website marketing

Website Marketing ทำการตลาดผ่านโลกไร้พรหมแดนด้วยเว็บไซต์

Table of Contents

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้คนจำนวนมากหันมาใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร Website Marketing จึงจัดว่าเป็นเครื่องมือที่แบรนด์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ นำมาใช้เพื่อโฆษณา โปรโมทสินค้า และติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Google Ads, Facebook Ads หรือช่องทางอื่น ๆ เพราะไม่ต้องจ่ายแพงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และแน่นอนว่าการใช้อินเตอร์เน็ตของผู้คนในปัจจุบันมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตลาดออนไลน์มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย ในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับ Website Marketing ให้มากขึ้น พร้อมกลยุทธ์เด็ดที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ Website Marketing ของคุณให้ประสบความสำเร็จแบบง่าย ๆ

website marketing คืออะไร

การตลาดผ่านเว็บไซต์ (Website Marketing) คืออะไร?

การตลาดผ่านเว็บไซต์ (Website Marketing) คือ การทำการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย Search Engines การเขียนบล็อก หรือผ่านสื่อวิดิโอ เพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์คุณ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น การตลาดผ่านเว็บไซต์เป็นเครื่องมือชั้นดีที่ช่วยโฆษณา และประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการในราคาที่ถูกกว่าการตลาดแบบอื่น ๆ เพื่อให้การตลาดออนไลน์ประสบผลสำเร็จ ธุรกิจต่าง ๆ จึงต้องงัดกลยุทธ์มาใช้เพื่อสร้างให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จัก ทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจในตัวสินค้า และบริการ จนเกิดการซื้อขายได้สำเร็จ

ทำไม Website Marketing ถึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการตลาดที่ดีที่สุด

การทำการตลาดบนสื่อแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อาจเป็นวิธีที่ค่อนข้างล้าสมัย หากโฆษณาทำออกมาได้ไม่ดี ก็เรียกได้ว่ามีโอกาสสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากได้ Website Marketing จึงถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดี 

ยุคนี้เป็นยุคที่ใคร ๆ ก็เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกันอย่างกว้างขวาง แถมการตลาดแบบนี้ยังมีต้นทุนต่ำกว่าการตลาดแบบเดิม ๆ เว็บไซต์จึงเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือการตลาดที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหลายเข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ของเรา สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ก็คือ ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ บริโภคเนื้อหาในเว็บไซต์ จนเกิดการซื้อขายขึ้นในที่สุด

มาดูข้อดีของการทำ Website Marketing

มาดูข้อดีของการทำ Website Marketing

ยุคปัจจุบันอะไร ๆ ก็อยู่บนโลออนไลน์ ธุรกิจหลายตัวก็ปรับตัวไปขายในออนไลน์มากขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ดังนั้นการทำการตลาดผ่านเว็บไซต์ก็จะช่วยให้คนเห็นสินค้า หรือบริการได้มากขึ้น นอกจากนี้การตลาดออนไลน์ยังมีข้อดีอีกมากมาย ไปดูกันดีกว่าว่า Website Marketing มีข้อดีอะไรบ้าง

คุ้มค่ากับการลงทุน

การทำการตลาดแบบใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือ ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ ซึ่งมีประโยชน์มากกับผู้ประกอบการที่มีสินค้าและบริการ ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบเจาะจง โดยกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้สามารถเจาะจงได้ตั้งแต่ เพศ อายุ การศึกษา ถิ่นที่อยู่อาศัย และอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะในปัจจุบันมีเครื่องมือในการช่วยทำการตลาดออนไลน์ที่คอยดูว่าผู้คนเหล่านี้จะอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ใดมากที่สุด เราก็โฆษณาในจุดนั้นไปเลย

เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ

ข้อมูลของบุคคลที่หนึ่ง (First-Party Data) เป็นข้อมูลลูกค้าที่จัดเก็บผ่านแพล็ตฟอร์มมาเก็ตติ้งต่าง ๆ ของธุรกิจนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ การซื้อ อีเมล์ หรือพฤติกรรมของผู้บริโภค เป็นต้น ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ถือเป็นข้อมูลแบบ “ยินยอม” ข้อมูลดังกล่าวจึงมีความถูกต้องและเชื่อถือได้ ประโยชน์ของข้อมูลของบุคคลที่หนึ่งคือความสามารถในการ Personalize แผนการตลาดให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าได้นั่นเอง

การตลาดแบบสานสัมพันธ์

การตลาดบางครั้งสร้างความน่ารำคาญใจให้กับผู้คน เช่น การโฆษณาผ่านทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ เป็นต้น เพราะเหมือนเป็นการรบกวนมากกว่าการนำเสนอขายสินค้าที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจได้ Website Marketing จึงเป็นวิธีที่เพิ่มโอกาสให้เราเข้าถึงลูกค้าได้แบบไม่ยัดเยียด แต่ให้คำตอบหรือให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการได้ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และเพิ่มความไว้วางใจให้แก่ลูกค้าในระยะยาว

ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนแก้ไข

การทำโฆษณา หรือแคมเปญตามสื่อโซเชียลต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะมีโปรโมชั่นใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนราคา อัพเดทเวลาโปรโมชั่น หรือเพิ่มสินค้า และบริการก็ทำได้แบบสะดวก ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย

การตลาดแบบสามารถวัดผลได้

Website Marketing เป็นการตลาดที่สามารถวัดผลได้อย่างง่ายดาย ถ้าอยากรู้ว่าแคมเปญ หรือโฆษณาที่ทำไป ประสบผลสำเร็จมากน้อยแค่ไหน มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอหรือไม่ ก็สามารถตรวจสอบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นยอดคลิก ยอดการมองเห็น หรือตรวจสอบว่าสามารถทำการขายได้เท่าไร เมื่อเทียบกับยอดการคลิกและการมองเห็น ซึ่งช่วยประหยัดเวลา และเงินได้มากทีเดียว

ตัวอย่างรูปแบบการทำ Website Marketing ที่พบบ่อยที่สุด

ตัวอย่างรูปแบบการทำ Website Marketing ที่พบบ่อยที่สุด

รูปแบบการทำ Website Marketing มีให้เลือกด้วยกันแบบหลากหลายมาก ที่เห็นกันได้บ่อย ๆ ก็อย่างเช่น SEO อีเมล์ หรือโซเชียลมีเดีย แต่ตัวเลือกการทำ Website Marketing ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ หากใครอยากทำความรู้จัก หรือกำลังตัดสินใจว่าควรจะทำการตลาดแบบไหนดี มาติดตามดูกันได้เลยว่ามีรูปแบบอะไรบ้างที่น่าสนใจ

Email Marketing

วิธียอดนิยมที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็คงหนีไม่พ้น Email Marketing มีใครเคยเห็นโฆษณาในอินบ็อกซ์อีเมล์ของตัวเองบ้าง? ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้ดีทีเดียว แต่ข้อเสียของการทำกาตลาดผ่านอีเมล์ก็คือ จดหมายที่ส่งไปยังลูกค้าอาจไม่ได้รับการเปิดอ่าน เนื่องจากจำนวนจดหมายที่ได้รับแต่ละวันเยอะเกินไป หรือบางครั้งจดหมายเหล่านี้กลับไปอยู่ในจดหมายขยะ ทำให้ถูกมองข้ามไปได้ง่าย ๆ

Social Media Marketing

รูปแบบ Social Media Marketing เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการตีตลาด ด้วยการเข้าถึงที่ง่ายแสนง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้ วิธีการไม่ยุ่งยากซับซ้อน แถมยังไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนที่เยอะก็สามารถเข้าถึงลูกค้าได้แบบสะดวก แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ การโพสต์ของเราต้องมีชั้นเชิง และโพสต์ให้ถูกที่ถูกเวลา น่าสนใจ เป็นประโยชน์ เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่หนีหาย และมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของเราอย่างสม่ำเสมอ

Content Marketing

Content Marketing เป็นอีกรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ บริษัทที่สร้างคอนเทนต์เขียนบล็อกอยู่เป็นประจำสามารถเพิ่มยอดเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้มากขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อเทียบกับเจ้าที่ไม่ทำ การเขียนบล็อกเพื่อตอบคำถามที่ผู้ใช้สงสัย โดยทำให้ง่ายต่อการอ่าน ตอบคำถามแบบตรงประเด็น เข้าใจง่าย ก็จะได้ใจลูกค้าไปแบบเต็ม ๆ ซึ่งแน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วจะปิดการขายได้แบบสวย ๆ เรียกได้ว่า Content Marketing เป็นวิธีที่ใช้ได้จริง และเพิ่มยอดขายได้ดี

Search Engine Optimization (SEO)

ถ้าอยากปรากฏอยู่ในหน้าค้นหา เวลาที่ผู้เสิร์ชต้องการหาคำตอบอะไรบางอย่างจาก Search Engines ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการใช้คีย์เวิร์ด วิธีจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ได้มากขึ้น ซึ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดการซื้อขายขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามคู่แข่งในสายนี้ก็มีจำนวนมาก ซึ่งถ้าอยากใช้รูปแบบนี้ก็ต้องศึกษา SEO ให้ดี เพื่อรักษาอันดับการแสดงผลให้คงอยู่ในระดับท็อปให้ได้

Google Ads (or PPC Advertising)

รูปแบบของ Website Marketing อย่าง Google Ads ให้ประโยชน์ในเรื่องของความคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะเราสามารถจ่ายตามทุนที่เรากำหนดไว้ได้ ซึ่งจะมีการจ่ายเมื่อมีการคลิกเกิดขึ้น และธุรกิจต่าง ๆ สามารถจ่ายเพื่อให้โฆษณาของตัวเองขึ้นหน้าแรกของการค้นหา ซึ่งผู้ค้นหาจะได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขามองหา ซึ่งเป็นผลดีกับการขายสินค้าหรือบริการ

Display Ads

Display Network Ads คือ รูปแบบการโฆษณาที่เรานำไปโปรโมทตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เราคาดว่ากลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเราจะเข้าไปเยี่ยมชม ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้จะคิดค่าโฆษณาแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขนาดของโฆษณา และบริเวณที่โฆษณาในหน้าเว็บ เพื่อให้การโฆษณาประสบความสำเร็จ เราจำเป็นที่จะต้องทำออกมาให้น่าสนใจ และน่าเชื่อถือ

Retargeting

Retargeting คือการทำโฆษณาแบบติดตามกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งพบว่าลูกค้าเพียง 2% เท่านั้นที่ทำการซื้อสินค้าจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ครั้งแรก เพราะฉะนั้น การตลาดแบบนี้จะช่วยให้เราติดตามลูกค้าไปในขณะที่พวกเขาทำการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ ซึ่งรูปแบบการโฆษณาแบบ Retargeting จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา โดยการเตือนลูกค้าด้วยโฆษณาของเราในอีกเว็บไซต์หนึ่งในลักษณะ Banner

กลยุทธ์การทำ Website Marketing ให้ปัง ไม่พังเหมือนที่ผ่านมา

กลยุทธ์การทำ Website Marketing ให้ปัง ไม่พังเหมือนที่ผ่านมา

คนที่ทำธุรกิจก็ย่อมต้องการที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าเราจะรู้จักกับการทำการตลาดมามากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะปังเสมอไป มือใหม่ หรือคนที่เคยมีประสบการณ์การทำ Website Marketing มาบ้างแล้วแต่ยังไปได้ไม่สุด เราลองกลับมาทบทวน และดูกันว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้างที่จะทำให้ Website Marketing ประสบความสำเร็จ

จัดระเบียบเว็บไซต์ให้สวยงาม สบายตา

การออกแบบเว็บไซต์ควรมีการจัดวางที่เป็นระเบียบ และสอดคล้องกับสินค้าและบริการของคุณได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะเริ่มทำแคมเปญ หรือโฆษณา สิ่งที่จะต้องพิจารณาให้ดีคือโครงสร้างของเว็บไซต์จะต้องไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เข้าถึงข้อมูลได้สะดวก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ถูกต้อง ครบถ้วน

ทำให้เว็บไซต์พร้อมใช้งานสำหรับ SEO

การวางแผนทำ SEO ที่ดีจะช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น การทำงานของ SEO คือการเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ SEO แบ่งได้เป็น

  • Technical SEO
    SEO เชิงเทคนิคที่ช่วยให้บอททำการรวบรวม เพื่อทำดัชนีบนหน้าเว็บ เพราะฉะนั้น ต้องตรวจสอบเรื่องความผิดพลาด เพราะจะส่งผลต่อการรวบรวมข้อมูล
  • On-Page SEO
    ในส่วนนี้ต้องมั่นใจว่าเว็บเพจนั้นง่ายต่อการอ่าน และ SEO-Friendly
  • SEO Content
    เนื้อหา หรือคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ และสร้างความพึงพอใจต่อผู้อ่าน
  • Off-Page SEO
    คือการทำให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ดีขึ้น โดยเกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงเว็บไซต์ ส่งผลให้คนเข้ามาชมเว็บไซต์เรามากขึ้น
  • Local SEO
    เหมาะกับธุรกิจรายย่อย และร้านค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการใช้คีย์เวิร์ด + สถานที่เข้าไป เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหา

ออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับโซเชียลมีเดีย

ออกแบบเว็บไซต์ให้มีรูปภาพ หรือวิดีโอที่เหมาะกับการแชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย รวมถึงการสร้างปุ่มกดแชร์ หรือใส่ URL เอาไว้เพื่อให้ผู้ใช้กดเข้าไป วิธีนี้ไม่ควรมองข้าม เพราะคุณอาจจะพลาดโอกาสเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ไปอย่างน่าเสียดาย

วางแผน Content Marketing

เมื่อคิดจะทำคอนเทนต์ก็ต้องมีการวางแผน เพื่อให้ได้มาซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ คอนเทนต์ที่เราสร้างต้องดึงดูดลูกค้าได้ รวมถึงสร้างปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของเราด้วย โดยสามารถเริ่มจากการศึกษาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม เรียนรู้จากคู่แข่ง และดูว่าคอนเทนต์แบบไหนที่ Google ต้องการสำหรับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ ซึ่งหากทำตรงนี้ได้ดี และสม่ำเสมอ จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

โปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย

เมื่อมีคอนเทนต์แล้วก็ถึงเวลาโปรโมทเว็บไซต์ลงโซเชียลมีเดีย โดยสามารถเริ่มลงมือได้จากการสร้างบัญชีสำหรับธุรกิจเสียก่อน ซึ่งเลือกสื่อโซเชียลที่ลูกค้าใช้งานเป็นประจำ เช่น Facebook หรือ Twitter และจัดการลิงก์เว็บไซต์กับโซเชียลมีเดีย ซึ่งงานต่อจากนี้ก็คือการวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ใช้สนใจ และมีส่วนร่วมกับโพสต์ของเรา รวมทั้งวางแผนช่วงเวลาที่เหมาะในการลงคอนเทนต์

เข้าถึงลูกค้าผ่าน Paid Ads

กว่า SEO จะเห็นผลบางครั้งก็ใช้เวลา ถ้าอยากเพิ่มผู้ติดตามให้มากขึ้นในเวลาที่เร็วขึ้น อาจลองพิจารณาการใช้ Paid Ads ซึ่งก็คือการโฆษณาที่ต้องจ่ายเงินนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ได้ลูกค้าแบบรวดเร็ว ขายสินค้าและบริการได้ไวขึ้น แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของค่าใช้จ่ายว่าคุ้มหรือไม่ โดยอาจจะเริ่มทำโฆษณาแบบจ่ายเงินแบบจำกัดงบก่อน เพื่อลองดูว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหรือไม่

ใช้ Email Marketing เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม

จะทำ Website Marketing ทั้งที อย่าลืมเพิ่ม Email Marketing ไปด้วยล่ะ อย่าเพิ่งคิดว่ามันหมดยุคการใช้อีเมล์ไปแล้ว แต่การประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการผ่านอีเมล์ยังถือว่าได้ผลดี และดึงลูกค้าให้กลับมายังเว็บไซต์ของเราได้ นอกจากนี้ ต้องไม่ลืมที่จะส่งอีเมลเพื่ออัพเดทข่าวสารโปรโมชั่นอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เยอะจนเกินไป จนทำให้น่ารำคาญได้

ดึงผู้ใช้กลับมายังเว็บไซต์ของเราผ่าน Remarketing

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่ามีเพียง 2% ของผู้ซื้อเท่านั้น ที่ตัดสินใจทำการสั้งซื้อทันทีที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา และผู้ซื้อจำนวนหนึ่งจะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกหลายครั้งกว่าจะทำการสั่งซื้อ หรือหยิบสินค้าใส่ไว้ในตะกร้าแล้วแต่ไม่ทำการสั่งซื้อก็มี เพราะฉะนั้น Remarketing จะมาช่วยติดตามผู้ซื้อให้เห็นโฆษณาของเราหลายๆ จากเว็บไซต์อื่น จนตัดสินใจซื้อในที่สุด

ดึงผู้ใช้กลับมายังเว็บไซต์ของเราผ่าน Remarketing

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่ามีเพียง 2% ของผู้ซื้อเท่านั้น ที่ตัดสินใจทำการสั้งซื้อทันทีที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา และผู้ซื้อจำนวนหนึ่งจะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกหลายครั้งกว่าจะทำการสั่งซื้อ หรือหยิบสินค้าใส่ไว้ในตะกร้าแล้วแต่ไม่ทำการสั่งซื้อก็มี เพราะฉะนั้น Remarketing จะมาช่วยติดตามผู้ซื้อให้เห็นโฆษณาของเราหลายๆ จากเว็บไซต์อื่น จนตัดสินใจซื้อในที่สุด

เว็บไซต์และคอนเทนต์สดใหม่อยู่เสมอ

เว็บไซต์ของคุณควรที่จะมีการอัพเดทซอฟต์แวร์ตัวล่าสุด มีความเสถียร และหน้าตาทันสมัยรวมถึงเนื้อหาคอนเทนต์ในเว็บไซต์เช่นกัน เนื้อหาจะต้องมีคีย์เวิร์ดที่ดี และเกี่ยวข้อง เนื้อหาบางอย่างที่มีการเผยแพร่เมื่อนานมาแล้วอาจมีข้อมูลที่เก่า ไม่สามารถให้ประโยชน์ต่อผู้อ่านได้ เราก็ต้องทำการแก้ไขให้ข้อมูลสดใหม่ ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ

วัดผลและวิเคราะห์เป็นประจำ

เมื่อทำ Website Marketing แล้วก็ต้องมีการวัดผล วิเคราะห์ และประเมิน ซึ่งสามารถทำได้โดยการติดตั้ง Google Analytics เพื่อดูว่าแคมเปญที่สร้างมานั้นมีคนเช้ามาดูเท่าไร เกิดการซื้อขาย หรือมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ การดูว่าโพสต์หรือคอนเทนต์ตัวไหนได้ผลตอบรับดีก็นำมาพิจารณาเพื่อผลิตคอนเทนต์ที่ตรงกับความชอบของลูกค้า

สรุป

Website Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือช่วย ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะใคร ๆ ก็หันมาซื้อของในออนไลน์ เพราะว่าง่าย และสะดวก สามารถช็อปปิงได้ตลอดเวลา การทำการตลาดออนไลน์จึงถือเป็นการทำโฆษณาที่จ่ายน้อย แต่ช่วยให้คนเห็นได้มากขึ้น นอกจากนี้การทำ Website Marketing ยังสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่แท้จริงได้ ที่สำคัญสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

Website Marketing คืออะไร?

Website Marketing คือ การทำการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย Search Engines การเขียนบล็อก หรือผ่านสื่อวิดิโอ เพื่อเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น

ความสำคัญของ Website Marketing

ความสำคัญของ Website marketing คือการเป็นเครื่องมือช่วยโฆษณา โปรโมทสินค้าและบริการ รวมถึงการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

รูปแบบการทำ Website Marketing

รูปแบบการทำ Website Marketing ประกอบไปด้วย 7 รูปแบบ คือ 

  • Email Marketing 
  • Social Media Marketing
  • Content Marketing
  • Search Engine Optimization(SEO)
  • Google Ads (or PPC Advertising)
  • Display Ads
  • Retargeting
ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง