Table of Contents

Categories

Recent Posts

eCommerce SEO

eCommerce SEO คืออะไร? พร้อมคู่มือ การทำให้ติดอันดับได้ทันที!

Table of Contents

KEY TAKEAWAYS

  • eCommerce SEO นั้นมีความยากระดับ Advanced Level เนื่องจากการทำ SEO ในเว็บไซต์ eCommerce นั้นการวาง URL Structure ครั้งแรกสำคัญที่สุด และมีความซีบซ้อนมาก เนื่องจากมีระบบ Filter เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องระวังเป็นอย่างมาก
  • การวาง URL Structure ของ eCommerce SEO ต้องคำนึงถึง Generic, Core keyword, Sub-Core keyword, และ Brand keyword ให้เป็น Fix URL ทั้งหมด และนอกนั้นปล่อยเป็น Parameter ทั้งหมด
  • พยายามทำ On-Page SEO ในแต่ละหน้าหมวดหมู่ให้สามารถมีเนื้อหาที่หน้าสนใจ พยายามหลีกเลี่ยง Wall of Text ให้มากที่สุด
  • การทำบทความในเว็บไซต์ที่เป็น eCommerce นั้นสามารถช่วยในการ เชื่อมโยงให้หาสินค้าเพื่อเกิดการซื้อขายได้

eCommerce SEO นั้นเป็นอะไรที่เข้าใจยาก และมีความซับซ้อนมาก การทำให้ตรงรูปแบบที่ต้องการนั้นไม่ใช่เรื่อง่าย แต่วันนี้ Minimice เรามาพร้อมคู่มือ ที่จะสามารถประยุกร์ใช้ได้ในทันที

ในบทความนี้เหมาะสำหรับ SEO Specialist Advanced Level, Marketing Manager, Business Owner ที่ต้องการสร้างแบรนด์ ร้านค้า ให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วย SEO

eCommerce SEO คืออะไร? ทำไมคนส่วนน้อยถึงสามารถทำได้ เป๊ะ

ถ้าให้เข้าใจง่ายๆนั้น eCommerce SEO คืออะไร ทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ที่สามารถปิดการขายได้ด้วยตัวเอง โดยเว็บไซต์นั้นต้องใช้การเชื่อม payment gateway เพื่อที่จะให้ลูกค้านั้นสามารถชำระได้อย่างง่ายดาย

โดย eCommerce SEO นั้นคือการใส่ คำอธิบายต่าง ๆ ในทุกหมวดหมู่ และสินค้า เพื่อที่จะให้ Search engine นั้นสามารถจับหน้าเราได้อย่างถี่ถ้วน และตรงจุด

ทำไมการทำ eCommerce SEO ถึงยาก?

ในความจริงแล้วนั้น eCommerce SEO นั้นไม่ได้ยากมากนัก ทั้งนี้การทำให้สามารถสร้างโครงสร้างที่ถูกต้องได้ และทุกๆอย่างให้เป๊ะนั้นเป็นเรื่องยากมาก พร้อมกับ UX/UI ที่อาจจะโดนกระทบได้อีกด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้การทำนั้นเป็นเรื่องยากมาก ที่จะคุมโทน เว็บไซต์ให้ดีทั้ง User และ Search Engine ได้

เรามาดูกันว่าข้อที่ควรทำนั้นต้องดูในส่วนใดบ้าง

การทำ eCommerce SEO

4 ข้อที่ควรจะดู ในการทำ eCommerce SEO ที่ดี

การจัดทำ Keyword Research

  • การวาง URL ให้ Search Engine Friendly
  • การจัดวาง On-Page และ Technical SEO ในแต่ละหน้าที่เหมาะสม
  • เก็บคำพวง อื่น หรือ Related Keyword ในหน้า Product

ใน 4 หัวข้อที่เราจะจับในวันนี้นั้น อาจจะดูไม่มากนัก ทั้งนี้การทำทั้ง 4 ข้อนั้นมีความซับซ้อนมากๆ เรามาไล่ดูในแต่ละข้อกัน

1. การจัดทำ Keyword Research สำหรับ eCommerce SEO

คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ขั้นตอนการทำ SEO ในช่วงแรกนั้นคือการทำ Keyword Research ทั้งนี้เราต้องทำการหา Keyword ที่เหมาะสมมากที่สุด สำหรับ eCommerce SEO ทั้งนี้เราก็จะมีขั้นตอนการหาที่เหมาะสมมากที่สุด หรือหากต้องการดูในส่วน Search volume คืออะไร นั้นสามารถกดลิงค์ได้เลย

ประเมินสินค้า ของเว็บไซต์ eCommerce

อย่างแรกเลยนั้นเราต้องประเมินการหา Keyword ที่เหมาะสมนั้น ต้องดูสินค้าที่เรามีก่อนให้ได้

หากยกตัวอย่างเรามีสินค้า เกี่ยวกับ อาหารหมา และ อาหารแมว เป็นหลัก ถ้าเรามีสินค้าดังนี้

  • อาหารหมา
  • อาหารหมา เม็ด และเปียก
  • อาหารหมา ตามขนาดของถุง
  • อาหารหมา ตามแบรนด์
  • อาหารแมว
  • อาหารแมว เม็ด และเปียก
  • อาหารแมว จามแบรนด์

ศึกษา Keyword คู่แข่งให้ครบถ้วน

เบื้องต้นนั้นเราควรจะเข้าไปหา Keyword ที่คู่แข่งในตลาดของเรามีก่อน เพื่อที่จะศึกษาตลาดว่าแต่ละคำนั้นมีการค้นหาเท่าไร และ Keyword นั้นมี Traffic เข้าไปหาเท่าไรบ้าง

เราสามารถเริ่มการใช้ เครื่องมือในการหาคำเหล่านี้ก่อน

  • Ahrefs
  • Semrush

ในวันนี้ทาง Minimice เราจะยกตัวอย่างการใช้งานของ Ahrefs เพื่อที่จะวิเคราะห์คู่แข่งในตลาดให้ได้ ซึ้งวันนี่เราจะใช้ตัวอย่างเว็บไซต์ Tailybuddy ในการศึกษา Keyword ที่เค้าติดอันดับอยู่ได้

Ahrefs นั้นเป็นเครื่องมือที่ดีมากในการค้นหา Keyword คู่แข่งเนื่องจาก เครื่องมือของ Ahrefs นั้นมีการคัดกรอง และน่าเชื่อถือที่สูงมากทำให้เราสามารถดูได้ในเชิงลึก

อย่างแรกนั้นเราเข้าไปดู URL ที่เกี่ยวกับ อาหารหมา เป็นหลัก ตามรูปนี้

ahref tool

ในส่วน Ahrefs นั้นขึ้นตาม Traffic ที่เข้ามาในหน้านั้นๆมากที่สุด ในตัวอย่างนี้จะเป็น “อาหารหมา” ที่นำพา Traffic เข้ามาให้มากที่สุดใน URL นี้

จากที่เราดูในส่วนนี้นั้นเราจะได้เห็นถึง Keyword แต่ละคำเรียบร้อย เราสามารถที่จะนำเหล่านี้มาใช้งานได้เลย และเป็นคำหลักที่ใช้ไว้เล็งได้เลย

เลือกที่ Keyword ที่เหมาะที่สุด สำหรับ eCommerce ของคุณ

การเลือก Keyword ที่เหมาะสมนั้น เราควรจะเลือก Keyword ที่ไม่ได้มีการแข่งขันที่สูงมาก เพื่อที่สามารถแข่งขันกับเว็บไซต์ที่อยู่มานานแล้วได้ โดยเราสามารถประเมินการเลือกได้ดั่งนี้

  • ใช้ Keyword ที่ไม่แข่งขันสูงมาก ก่อน
  • เน้นการแข่งขันที่ Niche
  • เลือก Keyword ที่เจาะลึกลงไปในสินค้า
  • ไม่ต้องห่วง Keyword ที่มี Search volume ที่ต่ำ

จากทั้งหมดทั้งมวลนั้น เราควรจะมี Keyword ที่เราเล็งในระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว เราจะสามารถที่จะเล็งคำนั้นได้ในแต่ละ ระยะเวลาของเว็บไซต์ของเราได้

ทั้งนี้อย่าลืม ในส่วน Keyword ที่สามารถใส่บทความได้ด้วยนะ เนื่องจาก บทความนั้นสามารถนำพา Traffic เข้ามาในเว็บไซต์ได้สูง และสามารถยกระดับเว็บไซต์ของเราได้เร็วยิ่งขึ้น

2. การวาง URL ให้ Search Engine Friendly ( โครงสร้างเว็บไซต์ )

ถ้าเราพูดถึงการทำ eCommerce SEO นั้นการวางโครงสร้างเว็บไซต์ นั้นเป็นเรื่องยากมาก ทั้งนี้การวางโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี และจัดเรียง URL ได้ดีนั้นจะสามารถที่จะติดอันดับได้อย่างยั่นยืน และแซงคู่แข่งที่โครงสร้างไม่ดีได้รวดเร็วกว่า

ความยากของการทำ eCommerce SEO นั้นคือระบบ Filter ที่จะยากต่อการวาง URL ที่ดีเป็นอย่างมาก ทั้งนีเเราสามารถดูเบื้องต้นได้ในรูปนี้

โครงสร้างเว็บไซต์ eCommerce SEO

เนื่องจากระบบ Filter นั้นสามารถเลือก รูปแบบได้ค่อนข้างเยอะมาก ทำให้การวาง URL นั้นเรื่องยากมาก และไม่ใช่ทุก URL นั้นสามารถที่จะ Index ได้

URL Structure Hierarchy

เราต้องดู Hierarchy ของเว็บไซต์สินค้าเราก่อน

  • (Brand)
  • (Main Category) – /dog/ , /cat/
  • (Sub Category) – /dog/food , /cat/food
  • (2nd Sub Category) – /dog/food/dry-food , /cat/food/wet-food

ด้วยหลักการนี้นั้นเราจะ Lock URL ที่เราต้องการเอาไว้ทั้งหมด เนื่องจาก URL เหล่านี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะให้ Index ทั้งหมด ไม่ว่าลูกค้าจะเข้ามา หรือ กดปุ่มไหนใน Filter เองก็ดี หาก condition ครบที่เป็น URL Lock ของเราจะเข้ามาใน URL นี้ทั้งหมด

URL Structure

สิ่งนี้จะเป็น URL Lock ที่เราวางไว้ทั้งหมด เพื่อที่ Google นั้นจะสามารถ Index หน้าเราได้อย่างครบถ้วน และเป็นหน้าที่เราต้องการทั้งหมด

URL Structure - Product page

Fix Product Page นั้นแปลว่า URL ภายในหน้านั้นๆของเราต้อง Lock ไว้ ด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะสามารถ Index ในหน้าสินค้าเหล่านั้นได้ด้วย

การ Lock URL แบบนี้นั้นจะทำให้ Search Engine อ่านเว็บไซต์ของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น และทำให้สามารถติดอันดับ ในคำหลัก และคำพวง ที่เรามีจุดประสงค์อยากให้ rank ได้อีกด้วยเช่นเดียวกัน

URL Structure - Parameter

Parameters นั้นจะเป็นในส่วน URL ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ส่วนมากนั้นเราจะใช้ Parameter ใน URL ที่เราไม่มีประสงค์ในการให้ Index

การใช้ Parameter นั้นต้องการ URL Path ที่ตรงกับที่ Google ต้องการด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนมากนั้นเราจะใช้ในกรณีนี้

/filter?price=100-2000 = จะเป็นราคาที่คนเลือก

/filter?price=100-2000&benefit=eye = จะเป็นคนที่เลือกราคา และ คนที่เลือกประโยชน์

เลือก URL ไหนที่จะสามารถ Index ได้

เนื่องจากระบบ filter นั้นสามารถเลือกข้ามกันได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้เราต้องหยิบเลือก URL ที่จะทำการ Index บน Google เท่านั้น และ URL ที่เราต้องปล่อยไป หรือ URL นั้นเราจะเรียกว่า Parameter ที่จะเป็นชุด URL ที่ทำให้ Google นั้นสามารถอ่านข้อมูลได้ ไม่กระทบกับผลรวมเว็บไซต์ แต่ก็จะไม่สามารถ index ได้เช่น เดียวกัน เราสามารถเข้าไปดูได้ในลิงค์นี้

เนื้อหา Parameter จาก Google

3. การจัดวาง On-Page และ Technical SEO ในแต่ละหน้าที่เหมาะสม

เรามาดูถึงในส่วน On-Page สำหรับ eCommerce นั้นเรื่องที่ไม่ยาก และมีหลากหลายขั้นตอนที่เราจะต้องดูทั้งหมดด้วยเช่นเดียวกัน ในส่วนเบื้องต้นนั้นเราควรจะดูในส่วนนี้ และสามารถกดลิงค์เข้าไปดูเนื้อหาเพิ่มเติมในส่วนนี้ได้เลย

ทั้งนี้การวาง On-Page SEO นั้นมีส่วนที่เราต้องดูด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจาก eCommerce SEO นั้นมีโอกาสที่เราจะสามารถใส่ text ต่างๆได้น้อย ซึ่งที่เรารู้กันนั้น Search Engine ชอบ text มากๆ การหาวิธีใส่ text บน eCommerce นั้นก็เป็นหน้าที่ บริษัท SEO อย่างเราที่ต้องเสนอแนะ ไอเดีย

ไอเดียการใส่ On-Page เพิ่มเติมสำหรับ eCommerce SEO

Beautrium SEO

ขอบคุณภาพจาก Beautrium

Sephora SEO

ขอบคุณภาพจาก Sephora

Chobrod SEO

ขอบคุณภาพจาก Chobrod

Kaidee SEO

ขอบคุณภาพจาก Kaidee

ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเราควรที่จะมี Internal Linking เพื่อที่จะส่งไปหาหน้าอื่นๆของเราได้ด้วย

4. เก็บคำพ่วง หรือ Related Keyword ในหน้า Product

ในแต่ละส่วนของ eCommerce นั้นจะมีในส่วนหน้าสินค้า ที่เราจะล็อค URL ไว้ ซึ้งในหน้าเหล่านี้นั้นสามารถเก็บคำได้หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนที่พิมพ์ในส่วน ขนาด รสชาติ หรือต่างๆด้วย

การใช้ คำ Related keyword นั้นเราอาจจะเก็บในส่วนคำที่เราไม่คาดคิดได้ หรือติดในส่วน Keyword ได้ในไม่ยาก

บทสรุป การทำ eCommerce SEO

การทำ eCommerce SEO นั้นมีความซับซ้อนที่มาก เราต้องดูในหลากหลายส่วนที่จะทำให้เว็บไซต์ eCommerce นั้นสามารถติดอันดับใน SEO ได้ ทั้งนี้เราต้องดูในส่วนเหล่านี้

  • การทำ Keyword Research
  • การวาง URL และโครงสร้างเว็บไซต์
  • จัดทำ On-Page และ Technical SEO ในแต่ละหน้า
  • เก็บคำ Related Keyword ในหน้า Product

การทำ eCommerce SEO นั้นมีความละเอียดอ่อน และต้องการความเป๊ะ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เราแนะนำ SEO เอเจนซี่ ที่เชี่ยวชาญใน eCommerce SEO อย่างเราช่วยเหลือในส่วนนี้ เพื่อความเป๊ะ

FAQ – คำถามที่พบบ่อย

eCommerce SEO คืออะไร?

eCommerce SEO นั้นคือการปรับปรุงเว็บไซต์ด้วย SEO ที่จะสามารถทำให้สามารถขึ้นอันดับได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ Google ดูว่าเว็บไซต์เรานั้นมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะเติบโต ยอดขาย ได้อย่างยั่งยืน

ทำไม SEO ถึงสำคัญกับ eCommerce?

เราสามารถแยกเป็น 4 อย่างหลักๆ

  • ช่วยให้คุณเจอแบรนด์คุณ: การติดอันดับในหน้าสินค้าเรานั้น สามารถที่จะทำให้ แบรนด์เราเจอมากขึ้น และง่ายขึ้น
  • ช่วยให้คนเจอสินค้าเรา: คนนั้นสามารถที่จะหาสินค้าอยู่เรื่อยๆ การติดอันดับ SEO นั้นจะช่วยดึงค่าต่างๆได้มากมาย และคนรู้จักเรามากขึ้น พร้อมกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น
  • ให้เว็บไซต์คุณเหมาะสมทุกคน: การทำ SEO นั้นเปรียบสเหมือนการปรับเว็บไซต์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ user และ bot สามารถเข้าถึงได้ง่าย แปลว่าอันดับเราก็จะติดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
  • เพิ่มยอดขาย อย่างยั่งยืน: การที่คนค้นหาสินค้าแล้เจอเว็บไซต์เรานั้นจะเพิ่มการปิดการขายได้มากขึ้น ทั้งนี้หากคนพิมพ์ ไม่ว่าคำไหนก็ตามแล้วเจอสินค้าเราหมด การปิดการขายจะเพิ่มขึ้นทวีคูณ และแบรนด์ที่แข็งยิ่งขึ้น

SEO eCommerce กับ SEO ธรรมดานั้นแตกต่างกันอย่างไร?

การทำ SEO สำหรับ eCommerce นั้นมีความแตกต่างอย่างมาก เพราะระบบ filter ที่ทำให้การทำ SEO นั้นยากมากยิ่งขึ้น และต้องมีความละเอียดสูง พร้อมกับการจับ keyword ซึ้งเราจะแบ่งออกเป็นดั่งนี้

  • URL ที่ต้องเป๊ะมากๆ เพราะระบบ Filter
  • การทำ On-Page ที่มีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น
  • การจับ Keyword ที่ยาก กว่าปกติ
  • การจัดเรียง Sitemap ที่ละเอียดกว่าปกติ

Related Articles

ให้ธุรกิจของคุณเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกับทีมการตลาดมืออาชีพ
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง
รับการตอบกลับภายใน 2 ชั่วโมง