นรายการได้ง่าย ๆ เช่น ขั้นตอน กระบวนการ รายการส่วนผสม หรือลิสต์ต่าง ๆ
การแสดงผลในรูปแบบ List Snippets ส่วนใหญ่มาจากคีย์เวิร์ด เช่น
- ขั้นตอน…
- วิธี…
- …อย่างไร
- แนะนำ…
- ส่วนประกอบของ…
3. Table Snippets
Table Snippets คือ Featured Snippets ประเภทหนึ่งที่แสดงผลในลักษณะตารางพร้อมข้อมูลที่จัดในรูปแบบที่อ่านง่าย ตัวอย่างข้อมูลประเภทนี้มักใช้กับข้อมูลที่ต้องการเปรียบเทียบหรือจัดเรียง
ตารางสามารถประกอบด้วยข้อมูล เช่น รายการราคา การเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ หรือสถิติ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงและเปรียบเทียบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีที่ดึงดูดสายตา
หากต้องการให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลในลักษณะ Table Snippets เราแนะนำให้ทำการจัดทำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องออกมาในรูปแบบของตารางโดยใช้แท็กตารางใน HTML หากคุณเลือกใช้วิธีสร้าง Artwork ก็อาจทำให้พลาดการแสดงผลในรูปแบบนี้ได้ (แต่ก็สามารถติด Image Search ได้โดยการทำ ALT Text นะ!)
4. Video Snippets
Video Snippets คือ ประเภทของ Featured Snippets ที่แสดงภาพขนาดย่อของวิดีโอและคำอธิบายสั้น ๆ พร้อมกับชื่อเรื่องและ URL การแสดงผลประเภทนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องออกจากหน้าผลการค้นหา พร้อมแสดงตัวอย่างของเนื้อหาของวิดีโอ ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
Video Snippets มีการแสดงผล 4.6% เมื่อเทียบกับ Snippet ทั้งหมด
วิธีการทำให้เว็บไซต์ของคุณติด Featured Snippets
ทาง Google เองไม่เคยออกมาชี้แจงว่าเราสามารถปรับแต่ง Featured Snippet ได้อย่างไรเพื่อให้ติดอันดับ แต่จากประสบการณ์การทำ SEO ของเราและแหล่งอ้างอิงที่น่าสนใจพบว่า เราสามารถปรับแต่งเนื้อหา ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์แสดงผลได้ตรงตามที่ต้องการ ตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1. เลือกใช้ Long Tail Keyword
จากการศึกษาของ Stone Temple Consulting และ Ahrefs แสดงให้เห็นว่า การแสดงผล Featured Snippet ส่วนใหญ่บน Google Search มักแสดงผลในรูปแบบของ Long Tail Keyword และการตอบคำถามโดยตรง
ลองสมมติว่าเราต้องการไปเที่ยวเขาใหญ่แล้วต้องการพัก 1 – 2 คืน เราจะพิมพ์แค่คำว่า “เขาใหญ่” หรือ “โรงแรมเขาใหญ่ / แนะนำที่พักเขาใหญ่” ?
แน่นอนว่า รูปแบบคำค้นหาแบบหลังย่อมแสดงผลได้ตรงตามความต้องการมากกว่า และทาง Google เองก็จะส่งมอบคำค้นหาที่ตรงใจผู้ใช้งานมากกว่า รวมถึงการแสดงผล Featured Snippet ก็มีมากกว่าเช่นกัน
2. ใช้ประโยชน์จากพลังของคำถาม
การใช้ประโยชน์จากพลังของคำถามเป็นกลยุทธ์หลักในการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาสำหรับ Featured Snippets เมื่อสร้างเนื้อหา สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาคำถามที่ผู้ใช้อาจถาม และจัดโครงสร้างเนื้อหาของคุณในลักษณะที่ตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนและรัดกุม ซึ่งสามารถทำได้โดยการทำ Keyword Research ที่เน้นคำถามหรือโดยการตอบคำถามของผู้ใช้อย่างชัดเจน
จากข้อมูลของ Semrush พบว่า 29% ของคีย์เวิร์ดที่แสดงผลแบบ Featured Snippets เริ่มต้นด้วยชุดคำที่มีลักษณะของคำถาม เช่น “ทำไม : Why” “อย่างไร : How”
3. สร้างหัวข้อที่กล่าวถึงคีย์เวิร์ดนั้น ๆ โดยเฉพาะ
จากที่เราได้ให้ข้อมูลก่อนหน้า การแสดงผลแบบ Paragraph จะเป็บรูปแบบการแสดงผลเป็นตัวหนังสือในลักษณะย่อหน้าสั้น ๆ หากคุณเขียนเนื้อหาให้ตรงกับค่าเฉลี่ยประมาณ 42 คำ หรือ 250 อักขระ จะช่วยให้คุณมีโอกาสแสดงผลแบบ Featured Snippets รวมถึงผู้ใช้งานก็ได้คำตอบตรงที่เขาค้นหามากขึ้นด้วย
4. ปรับปรุงอันดับให้ดียิ่งขึ้น
เงื่อนไขแรกของการปรากฎใน Featured Snippets อ้างอิงจากการวิจัยของ Ahrefs พบว่าเว็บไซต์ที่ Google จะนำไปแสดงผลแบบ Featured Snippets เงื่อนไขแรกคือต้องอยู่ในผลการค้นหา 10 อันดับแรกเสียก่อน
นั่นเป็นเพราะว่า Google พยายามให้คำตอบที่น่าเชื่อถือและมาจากประสบการณ์จริง (ตรงตามหลัก E- E-A-T) แก่ผู้ใช้และสามารถทำได้โดยใช้หน้าเว็บที่มีอันดับสูงสุดซึ่งมีเนื้อหาคุณภาพสูงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามคุณเองก็สามารถทำให้เนื้อหาของเว็บไซต์คุณมีอันดับดีได้เช่นกัน โดยการ
- ทำ Keyword Research ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- ให้ความสำคัญกับ Checklist เขียนบทความ SEO ติดหน้าแรก
- วางโครงสร้างหน้าเนื้อหาให้ Google อ่านง่าย ศึกษาได้จากบทความ Header Tag คืออะไร?
- ศึกษาว่า Search Intent คืออะไร เพื่อช่วยให้สร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้ใช้งานมากที่สุด
หากคุณยังไม่มั่นใจว่าจะทำอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้อย่างไร ทาง Minimice Group ของเรามีบริการรับทำ SEO ที่ช่วยปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณ และเพิ่มยอดขายได้ในระยะยาวจากประสบการณ์ของมืออาชีพ
5. ทำให้ Google อ่านได้ง่ายด้วยการจัดรูปแบบที่เหมาะสม
เนื้อหาของบทความที่ดี ควรมีส่วนเสริมคือการวางโครงสร้างเนื้อหาที่ดีด้วย สำหรับหน้า On Page ของคุณควรจัดรูปแบบโดยใช้แท็ก HTML พื้นฐานเพื่อให้ Google สามารถ Crawl และ Index ได้ดีขึ้น
- แท็ก <h2> และ <h3> สำหรับคำถามหรือหัวข้อย่อย
- แท็ก <p> แท็กย่อหน้าสำหรับข้อความ
- และ แท็ก <ol> หรือ <ul> และ <li> สำหรับรายการ
6. เลือกใช้ Subfolders อย่างเหมาะสม
โฟลเดอร์ย่อยจะแสดงรายการหลังจากเครื่องหมายทับ (/) ใน URL ดังนี้
- domain.com : เป็นโดเมนหลัก มีโฟลเดอร์ย่อยเป็นศูนย์
- domain.com/subfolder : มีหนึ่งโฟลเดอร์ย่อย
- domain.com/subfolder1/subfolder2 : มีสองโฟลเดอร์ย่อย
จากข้อมูลงานวิจัยของ SEMRush พบว่า URL ที่มีความยาวมาก ๆ มีโอกาสน้อยที่จะแสดงผลแบบ Featured Snippets ดังนั้น การตั้ง URL ควรมี 1-3 โฟลเดอร์ย่อยจึงดีที่สุด
สรุป
Featured Snippets ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลจากผลการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคุณได้ทำความเข้าใจกับ Featured Snippet ประเภทต่างๆ ปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้เหมาะสม และปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการปรากฏใน Featured Snippet สำหรับข้อความค้นหาที่เกี่ยวข้องได้ เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นสำหรับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจคุณ
FAQ – คำถามที่พบบ่อย
Featured Snippets คืออะไร?
Featured Snippets คือ ตัวอย่างสั้น ๆ ของเนื้อหาในเว็บไซต์ ซึ่งแสดงผลในอันดับแรกสุดของผลการค้นหาบน Google ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องคลิกที่ผลการค้นหา
เหตุใด Google จึงใช้ Featured Snippets?
Google ใช้ Featured Snippets เพื่อมอบประสบการณ์การค้นหาที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้ โดยแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องและกระชับเพื่อตอบสนองต่อการค้นหาของผู้ใช้ เมื่อปรากฏใน Featured Snippet เว็บไซต์จะสามารถเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหาและกระตุ้นการเข้าชมได้มากขึ้น
ฉันจะทำให้เนื้อหาของฉันปรากฏใน Featured Snippet ได้อย่างไร?
เพื่อเพิ่มโอกาสแสดงผลแบบ Featured Snippet สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ได้ดังนี้ 1. เลือกใช้ Long Tail Keyword สำหรับหัวข้อและเนื้อหา 2.พิจารณาคำถามที่ผู้ใช้อาจถาม และจัดโครงสร้างเนื้อหาของคุณในลักษณะที่ตอบคำถามเหล่านั้น 3.สร้างหัวข้อที่กล่าวถึงคีย์เวิร์ดนั้นๆ โดยเฉพาะ 4.ทำให้ Google อ่านได้ง่ายด้วยการวางโครงวร้าง HTML
Featured Snippets มีผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์หรือไม่?
การแสดงผลในรูปแบบ Featured Snippet จะไม่ส่งผลเสียต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ ในความเป็นจริง การให้เนื้อหาของคุณปรากฏใน Featured Snippet สามารถส่งผลในเชิงบวกต่ออันดับของ โดยการเพิ่มการมองเห็นของคุณในผลการค้นหา
Featured Snippets เปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน?
Featured Snippets สามารถเปลี่ยนแปลงได้บ่อยครั้ง เนื่องจากอัลกอริทึมของ Google ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับแนวโน้มล่าสุดและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณสำหรับ Featured Snippets สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบผลลัพธ์ของคุณเป็นประจำและติดตามการอัปเดตของ Google อยู่เสมอ ๆ